ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วเอามาพิจารณา ถ้าจะอธิบายวิวัฒนาการแบบเข้าใจง่าย ๆ แบบนี้ถูกมั้ยครับ
การวิวัฒนาการจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือภูมิประเทศ สัตว์ชนิดใดที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ ก็จะมีชีวิตรอด สืบลูกสืบหลานต่อไป
อย่างเช่น มีสัตว์ชนิดหนึ่ง ขอเรียกว่าสัตว์สมมติ อาศัยในพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้า กินหญ้าเป็นอาหาร วันดีคืนดีเกิดการเปลี่ยนแปลง ทุ่งหญ้าหายไปหรือลดจำนวนลง ทำให้สัตว์สมมติหาหญ้ากินยากกว่าเดิม แล้วก็มีสัตว์สมมติกลุ่มหนึ่ง ลองเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินใบไม้บนต้นไม้ หรือผลไม้ที่อยู่บนต้นแทน ในขณะที่สัตว์สมมติอีกกลุ่มหนึ่งไม่ปรับตัว ใช้ชีวิตเหมือนเดิม นานวันเข้า กลุ่มที่ไม่ปรับตัวก็อาจจะสูญพันธุ์ไป
ในกลุ่มที่ปรับตัวนั้นก็จะมีบางตัวที่มีร่างกายหรือลักษณะพิเศษบางอย่างที่เอื้ออำนวยกับวิถีชีวิตแบบใหม่มากกว่าตัวอื่นในกลุ่มอีก ทำให้ได้เปรียบ หาอาหารได้มากกว่า มีชีวิตรอด สืบลูกหลานได้มากกว่า จนเวลาผ่านไป ลักษณะที่ได้เปรียบนั้นก็ถูกธรรมชาติคัดเลือกมา และเกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในที่สุด
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพก็อาจจะเป็นว่า ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส เป็นยุคที่โลกมีออกซิเจนมาก ส่งผลให้แมลงซึ่งจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากในการหายใจมีขนาดใหญ่ยักษ์ตามไปด้วย เพราะมีออกซิเจนอย่างเพียงพอ แมลงที่มีชื่อเสียงในยุคนี้คือ แมลงปอยักษ์เมกานิวรา
แต่ยุคปัจจุบัน ออกซิเจนน้อยลงมากหากเทียบกับยุคคาร์บอนิเฟอรัส แมลงจึงต้องวิวัฒนาการให้มีขนาดเล็กลง จะได้ไม่ต้องใช้ออกซิเจนมาก แต่การวิวัฒนาการให้ตัวเล็กลงของแมลงอาจจะไม่ใช่แบบว่าแมลงใช้พลังในการย่อตัวเองให้เล็กลงในทันทีแบบในหนัง
แต่อาจจะเป็นเพราะ ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส แมลงที่ตัวใหญ่ก็ต้องการออกซิเจนมาก แมลงที่ตัวเล็กกว่าก็ต้องการออกซิเจนน้อยกว่า พอมาถึงยุคที่ออกซิเจนน้อยลง แมลงที่ตัวเล็กได้รับออกซิเจนเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่ไม่พอสำหรับพวกตัวใหญ่ ท้ายที่สุด แมลงตัวใหญ่จึงค่อย ๆ ตายไป ส่วนพวกตัวเล็กก็รอดมาได้เรื่อย ๆ จนลักษณะที่ตัวเล็กได้ถูกคัดเลือกมา เพราะได้เปรียบและเหมาะกับโลกที่ออกซิเจนน้อย
