สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาแห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน
คริสตศาสนิกชน และมุสลิม : ร่วมกันปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้า
สาส์นในโอกาสสิ้นสุดเดือนรอมฎอนฉลองวันอีฏี้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 /ค.ศ. 2020 นครรัฐวาติกัน
พี่น้องชาวมุสลิมที่รักทั้งหลายเดือนรอมฎอนสำคัญที่สุดในศาสนาของท่าน ดังนั้นจึงเป็นวันพิเศษสำหรับท่านทั้งในระดับส่วนบุคคล ครอบครัว และสังคม นี่คือเวลาสำหรับการนำบัดรักษาและการเติบโตของจิตวิญญาณ สำหรับแบ่งปันกับคนยากจน สำหรับกระชับความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องและมิตรสหาย
สำหรับเรา ผู้เป็นเพื่อนชาวคริสต์ของท่าน นี่คือโอกาสอันดีที่จะกระชับความสัมพันธ์กับท่าน ด้วยการทักทายท่านและพบกับท่านในโอกาสนี้ และเมื่อใดที่ทำได้ ด้วยการร่วมรับประทานอาหารมื้อแรกหลังจากละศีลอด (iftar) ทั้งรอมฎอมและอีฏี้ลฟิตริ จึงเป็นโอกาสพิเศษที่จะส่งเสริมภราดรภาพระหว่างคริสตศาสนิกชนและชาวมุสลิม ด้วยเจตนารมณ์นี้ สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาแห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน จึงขอส่งความปรารถนาดี และแสดงความยินดีอย่างจริงใจกับท่านทั้งหลาย
ความคิดที่เราไคร่จะแบ่งปันกับท่านในปีนี้ตามธรรมเนียมที่เรายึดมั่นมานานนั้น เกี่ยวข้องกับการปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้า
ดังที่เราทุกคนทราบดี สถานที่นมัสการพระเจ้าเป็นสถานที่สำคัญในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม รวมทั้งในศาสนาอื่นๆ ด้วย สำหรับคริสตศาสนิกชนและชาวมุสลิม โบสถ์และมัสยิดเป็นพื้นที่ซึ่งเราสงวนไว้สำหรับการภาวนาทั้งการภาวนาส่วนตัวและเป็นหมู่คณะ สถานที่เหล่านี้ถูกสร้างและตกแต่งเพื่อสนับสนุนให้เกิดความเงียบ การไตร่ตรอง และการรำพึงภาวนาสถานที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ซึ่งเราสามารถเข้าไปในที่ลึกในตนเอง ดังนั้นจึงสนับสนุนให้มีประสบการณ์กับพระเจ้าในความเงียบ สถานที่นมัสการพระเจ้าของทุกศาสนาจึงเป็น “บ้านแห่งกาวกาวนา” (อิสยาห์56:7)
สถานที่นมัสการพระเจ้ายังเป็นพื้นที่สำหรับแสดงความเอื้อเฟื้อฝ่ายจิตที่ซึ่งผู้มีความเชื่อในศาสนาอื่นสามารถเข้าร่วมในพิธีการพิเศษบางอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานปลงศพ งานเลี้ยงฉลองของชุมชน เป็นต้น ขณะที่คนเล่านี้เข้าร่วมในงานต่างๆ อย่างเงียบๆ และด้วยความเคารพต่อพิธีกรรมของศาสนานั้น เขาจะชื่นชมยินดีกับการต้อนรับที่เจ้าภาพมอบให้อีกด้วย การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการยืนยันว่าสิ่งใดรวมผู้มีความเชื่อไว้ด้วยกัน โดยไม่ด้อยค่าหรือปฏิเสธสิ่งใดก็ตามที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกัน
ในด้านนี้ เราควรระลึกถึงพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซีสเมื่อพระองค์เสด็จเยือนมัสยิด Heydar Aliyev ที่บากู (ประเทศอาเซอร์ไบจัน) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ว่า “การพบกันในมิตรภาพกันเน้อะในสถานที่ภาวนานี้เป็นเครื่องหมายอันทรงพลัง ที่แสดงให้เห็นความปรองดองที่ศาสนาต่างๆ สามารถร่วมกันสร้างขึ้นได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และไมตรีจิตของบุคคลที่รับผิดชอบ”
