-@-เจดีย์ทรงเจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์-@-
เป็นกลุ่มที่นิยมสร้างมากที่สุดในล้านนา
มีลักษณะสำคัญคือ
มีปราสาท - ประดิษฐานพระพุทธรูป
ด้านบน - ยอดเป็นเจดีย์
วิหารเปรียบเหมือนกุฏิของพระพุทธรูป
จึงเข้าไปภายในเพื่อไหว้พระพุทธรูปซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าได้
ในพุกามจะสร้างวิหารเป็นรูปจตุรมุข มีแกนกลางรับน้ำหนักหอสูงตรงกลางวิหาร
ทั้งสี่ด้านของแกนกลางประดิษฐานพระพุทธ - อดีตพุทธ
เริ่มจากทิศตะวันออก วนขวา คือพระ กกุสันธะ โกนาคม กัสสปะ สมณโคดม
ภายในมีทางเดินประทักษิณ เจาะช่องหน้าต่างให้คงามสว่างแก่ทางเดิน
หลังคาเป็นหลังคาลาดซ้อนชั้นลดหลั่นกันสามชั้น
ที่มุมหลังคาประดับสถูปิกะ
ส่วนล้านนานำแบบวิหารพุกามมาสร้างเป็นเจดีย์
เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีแกนกลางรับน้ำหนักของเจดีย์ที่อยู่ข้างบน
ดังนำมาสร้างเจดีย์ที่วัดนี้ ที่บอกว่าเป็นศิลปะพุกาม
- เจดีย์วัดเกาะกลาง อำเภอป่าซาง ลำพูน -
สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราวต้นพุทธศตวรรษ ที่ 19
เป็นเจดีย์ทรงปราสาท เพราะเรือนธาตุมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป - ศิลปะพุกาม
ตรงกลางเจดีย์มีแกนกลางรับน้ำหนักยอดเจดีย์ - ศิลปะพุกาม
อาจเดินเข้าไปภายในได้ - ศิลปะพุกาม
หรืออาจเป็นซุ้มพระ มีมุกยื่นออกมา - จตุรมุข - ศิลปะพุกาม
เหนือขึ้นไปมาลาดเป็นหลังคาซ้อนชั้น เป็นฐานเพื่อวางเจดีย์ไว้ด้านบน - ศิลปะพุกาม
ฐานเขียงกลม 3 ชั้น
ฐานปัทม์ยืดต้วสูง มีบันไดขึ้นไปยังลานประทักษิณ มีมุกทั้งสี่ทิศ
เรือนธาตุมีซุ้มประตูเข้าไปได้ ... น่าจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานรอบแกนกลางสี่ทิศ ...
แกนกลางนั้นใช้รับน้ำหนักส่วนยอดเจดีย์ด้านบน
เหนือหลังคาเรือนธาตุ มีร่องรอยของวงแหวนซ้อนลดหลั่นกันเป็นเจดีย์ที่หักหายไป
และอีกเจดีย์ในวัดเกาะกลาง
- เจดีย์ที่วัดเชียงมั่น -
เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอดระฆังล้านนา
ฐานเขียงสี่เหลี่ยม สองชั้น - ประดับช้างล้อม คติลังกาคือช้างแบกจักรวาล
ฐานบัวยืดสูงเป็นเรือนธาตุประดิษฐานพระพุทธรูป - ทรงปราสาท
ถัดไปเป็นหลังคาลดหลั่นกันสามชั้น
บัวถลาแปดเหลี่ยม - นิยมตั้งแต่สมัยพญาแก้ว
องค์ระฆัง
บัลลังก์ยกเก็จ - ล้านนา : ลังกาจะเป็นสี่เหลี่ยมเท่านั้นไม่ยกเก็จ
ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้ว
- วัดเจดีย์หลวง เมือง เชียงใหม่ -
พระเจ้าติโลกปรากฎโปรดให้หมื่นด้ามพร้าคตสร้างเจดีย์ครอบเจดีย์ที่มีมาแต่เดิมในสมัยพญาแสนเมืองมา
เป็นเจดีย์ยอดเดียว บรรจุพระธาตุที่พระธรรมคัมภีร์นำมาจากลังกา
ถ้ายอดไม่หักลงจากแผ่นดินไหว จะสูง 80 เมตร หุ้มทองจังโก
ทรงระฆังน่าจะคล้ายวัดเชียงมั่น เพราะเห็นฐานบัวถาเป็นรูปแปดเหลี่ยม
การเรียงอิฐซุ้มโค้งที่เห็นที่ใต้ทางลาดด้านทิศเหนือของเจดีย์ ซ้ายมือในรูป
จะพบในสมัยพระเจ้าติโลก
เป็นช่องปากอุโมงค์เข้าภายในเจดีย์ - เมื่อก่อนเขาเล่ากันว่าเป็นอุโมงค์ต่อไปถึงถ้ำเชียงดาว
แบบล้านนา ในเชียงใหม่
จังหวัดอื่นในล้านนา ... ที่เคยไป
ผสมผสานแบบมีบัลลังก์ และปัทมบาท
ปัทมบาทคือดอกบัวที่กั้นระหว่างปล้องไฉน และปลี
แบบพุกาม คือไม่มีบัลลังก์ ปล้องไฉนจะสวมเข้ากับองค์ระฆัง และมีปัทมบาท
ปลีสั้น ๆ แบบพุกาม คือ ยอดเจดีย์ที่เป็นรูปบัวตูม
- เจดีย์เชียงยัน และ เจดีย์วัดป่าสัก เชียงแสน เชียงราย -
เจดีย์เชียงยัน - คณะศรีเชียงยัน ซึ่งครูบาศรีวิชัยเคยถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่
อยู่นอกกำแพงด้านทิศเหนือของวัดพระธาตุหริภุญไชย
หรือเรียกว่า เจดีย์แม่ครัว - แม่ครัวช่วยกันออกเงินสร้าง
ตอนขุดค้นพบฐานเจดีย์ที่อยู่ในสมัยล้านนาแล้ว
ฐานสี่เหลี่ยม ลูกแก้วอกไก่คู่ ซุ้มจระนำสี่ด้าน
เหนือเรือนธาตุมีสถูปิกะ หรือ สถูปสี่องค์ที่มุม - เจดีย์ห้ายอด หรือ ปัญจรัตน
ตรงกลางเป็นฐานแปดเหลี่ยม มีลายลูกกรง - รั้วล้อมองค์สถูป
บัวปากระฆังเป็นพุ่มขนาดใหญ่
องค์ระฆังเป็นรูปหม้อดอก - ปูรณฆฏ - คาดรัดอก มีดอกประจำยามเป็นดอกไม้ทิศ
ยอดเป็นหม้อดอกซ้อนกันไปเรื่อย ๆ - อิทธิพลมอญโบราณ
- เจดีย์วัดป่าสัก เชียงแสน เชียงราย -
ฐาน ประดับพระพุทธรูป 3 องค์ ขนาบด้วยเทวดา
วงโค้งของซุ้มไม่ใช่พุกาม แต่เป็นแบบเปอร์เซีย - ผ่านทางอยุธยาเมื่อ?