หรือเสือโคร่งกับสิงโต มันคงมีบรรพบุรุษร่วมกัน ต่อมา บรรพบุรุษของเสือและสิงโตอาจจะเดินทางแยกสายกันไป สายหนึ่งอยู่ที่เอเชีย อีกสายไปแอฟริกา ซึ่งในตอนนั้น บรรพบุรุษของเสือและสิงโตอาจจะมีลายเหมือนกันหมด แต่ก็อาจจะมีทั้งตัวที่ลายจางและลายเข้ม
สายที่ไปเอเชียซึ่งมีภูมิประเทศเป็นป่าดงดิบ มีพุ่มไม้ บรรพบุรุษของเสือตัวที่มีลายเข้มและสามารถพรางตัวในภูมิประเทศดังกล่าวได้ดีในเวลาล่าเหยื่อก็จะมีโอกาสจับเหยื่อได้มากกว่า มีโอกาสรอด สืบลูกสืบหลานได้มากกว่า ลักษณะนี้จึงถูกคัดเลือกมา และวิวัฒนาการจนกลายเป็นเสือโคร่ง ส่วนตัวที่ลายจาง ๆ หรือลายไม่เหมาะกับการพรางตัว ก็อาจจะจับเหยื่อได้ยาก เพราะเหยื่อจะเห็นและหนีไปได้ก่อน ท้ายที่สุดก็สูญพันธุ์ไป
ตรงข้ามกับกลุ่มที่ไปแอฟริกาซึ่งมีทุ่งหญ้าสะวันน่าที่มีสีเหลือง พวกที่มีลายอาจจะพรางตัวได้ไม่เนียนเท่าพวกที่ไม่มีลายหรือลายจาง ๆ ทำให้กลุ่มไม่มีลายได้เปรียบมากกว่าจนในที่สุดก็สืบลูกสืบหลานได้มากพอ และวิวัฒนาการจนมาเป็นสิงโต ส่วนแผงคอของตัวผู้ อาจจะมาจากการที่มีตัวผู้ตัวหนึ่งมีขนคอที่ยาวกว่าตัวอื่นนิดหน่อย ปรากฏว่าขนคอที่ยาวนั้นช่วยปกป้องคอของมันในการต่อสู้ ทำให้มีชีวิตรอดจนได้สืบพันธุ์ ยีนขนคอที่ยาวก็ถูกส่งต่อไป นานเข้า เมื่อลักษณะขนคอที่ยาวทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้หรือเลือกตัวเมีย และสืบพันธุ์ได้ ลักษณะที่กลายเป็นแผงคอของสิงโตจึงถูกคัดเลือกมา
ผมอธิบายถูกหรือไม่เกี่ยวกับวิวัฒนาการและการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
การวิวัฒนาการจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือภูมิประเทศ สัตว์ชนิดใดที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ ก็จะมีชีวิตรอด สืบลูกสืบหลานต่อไป
อย่างเช่น มีสัตว์ชนิดหนึ่ง ขอเรียกว่าสัตว์สมมติ อาศัยในพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้า กินหญ้าเป็นอาหาร วันดีคืนดีเกิดการเปลี่ยนแปลง ทุ่งหญ้าหายไปหรือลดจำนวนลง ทำให้สัตว์สมมติหาหญ้ากินยากกว่าเดิม แล้วก็มีสัตว์สมมติกลุ่มหนึ่ง ลองเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินใบไม้บนต้นไม้ หรือผลไม้ที่อยู่บนต้นแทน ในขณะที่สัตว์สมมติอีกกลุ่มหนึ่งไม่ปรับตัว ใช้ชีวิตเหมือนเดิม นานวันเข้า กลุ่มที่ไม่ปรับตัวก็อาจจะสูญพันธุ์ไป
ในกลุ่มที่ปรับตัวนั้นก็จะมีบางตัวที่มีร่างกายหรือลักษณะพิเศษบางอย่างที่เอื้ออำนวยกับวิถีชีวิตแบบใหม่มากกว่าตัวอื่นในกลุ่มอีก ทำให้ได้เปรียบ หาอาหารได้มากกว่า มีชีวิตรอด สืบลูกหลานได้มากกว่า จนเวลาผ่านไป ลักษณะที่ได้เปรียบนั้นก็ถูกธรรมชาติคัดเลือกมา และเกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในที่สุด