ในสถานการณ์ของการโจมตีโบสถ์ มัสยิด และศาลาธรรมเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกระทำโดยบุคคลที่มีเจตนาร้าย ผู้ดูเหมือนจะมองว่าสถานที่นมัสการพระเจ้าเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการแสดงความรุนแรงอย่างตาบอดและขาดสติ เราควรใส่ใจกันเอกสารเรื่อง “Human Fraternity for World Peace and Living Together” ที่ลงนามโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส และ Dr. Ah-mad Al-Tayyeb ผู้เป็น Grand Imam แห่ง Al-Azhar ที่กรุงอาบูดาบี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ซึ่งกล่าวว่า “การปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้าทั้งศาลาธรรม โบสถ์ และมัสยิด ได้รับการค้ำประกันจากศาสนา ค่านิยมของมนุษย์ กฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศ ทุกความพยายามที่จะโจมตีสถานที่นมัสการพระเจ้าหรือคุกคามสถานที่เหล่านี้ โดยใช้ความรุนแรง การวางระเบิดหรือการทำลาย ล้วนเป็นการเบี่ยงเบนไปจากคำสั่งสอนของศาสนาต่างๆ รวมทั้งเป็นการละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน”
เราชื่นชมความพยายามของประชาคมโลกในระดับต่างๆ ในการปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้าทั่วโลก แต่เราก็หวังด้วยว่า ความเคารพต่อกันและความร่วมมือกันจะช่วยเสริมความผูกพันอันเกิดจากมิตรภาพที่จริงใจ และช่วยให้ชุมชนของเราปกป้องคุ้มครองสถานที่นมัสการพระเจ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชนรุ่นหลังจะมีเสรีภาพที่จะประกาศยืนยันความเชื่อของเขา
สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาแห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน ขอแสดงความเคารพและทักทายฉันพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง และขอแสดงความปรารถนาดีให้เดือนรอมฎอนของท่านบังเกิดผลอย่างอุดม และขอให้ทำนฉลองวันอีฎี้ลฟิตริด้วยความยินดี
จากนครรัฐวาติกัน, 17 เมษายน ค.ศ. 2020
Miguel Angel Card. Ayuso Guixot, MCCJ
President
Msgr. Kodithuwakku K. Indunil J.
Secretary
CR. :
https://www.facebook.com/117539084937399/posts/3266351070056169/?d=n
คริสตศาสนิกชน และมุสลิม : ร่วมกันปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้า
คริสตศาสนิกชน และมุสลิม : ร่วมกันปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้า
สาส์นในโอกาสสิ้นสุดเดือนรอมฎอนฉลองวันอีฏี้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 /ค.ศ. 2020 นครรัฐวาติกัน
พี่น้องชาวมุสลิมที่รักทั้งหลายเดือนรอมฎอนสำคัญที่สุดในศาสนาของท่าน ดังนั้นจึงเป็นวันพิเศษสำหรับท่านทั้งในระดับส่วนบุคคล ครอบครัว และสังคม นี่คือเวลาสำหรับการนำบัดรักษาและการเติบโตของจิตวิญญาณ สำหรับแบ่งปันกับคนยากจน สำหรับกระชับความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องและมิตรสหาย
สำหรับเรา ผู้เป็นเพื่อนชาวคริสต์ของท่าน นี่คือโอกาสอันดีที่จะกระชับความสัมพันธ์กับท่าน ด้วยการทักทายท่านและพบกับท่านในโอกาสนี้ และเมื่อใดที่ทำได้ ด้วยการร่วมรับประทานอาหารมื้อแรกหลังจากละศีลอด (iftar) ทั้งรอมฎอมและอีฏี้ลฟิตริ จึงเป็นโอกาสพิเศษที่จะส่งเสริมภราดรภาพระหว่างคริสตศาสนิกชนและชาวมุสลิม ด้วยเจตนารมณ์นี้ สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาแห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน จึงขอส่งความปรารถนาดี และแสดงความยินดีอย่างจริงใจกับท่านทั้งหลาย
ความคิดที่เราไคร่จะแบ่งปันกับท่านในปีนี้ตามธรรมเนียมที่เรายึดมั่นมานานนั้น เกี่ยวข้องกับการปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้า
