แชร์ประสบการณ์เตรียมตัวสอบ IELTS มาราธอน 6 ครั้ง กว่าจะได้ 8.0

สวัสดีครับ ตั้งใจว่า ถ้าสอบผ่านแล้วจะมารีวิวให้เพื่อนๆ น้องๆ ได้ฟังกันถึงการเตรียมตัว ตอนตัวเองหาข้อมูลก็อ่านๆจากในนี้แหละ ยิ่งอ่านมาก ก็พอจะช่วยคลายกังวลและได้กำลังใจมาบ้าง เลยอยากส่งต่อสิ่งเหล่านี้บ้าง ก็จะเป็นการเล่าประสบการณ์ร่วมกับความเห็นในการเตรียมตัวนะครับ 
 
พื้นฐานและเป้าหมาย 
 สิ่งที่ทำให้การเตรียมตัวแต่ละคนต่างกัน หลักๆคงเป็นสองประเด็นนี้ ว่าพื้นฐานดีแค่ไหน และต้องการเป้าหมายสูงแค่ไหน ดังนั้นคำแนะนำประเภทแบบฟังข่าว ฟังเพลง ดู youtube มากๆ ก็จะเก่งเองอะไรแบบนี้ อาจจะพอได้ในระดับนึงนะครับ แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะไปสูงกว่านั้นคงไม่พอ  ส่วนตัวคิดว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ได้แย่ เดียวไปสอบ 1-2 ครั้งก็น่าจะผ่าน และเนื่องจากไม่เคยสอบมาก่อน ไม่เคยรู้ว่า IELTS เป็นไง คงไม่ต่างกับ CU-tep มากนัก เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลย 
 
ผลคือได้ L-6.5 R-8.5 W-5.5 S-6    รวมแล้วได้ 6.5   
 
ตอนนั้นคือช็อก มาก  เพราะเป้าหมายที่ต้องเอาไปยื่นมหาวิทยาลัยที่จะไปเรียน คือ ต้องได้ 6.5 หรือ 7 ในทุกส่วน (6.5 or 7 each band)  ซึ่งห่างไกลมาก เลยรู้ตัวว่า เออ พื้นฐานเราไม่ได้ดีแบบที่คิดเอาเองนะ ^^  เพราะเป้าหมายในใจคือ 7 ทุก band เพราะมหาลัยส่วนใหญ่ที่มองไว้คือใช้เท่านี้เป็นขั้นต่ำ ยกเว้นบางที่ 6.5 ทุก band ก็สมัครได้ เลยอยากได้ทางเลือกเผื่อๆไว้ 
 
คำแนะนำ 1 
-          ถ้าไม่เคยสอบมาก่อนเลย แนะนำให้ดู format ของข้อสอบไปก่อนครับ ส่วนนี้ทำด้วยตัวเองได้ หาอ่านทั่วไป หรือหนังสือเตรียมสอบส่วนใหญ่มักจะมีบอก จะได้คุ้นเคยกับลักษณะของข้อสอบ รวมทั้ง format ของ writing 
-          ถ้ารู้ว่า ทักษะเราอยู่ในช่วงคะแนนเท่าไร จะมีประโยชน์มาก ผมแนะนำว่า ถ้ามีตังค์ ลงสอบไปเลย จะได้รู้แน่ๆ อย่างคะแนนผม คือรู้ว่า ส่วนที่ต้องจัดการมากๆ คือ writing และ speaking การเตรียมตัวก็เน้นตรงนั้นได้เต็มที่ อีกทางเลือกคือลง Mock exam ตามสถาบันต่างๆ มักราคาถูกกว่า แต่คะแนนอาจไม่สะท้อนคะแนนจริง ก่อนสอบรอบ 3 มั้ง ผมเคยลง mock writing แล้วได้ 5 ซึ่งคิดว่าไม่ตรงเท่าไรนัก (หลัง mock 1 สัปดาห์ไปสอบจริงได้ 6.5)    สุดท้ายถ้าไม่อยากลองสอบ ก็อาจทำแบบฝึกหัด reading กับ listening โดยจับเวลาเหมือนจริงดูก่อนก็ได้ครับ ประหยัดเงินเพราะมีฟรีในเน็ทเยอะเลย แล้วถ้าเรารู้สองส่วนนี้ ก็พอรู้คร่าวๆ ว่า ต้องทำอะไรต่อ 
-          เป้าหมาย อันนี้จะพอช่วยเวลาหาข้อมูลต่างๆ หรือ คลาสเรียน ว่าเหมาะกับเรามั้ย บางคำแนะนำคือดี แต่เหมาะสำหรับเป้าหมายที่ไม่สูงมากนัก หรือคลาสเรียนบางอันที่การันตี overall 6.5 อะไรแบบนี้ก็อาจจะมีประโยชน์น้อยหน่อย แต่จะมีประโยชน์มากตอนเราไปปรึกษาครูน่ะครับ ว่าเราได้เท่านี้ เราอยากได้เพิ่มเป็นเท่านี้ ควรลงอะไร หรือทำไงดี   .
 
