ร้านค้าคิดยังไงกับการโดนเก็บค่า GP 30-45% ?
***
Food Delivery Apps กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งของเหล่าพ้อค้าแม่ค้า เนื่องจากช่วยเพิ่มยอดขาย ยิ่งช่วงวิกฤตแบบนี้การจะหาลูกค้าก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากหลายคนกลัวที่จะออกบ้าน เพราะโรคโควิด-19 บ้าง ขี้เกียจบ้าง หรือแม้กระทั่ง กลัวฟ้ากลัวฝนกลัวแดด บลาบลา...
****
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในตอนนี้ หลายเจ้าต้องผันตัวจากหน้าร้าน มาเป็นระบบออนไลน์ เนื่องจากลูกค้าหายทำให้ยอดขายตกกันใช่ไหม? ผู้ประกอบการหลายคนต้องยอมจำใจลงร้านกับแพลตฟอร์มต่างๆ (หรือ แอพพลิเคชั่นนั่นเอง) เพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ร้านค้าเองก็ต้องยอมเจ็บสาหัสกับการโดนทางเจ้าของแอพหัก % ไม่พอยังต้องเสียภาษี 7% ละที่นี้ผู้ประกอบการจะเหลืออะไร ไหนจะต้นทุน กับ กำไร (ที่แสนน้อยนิด)...
*
เจ้าของกระทู้เผอิญเห็นประกาศหาร้านค้า จึงได้ไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เพื่อที่จะแชร์ต่อให้กับผู้ประกอบ ที่อยากมีทางเลือกในการเลือกลงร้านค้ากับสิ่งที่เรารู้สึกแฟร์ที่สุด จะมีทั้งหมด 2 แพตฟอร์มด้วยกัน
1.Om Ordering (ออม ออเดอร์ริ่ง) พัฒนาโดย ออม แพลตฟอร์ม เริ่มจากร้านค้าทั่วเชียงใหม่แล้วค่อยๆขยาย สำหรับผู้ประกอบการทุกประเภท ทั้งสินค้าและบริการ รวมถึงร้านอาหาร
2.Robinhood (โรบินฮู้ด) เจ้านี้เป็นของ SCB ค่ะ โดยจะเริ่มให้บริการในกรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลักก่อน เริ่มต้นจากร้านอาหารก่อน
ซึ่งตอนนี้ทั้ง 2 แอพนี้กำลังพัฒนาและจะเริ่มให้บริการเร็วๆนี้ค่ะ น่าจะสักประมาณปลาย ก.ค. 63 นี้เป็นต้นไป โดยตอนนี้สามารถเข้าไปสมัครร้านค้าได้แล้ว
***
ต่อไปนี้เราจะขออธิบายรายละเอียดของทั้งสองตัวแอพนี้
แอพ ออม และ แอพ โรบินฮู้ด เท่าที่เราหาข้อมูลมา โครงความคิดไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือ เน้นช่วยผู้ประกอบ
แต่จะมีข้อแตกต่างกันตรงไหนบ้าง มาดูกันค่ะ
1.ลงทะเบียน
ลงทะเบียนฟรีทั้งสองแอพ ตั้งแต่วันนี้
2.ค่า GP
ออม ไม่เสียค่า GP สักบาท ผู้ประกอบการขายได้เท่าไหร่ เอาไปเท่านั้นเลยค่ะ ขายได้ 100 ก็เอาไป 100 ไม่มีหัก อ้าว! แล้วแพลตฟอร์มจะได้เงินจากไหนล่ะ คำตอบก็คือ ชาร์จจากช่องทางการชำระเงินออนไลน์ของลูกค้า 5%
โรบิ้นฮูด ไม่หักค่า GP นอกจากจะมีการเก็บเงินช่วยเหลือค่าขนส่ง ซึ่งเขาแจ้งว่าไม่เกิน 10% โดยนำไปลดตรงให้กับยอดการสั่งออเดรอ์นั้นให้ลูกค้า
3.การชำระเงินให้ร้านค้า
เงินจากการขายของผู้ประกอบการ จะได้รับโอนให้ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี
โรบินฮู้ด จะได้เงินจากการขายภายในหนึ่งชั่วโมง
4.การขนส่ง Delivery