ดังที่เราทุกคนทราบดี สถานที่นมัสการพระเจ้าเป็นสถานที่สำคัญในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม รวมทั้งในศาสนาอื่นๆ ด้วย สำหรับคริสตศาสนิกชนและชาวมุสลิม โบสถ์และมัสยิดเป็นพื้นที่ซึ่งเราสงวนไว้สำหรับการภาวนาทั้งการภาวนาส่วนตัวและเป็นหมู่คณะ สถานที่เหล่านี้ถูกสร้างและตกแต่งเพื่อสนับสนุนให้เกิดความเงียบ การไตร่ตรอง และการรำพึงภาวนาสถานที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ซึ่งเราสามารถเข้าไปในที่ลึกในตนเอง ดังนั้นจึงสนับสนุนให้มีประสบการณ์กับพระเจ้าในความเงียบ สถานที่นมัสการพระเจ้าของทุกศาสนาจึงเป็น “บ้านแห่งกาวกาวนา” (อิสยาห์56:7)
สถานที่นมัสการพระเจ้ายังเป็นพื้นที่สำหรับแสดงความเอื้อเฟื้อฝ่ายจิตที่ซึ่งผู้มีความเชื่อในศาสนาอื่นสามารถเข้าร่วมในพิธีการพิเศษบางอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานปลงศพ งานเลี้ยงฉลองของชุมชน เป็นต้น ขณะที่คนเล่านี้เข้าร่วมในงานต่างๆ อย่างเงียบๆ และด้วยความเคารพต่อพิธีกรรมของศาสนานั้น เขาจะชื่นชมยินดีกับการต้อนรับที่เจ้าภาพมอบให้อีกด้วย การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการยืนยันว่าสิ่งใดรวมผู้มีความเชื่อไว้ด้วยกัน โดยไม่ด้อยค่าหรือปฏิเสธสิ่งใดก็ตามที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกัน
ในด้านนี้ เราควรระลึกถึงพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซีสเมื่อพระองค์เสด็จเยือนมัสยิด Heydar Aliyev ที่บากู (ประเทศอาเซอร์ไบจัน) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ว่า “การพบกันในมิตรภาพกันเน้อะในสถานที่ภาวนานี้เป็นเครื่องหมายอันทรงพลัง ที่แสดงให้เห็นความปรองดองที่ศาสนาต่างๆ สามารถร่วมกันสร้างขึ้นได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และไมตรีจิตของบุคคลที่รับผิดชอบ”
ในสถานการณ์ของการโจมตีโบสถ์ มัสยิด และศาลาธรรมเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกระทำโดยบุคคลที่มีเจตนาร้าย ผู้ดูเหมือนจะมองว่าสถานที่นมัสการพระเจ้าเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการแสดงความรุนแรงอย่างตาบอดและขาดสติ เราควรใส่ใจกันเอกสารเรื่อง “Human Fraternity for World Peace and Living Together” ที่ลงนามโดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส และ Dr. Ah-mad Al-Tayyeb ผู้เป็น Grand Imam แห่ง Al-Azhar ที่กรุงอาบูดาบี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ซึ่งกล่าวว่า “การปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้าทั้งศาลาธรรม โบสถ์ และมัสยิด ได้รับการค้ำประกันจากศาสนา ค่านิยมของมนุษย์ กฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศ ทุกความพยายามที่จะโจมตีสถานที่นมัสการพระเจ้าหรือคุกคามสถานที่เหล่านี้ โดยใช้ความรุนแรง การวางระเบิดหรือการทำลาย ล้วนเป็นการเบี่ยงเบนไปจากคำสั่งสอนของศาสนาต่างๆ รวมทั้งเป็นการละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน”
เราชื่นชมความพยายามของประชาคมโลกในระดับต่างๆ ในการปกป้องสถานที่นมัสการพระเจ้าทั่วโลก แต่เราก็หวังด้วยว่า ความเคารพต่อกันและความร่วมมือกันจะช่วยเสริมความผูกพันอันเกิดจากมิตรภาพที่จริงใจ และช่วยให้ชุมชนของเราปกป้องคุ้มครองสถานที่นมัสการพระเจ้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชนรุ่นหลังจะมีเสรีภาพที่จะประกาศยืนยันความเชื่อของเขา
สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนาแห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน ขอแสดงความเคารพและทักทายฉันพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง และขอแสดงความปรารถนาดีให้เดือนรอมฎอนของท่านบังเกิดผลอย่างอุดม และขอให้ทำนฉลองวันอีฎี้ลฟิตริด้วยความยินดี
จากนครรัฐวาติกัน, 17 เมษายน ค.ศ. 2020
Miguel Angel Card. Ayuso Guixot, MCCJ
President
Msgr. Kodithuwakku K. Indunil J.
Secretary
CR. : https://www.facebook.com/117539084937399/posts/3266351070056169/?d=n