การติวเพื่อสอบ IELTS 
                ผมก็เริ่มต้นเหมือนคนอื่นๆ ก็คือหาข้อมูลในนี้ กับในเน็ททั่วไปว่าที่ไหนดี เวลากับราคาอันไหนสะดวกกับเราบ้าง ผมเรียนทั้งหมด 5 ที่ครับ 
1.       Good languages แถวพญาไท เลือกที่นี่เพราะราคาไม่แพงนัก เดินทางสะดวกและเวลาได้ โดยเรียนเป็นที่แรกหลังจากสอบครั้งที่ 1 ผ่านไป ก็เอาคะแนนกับเป้าไปให้คุณครูเค้าดู พอบอกว่า 7 ครูก็นิ่งไปพักนึง ตอนนั้นก็รู้ละล่ะว่า เออ คงยาก 5555 แต่ครูก็บอกว่าพยายามกันไป คลาสที่เรียนเป็นคอร์สรวม 4 ทักษะ เป็นกลุ่มราวๆ 10 คน ครูที่เป็นเหมือนเจ้าของเค้าจะสอน writing ก็คือสอนค่อนข้างดี เดินไปช้าๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยสอบหรือพื้นฐานอ่อน จะเน้นทุกคร้ั้งว่า โครงสร้างข้อสอบเป็นอย่างไร pattern โจทย์ของ writing มีแบบไหนบ้าง และควรตอบแบบไหนบ้าง หลังจากนั้นก็จะให้ส่งการบ้าน แล้วครูจะตรวจให้ รู้สึกได้ประโยชน์มากเพราะทำให้รู้พื้นฐานและข้อผิดของเราทั้งหมด ครูตั้งใจและใส่ใจสอน  ส่วน Reading กับ Listening ส่วนตัวรู้สึกว่า จังหวะในการเรียนมันช้าไปหน่อย ฝึกเองได้ แต่ถ้าพื้นเดิมอยู่ราวๆ 5 - 5.5 ไรทำนองนี้มาเรียนยังไงก็คะแนนน่าจะขึ้น อันสุดท้ายคือ speaking เป็นครูฝรั่ง ตอนนั้นไม่ชอบเท่าไรนัก เพราะพอเรียนเป็นกลุ่ม หรือจับคู่กัน ก็จะต้องรอคนอื่น ทำให้ได้ฝึกน้อย บางคนไม่พูดไรเลย ยิ่งต้องรอนาน แต่ทักษะการสอนโอเค ดูตั้งใจ แต่จะขาดเรื่องการ feedback แต่เหมือนมีครูหลายคนไม่รู้ว่าคนอื่นจะต่างไปหรือเปล่านะครับ 
                โดยสรุป ได้จากที่นี่คือเรื่อง พื้นฐานการทำข้อสอบทั้งหมด รู้ข้อบกพร่องของตัวเองเรื่องการเขียนและการขาดความมั่นใจในการพูด ส่วนที่ไม่ชอบจากที่นี่ คงเป็นข้อจำกัดของการเรียนแบบกลุ่ม
 
2.       Oxbridge ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ อยู่แถวๆ เพลินจิต ตอนนั้น ลง speaking course อย่างเดียว รูปแบบการเรียนคล้ายกับที่แรก เป็นกลุ่มใหญ่ แต่ครูฝรั่งที่นี่ค่อนข้างดี น่าจะเคยเป็น examiner มาก่อน ให้ฟีลเหมือนเรียนพิเศษกับคุณครูสมัยมัธยม อะไรแบบนี้ ก็ได้ฝึกบ้าง ใน common topics สำหรับการสอบ ก็ได้ฝึกใช้ adjectives ต่างๆ หลากหลายมากขึ้น  แต่ด้วยความเป็นคลาสรวม ก็ไม่ต่างจากที่แรกมากนักในแง่ที่ต้องรอ คนอื่นๆ ซึ่งเป็นลักษณะของการเรียนคลาสรวมแหละ  บางคนพูดเยอะก็จะสนุกหน่อย แต่ถ้ามีคนไม่พูดหรือพูดช้าก็จะหนืดๆนิดนึง   ครูก็เน้นให้ความกล้าในการพูดและความคุ้นเคยกับโจทย์ ส่วนตัวรู้สึกยังไม่ได้ feedback เท่าที่ควร   แต่หลังจากเรียนสองคอร์สข้างบนก็ได้ 7 ทุกอันยกเว้น writing ละครับ คงมีการพัฒนาอยู่ในระดับนึง 
 