ออม โคกับพาร์ทเนอร์ได้ที่ค่าขนส่งเริ่มต้นที่ 60 บาท+ระยะทาง (ส่วนตัวรู้สึกว่าแพงค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลผู้ประกอบการโดยตรง แต่โดยทางอ้อมคือลูกค้าอาจจะไม่สั่งเพราะค่าส่งแพง เราจึงแนะนำให้ทางร้านมีไรเดอร์เอง บริการจัดส่งเอง แล้วคิดค่าส่งตามระยะทาง 1-3 กม.แรกเสียค่าส่ง 20 บาทหรือเท่าไหร่ก็ว่าไป ยังไงก็ดูไปรอดกว่าให้พาร์ทเนอร์ค่ะ เพราะค่าจัดส่งแพง)
โรบินฮู้ด ค่าจัดส่งก็ตามระทางด้วยเช่นกันค่ะ ค่าจัดส่งเริ่มต้นตามสแตนดาร์ด (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆเท่าไหร่ ก็ต้องสอบถามกับทางบริษัทเพิ่มเติม) ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมาก็ไม่ต่างจาก ออม เลยค่ะ ซึ่งเห็นเขาสัมภาษณ์ว่า ถ้าที่อื่นมีโปรส่ง 10 บาท ก็ไปใช้ที่อื่น (คงไม่ง้อมั้ง)
5.การหาลูกค้า
ถ้าร้านค้ามีลูกค้าประจำเยอะ ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรในการสั่งซื้อ ต่อให้เลิกเป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มที่เก็บค่า GP 30-45% แล้วทางร้านมีบริการเดลิเวอรี่เอง ยังไงคนก็สั่งค่ะ ถ้าคนขี้เกียจไปถึงที่ร้านเอง
โรบินฮู้ด มีฐานลูกค้าคือ SCB (เห็นว่าอย่างนั้นนะ คงประมาณว่าใครๆก็ต้องรู้จัก SCB หรือหันมาใช้ SCB ก็จะมีสิทธิพิเศษมากกว่าธนาคารอื่นๆ)
****
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดคร่าวๆนะคะ เราว่า 2 แอพ นี้ก็ดีเลยที่เดียว คือช่วยร้านค้าให้ไปต่อได้ โดยไม่คิดค่าสมัคร ไม่เก็บค่า GP ซึ่งทางออมแน่นอนว่าไม่เก็บ แต่ทางโรบินฮู้ดก็ไม่แน่ เพราะ แจ้งว่าไม่เก็บ แต่ก็มีให้การว่าเก็บแต่เก็บน้อย (เก็บให้กับคนขับไม่เกิน 10%) ยิ่งสมาชิก SCB จะยิ่งมีสิทธิพิเศษในการขอสินเชื่อ (สำหรับร้านค้า) มันก็ต้องให้เขาได้ประโยชน์ด้วยอ่ะเนาะ เหมือนทำมาเพื่อช่วยเหลือสังคมร้านค้าและผู้ประกอบการ และดูสเตจเม้นทางการเงินของผู้ประกอบการในการขอสินเชื่อ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/omordering
https://droidsans.com/robinhood-executives-interviewed/
ร้านค้าจะจ่ายไหวไหม ถ้ายังถูกเก็บค่า GP 30-45% ?
***
Food Delivery Apps กลายเป็นตัวเลือกหนึ่งของเหล่าพ้อค้าแม่ค้า เนื่องจากช่วยเพิ่มยอดขาย ยิ่งช่วงวิกฤตแบบนี้การจะหาลูกค้าก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากหลายคนกลัวที่จะออกบ้าน เพราะโรคโควิด-19 บ้าง ขี้เกียจบ้าง หรือแม้กระทั่ง กลัวฟ้ากลัวฝนกลัวแดด บลาบลา...
****
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในตอนนี้ หลายเจ้าต้องผันตัวจากหน้าร้าน มาเป็นระบบออนไลน์ เนื่องจากลูกค้าหายทำให้ยอดขายตกกันใช่ไหม? ผู้ประกอบการหลายคนต้องยอมจำใจลงร้านกับแพลตฟอร์มต่างๆ (หรือ แอพพลิเคชั่นนั่นเอง) เพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ร้านค้าเองก็ต้องยอมเจ็บสาหัสกับการโดนทางเจ้าของแอพหัก % ไม่พอยังต้องเสียภาษี 7% ละที่นี้ผู้ประกอบการจะเหลืออะไร ไหนจะต้นทุน กับ กำไร (ที่แสนน้อยนิด)...