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพก็อาจจะเป็นว่า ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส เป็นยุคที่โลกมีออกซิเจนมาก ส่งผลให้แมลงซึ่งจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากในการหายใจมีขนาดใหญ่ยักษ์ตามไปด้วย เพราะมีออกซิเจนอย่างเพียงพอ แมลงที่มีชื่อเสียงในยุคนี้คือ แมลงปอยักษ์เมกานิวรา
แต่ยุคปัจจุบัน ออกซิเจนน้อยลงมากหากเทียบกับยุคคาร์บอนิเฟอรัส แมลงจึงต้องวิวัฒนาการให้มีขนาดเล็กลง จะได้ไม่ต้องใช้ออกซิเจนมาก แต่การวิวัฒนาการให้ตัวเล็กลงของแมลงอาจจะไม่ใช่แบบว่าแมลงใช้พลังในการย่อตัวเองให้เล็กลงในทันทีแบบในหนัง
แต่อาจจะเป็นเพราะ ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส แมลงที่ตัวใหญ่ก็ต้องการออกซิเจนมาก แมลงที่ตัวเล็กกว่าก็ต้องการออกซิเจนน้อยกว่า พอมาถึงยุคที่ออกซิเจนน้อยลง แมลงที่ตัวเล็กได้รับออกซิเจนเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่ไม่พอสำหรับพวกตัวใหญ่ ท้ายที่สุด แมลงตัวใหญ่จึงค่อย ๆ ตายไป ส่วนพวกตัวเล็กก็รอดมาได้เรื่อย ๆ จนลักษณะที่ตัวเล็กได้ถูกคัดเลือกมา เพราะได้เปรียบและเหมาะกับโลกที่ออกซิเจนน้อย
หรือเสือโคร่งกับสิงโต มันคงมีบรรพบุรุษร่วมกัน ต่อมา บรรพบุรุษของเสือและสิงโตอาจจะเดินทางแยกสายกันไป สายหนึ่งอยู่ที่เอเชีย อีกสายไปแอฟริกา ซึ่งในตอนนั้น บรรพบุรุษของเสือและสิงโตอาจจะมีลายเหมือนกันหมด แต่ก็อาจจะมีทั้งตัวที่ลายจางและลายเข้ม
สายที่ไปเอเชียซึ่งมีภูมิประเทศเป็นป่าดงดิบ มีพุ่มไม้ บรรพบุรุษของเสือตัวที่มีลายเข้มและสามารถพรางตัวในภูมิประเทศดังกล่าวได้ดีในเวลาล่าเหยื่อก็จะมีโอกาสจับเหยื่อได้มากกว่า มีโอกาสรอด สืบลูกสืบหลานได้มากกว่า ลักษณะนี้จึงถูกคัดเลือกมา และวิวัฒนาการจนกลายเป็นเสือโคร่ง ส่วนตัวที่ลายจาง ๆ หรือลายไม่เหมาะกับการพรางตัว ก็อาจจะจับเหยื่อได้ยาก เพราะเหยื่อจะเห็นและหนีไปได้ก่อน ท้ายที่สุดก็สูญพันธุ์ไป
ตรงข้ามกับกลุ่มที่ไปแอฟริกาซึ่งมีทุ่งหญ้าสะวันน่าที่มีสีเหลือง พวกที่มีลายอาจจะพรางตัวได้ไม่เนียนเท่าพวกที่ไม่มีลายหรือลายจาง ๆ ทำให้กลุ่มไม่มีลายได้เปรียบมากกว่าจนในที่สุดก็สืบลูกสืบหลานได้มากพอ และวิวัฒนาการจนมาเป็นสิงโต ส่วนแผงคอของตัวผู้ อาจจะมาจากการที่มีตัวผู้ตัวหนึ่งมีขนคอที่ยาวกว่าตัวอื่นนิดหน่อย ปรากฏว่าขนคอที่ยาวนั้นช่วยปกป้องคอของมันในการต่อสู้ ทำให้มีชีวิตรอดจนได้สืบพันธุ์ ยีนขนคอที่ยาวก็ถูกส่งต่อไป นานเข้า เมื่อลักษณะขนคอที่ยาวทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้หรือเลือกตัวเมีย และสืบพันธุ์ได้ ลักษณะที่กลายเป็นแผงคอของสิงโตจึงถูกคัดเลือกมา