3.       ติวตัวต่อตัว หลังจากที่สอบรอบสองไปละคะแนนไม่ถึง เลยคิดว่า ยอมจ่ายเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า เรียนตัวต่อตัวไปเลย การสอบรอบที่ 3-6 ก็คือ เป็นช่วงที่เรียนตัวต่อตัว 
 
3.1  ดิวเตอร์ writing  น่าจะเป็นคนที่เรียนด้วยยาวที่สุดในการเรียนทั้งหมด ได้ contact มาจากเพื่อนแนะนำมาอีกที เรียนครั้งละ 2 ชม อาทิตย์ละครั้ง  น้องเค้าเป็นติวเตอร์ฟรีแลนซ์ที่ติว writing อยู่  คิดว่าได้อะไรเยอะมากจากการเรียนตัวต่อตัว เพราะจะถูกแก้ทีละประโยค ปรับการใช้คำที่ไม่ถูก รวมทั้งแกรมม่าต่างๆ รูปประโยคไหนซับซ้อนไปก็จะให้ rewrite ตรงนั้นเลย อันไหนง่ายไปก็จะช่วยเขียนให้ดูเป็นตัวอย่าง อันนี้เรียนคู่กันไปกับ ข้อ 2 ข้างบน หลังจากนั้นก็เรียนต่อยาวเลย  
 
3.2 private session ของ wall street  เป็นช่วงหลังสอบครั้งที่ 3-4  คะแนน reading กับ Listening เกิน 7 ทุกครั้งแล้ว ไม่เป็นปัญหา แต่ speaking กลับลอยไปมาระหว่าง 6.5 กับ 7 เเลยตัดสินใจ เสียเงินเพิ่ม ลงคอร์ส IELTs private ของสถาบันนี้ ดู ก็แพงสุดในทุกอันที่เรียนมาแหละ แต่ตอนนั้นคิดว่า ทุ่มสักครั้งเพราะหวัง ทั้ง speaking และ writing   พอเป็นคอร์สส่วนตัว IELTs ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวกับหลักสูตร General english ของเค้าเท่าไหร่ แต่เป็นทีมคุณครูฝรั่งมาสอน ข้อดีมากๆ คือ ออกแบบเองได้ เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์และรู้ว่าขาดอะไร ผมเลยแบ่งเวลาครึ่งๆเป็น writing กับ speaking   โชคดีที่ได้คุณครูที่ถูกจริตกัน เข้มงวดมากและตรงไปตรงมา ขีดฆ่าแทบทุกประโยคที่เขียนไป  พยายามให้เราเรียบเรียงประโยคให้เรียบง่ายแต่ซับซ้อน …. เออ นั่นแหละฮะ ^^    งานชิ้นหลังๆ เลยอ่านเป็นภาษาเขียนได้มากขึ้น ส่วนเรื่องพูดก็มั่นใจมากขึ้น 
 
3.3 ติวตัวต่อตัว ต่อเนื่อง  ช่วงหลังมา สอบห่างออกเพราะอยากให้พร้อมจริงๆ หลังจาก 3.2 ครบแล้ว เลยขอ contact คุณครูฝรั่งไว้ หลังจากพักเหนื่อยระยะนึงเลยติดต่อเรียนกับเค้าต่อ จนกระทั่งก่อนสอบครั้งรองสุดท้ายราว สองสัปดาห์จึงหยุดเรียนไป    
       การเรียนตัวต่อตัวเหมาะกับผมที่สุด เพราะกำหนดจังหวะการเรียนได้ ได้ feedback เยอะมากทั้งการออกเสียง การเขียนและอื่นๆ เลยเป็นช่วงที่พัฒนาเยอะสุด แน่นอน แพงกว่าแบบคลาส  ถ้าย้อนกลับไปได้ จะเรียนคลาสไหม ก็อาจจะเรียน ในข้อ 1 ที่ได้พื้นฐานมา หลังจากนั้นคงติวตัวต่อตัว   
 
คำแนะนำ 2 เรียนตัวต่อตัวเลยครับ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบ   

**ขอต่อในคอมเม้นท์ 1 นะครับ **
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่