*
เจ้าของกระทู้เผอิญเห็นประกาศหาร้านค้า จึงได้ไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เพื่อที่จะแชร์ต่อให้กับผู้ประกอบ ที่อยากมีทางเลือกในการเลือกลงร้านค้ากับสิ่งที่เรารู้สึกแฟร์ที่สุด จะมีทั้งหมด 2 แพตฟอร์มด้วยกัน
1.Om Ordering (ออม ออเดอร์ริ่ง) พัฒนาโดย ออม แพลตฟอร์ม เริ่มจากร้านค้าทั่วเชียงใหม่แล้วค่อยๆขยาย สำหรับผู้ประกอบการทุกประเภท ทั้งสินค้าและบริการ รวมถึงร้านอาหาร
2.Robinhood (โรบินฮู้ด) เจ้านี้เป็นของ SCB ค่ะ โดยจะเริ่มให้บริการในกรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลักก่อน เริ่มต้นจากร้านอาหารก่อน
ซึ่งตอนนี้ทั้ง 2 แอพนี้กำลังพัฒนาและจะเริ่มให้บริการเร็วๆนี้ค่ะ น่าจะสักประมาณปลาย ก.ค. 63 นี้เป็นต้นไป โดยตอนนี้สามารถเข้าไปสมัครร้านค้าได้แล้ว
***
ต่อไปนี้เราจะขออธิบายรายละเอียดของทั้งสองตัวแอพนี้
แอพ ออม และ แอพ โรบินฮู้ด เท่าที่เราหาข้อมูลมา โครงความคิดไม่ต่างกันเท่าไหร่ คือ เน้นช่วยผู้ประกอบ
แต่จะมีข้อแตกต่างกันตรงไหนบ้าง มาดูกันค่ะ
1.ลงทะเบียน
ลงทะเบียนฟรีทั้งสองแอพ ตั้งแต่วันนี้
2.ค่า GP
ออม ไม่เสียค่า GP สักบาท ผู้ประกอบการขายได้เท่าไหร่ เอาไปเท่านั้นเลยค่ะ ขายได้ 100 ก็เอาไป 100 ไม่มีหัก อ้าว! แล้วแพลตฟอร์มจะได้เงินจากไหนล่ะ คำตอบก็คือ ชาร์จจากช่องทางการชำระเงินออนไลน์ของลูกค้า 5%
โรบิ้นฮูด ไม่หักค่า GP นอกจากจะมีการเก็บเงินช่วยเหลือค่าขนส่ง ซึ่งเขาแจ้งว่าไม่เกิน 10% โดยนำไปลดตรงให้กับยอดการสั่งออเดรอ์นั้นให้ลูกค้า
3.การชำระเงินให้ร้านค้า
เงินจากการขายของผู้ประกอบการ จะได้รับโอนให้ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี
โรบินฮู้ด จะได้เงินจากการขายภายในหนึ่งชั่วโมง
4.การขนส่ง Delivery
ออม โคกับพาร์ทเนอร์ได้ที่ค่าขนส่งเริ่มต้นที่ 60 บาท+ระยะทาง (ส่วนตัวรู้สึกว่าแพงค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลผู้ประกอบการโดยตรง แต่โดยทางอ้อมคือลูกค้าอาจจะไม่สั่งเพราะค่าส่งแพง เราจึงแนะนำให้ทางร้านมีไรเดอร์เอง บริการจัดส่งเอง แล้วคิดค่าส่งตามระยะทาง 1-3 กม.แรกเสียค่าส่ง 20 บาทหรือเท่าไหร่ก็ว่าไป ยังไงก็ดูไปรอดกว่าให้พาร์ทเนอร์ค่ะ เพราะค่าจัดส่งแพง)
โรบินฮู้ด ค่าจัดส่งก็ตามระทางด้วยเช่นกันค่ะ ค่าจัดส่งเริ่มต้นตามสแตนดาร์ด (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆเท่าไหร่ ก็ต้องสอบถามกับทางบริษัทเพิ่มเติม) ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมาก็ไม่ต่างจาก ออม เลยค่ะ ซึ่งเห็นเขาสัมภาษณ์ว่า ถ้าที่อื่นมีโปรส่ง 10 บาท ก็ไปใช้ที่อื่น (คงไม่ง้อมั้ง)
5.การหาลูกค้า
ถ้าร้านค้ามีลูกค้าประจำเยอะ ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรในการสั่งซื้อ ต่อให้เลิกเป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มที่เก็บค่า GP 30-45% แล้วทางร้านมีบริการเดลิเวอรี่เอง ยังไงคนก็สั่งค่ะ ถ้าคนขี้เกียจไปถึงที่ร้านเอง
โรบินฮู้ด มีฐานลูกค้าคือ SCB (เห็นว่าอย่างนั้นนะ คงประมาณว่าใครๆก็ต้องรู้จัก SCB หรือหันมาใช้ SCB ก็จะมีสิทธิพิเศษมากกว่าธนาคารอื่นๆ)
****
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดคร่าวๆนะคะ เราว่า 2 แอพ นี้ก็ดีเลยที่เดียว คือช่วยร้านค้าให้ไปต่อได้ โดยไม่คิดค่าสมัคร ไม่เก็บค่า GP ซึ่งทางออมแน่นอนว่าไม่เก็บ แต่ทางโรบินฮู้ดก็ไม่แน่ เพราะ แจ้งว่าไม่เก็บ แต่ก็มีให้การว่าเก็บแต่เก็บน้อย (เก็บให้กับคนขับไม่เกิน 10%) ยิ่งสมาชิก SCB จะยิ่งมีสิทธิพิเศษในการขอสินเชื่อ (สำหรับร้านค้า) มันก็ต้องให้เขาได้ประโยชน์ด้วยอ่ะเนาะ เหมือนทำมาเพื่อช่วยเหลือสังคมร้านค้าและผู้ประกอบการ และดูสเตจเม้นทางการเงินของผู้ประกอบการในการขอสินเชื่อ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/omordering
https://droidsans.com/robinhood-executives-interviewed/