บัวฟันยักษ์ - พบได้ตามปราสาทหิน
องค์ระฆังเป็นหม้อดอกประดับดอกไม้ทิศลายดอกประจำยามเหมือนกัน
เหนือองค์ระฆังไปเป็นหม้อปูรณฆฏ และดอกบัวซ้อนชั้น
ซุ้มเพกา หรือ เครก เป็นซุ้มแก้ว แบบพุกาม
ซึ่งอาจส่งต่อมาจากการที่พุกามไปบูรณะโพธิมหาวิหารที่พุทธคยา แล้วเราได้ไปเห็นมา
เกียรติมุขยอดซุ้ม หลังบายนนิยมมาก
เศียรนาค - มาดูชัด ๆ แล้วคิดถึงเขมรโบราณ
ยักษ์แบก >> ทวารวดีหรือมอญโบราณก็มีคนแคระแบก
-@-เจดีย์ทรงปราสาทแปดเหลี่ยม-@-
วัดจามเทวี อนิมิสเจดีย์ที่วัดมหาโพธารามหรือวัดเจ็ดยอด และ วัดอินทขิลสะดือเมือง
เจดีย์แบบวัดจามเทวี
ฐานเขียงแปดเหลี่ยม เรือนธาตุยืดขึ้นประดิษฐานพระพุทธรูปในซุ้มเครก
หลังคาซ้อน 3 ชั้น ท้องไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ชั้นบนสุดเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรุป
รับองค์ระฆัง
- อนิมิสเจดีย์ที่วัดมหาโพธาราม -
ไม่ได้สร้างในสมัยพระเจ้าติโลก น่าจะสร้างภายหลัง
เพราะสร้างทับกำแพงแก้ว หรือ เวทิกาของวิหารเจ็ดยอด
ซุ้มหน้านางซ้อนชั้นมีปั้นลม - ล้านนา
วัดอินทขิลสะดือเมือง
คล้ายอนิมิสเจดีย์ที่วัดมหาโพธาราม อาจร่วมสมัยกัน
-@- เจดีย์ปล่อง -@-
ปล่อง หรือป่อง หมายถึงช่องหน้าต่าง
เป็นเจดีย์ 7 ชั้น - อาจเป็นเจดีย์ทรงหอปราสาทหรือถะแบบจีน แต่ถะจีนจะมี 5, 8, 11 ชั้น ไม่ใช่เจ็ดชั้น
จากจารึกอักษรฝักขาม ระบุการสร้างเจดีย์วัดตะโปทารามว่าสร้างขึ้น จ.ศ. 854 คือ พ.ศ. 2035
ในรัชกาลของพญายอดเชียงราย
ว่า
พระยาอรรคราชภูมิบาลหมายถึงพญายอดเชียงรายได้ขึ้นครองเชียงใหม่
พระนางอะตะปาเทวีอัครมเหสี ได้ขอพระราชทานอนุญาตจากพระสวามีเพื่อสร้างวัดตะโปทาราม
พระนางได้อาราธนาพระสงฆ์ประมาณร้อยรูปมาชุมนุม พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ข้าราชการ
เพื่อประดิษฐานแก้วสามประการไว้ ณ วัดแห่งนี้
พิธีมีการอุทิศที่ดิน เงิน ทองคำ และข้าพระจำนวนมาก
การหาคำตอบถึงที่มาของรูปแบบ ยังไม่แน่ชัด
อาจารย์บางท่านก็คิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ ... เพราะการสร้างเจดีย์ต้องมีการอิงคัมภีร์ในศาสนา
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าใช้ระบบจักรวาลมาตีความ อาจตีความได้ว่า
7 ชั้น คือเขาพระสุเมรุ - สัตตบริภัณฑ์ 7 ลูก ล้อมเป็นวงกลม
เขาลูกข้างล่างจะสูงเป็นครึ่งหนึ่งของลูกข้างบน
หากมองด้านข้างจะเห็นเขาวงกลมซ้อนกัน 7 ลูก เขาลูกเตี้ยอยู่นอก เขาลูกสูงอยู่ใน
ตรงกลางสูงที่สุดที่เป็นยอดเจดีย์คือเขาพระสุเมรุ - เจดีย์จุฬามณี
วัดเชียงโฉม
วัดพวกหงษ์
-@- เจดีย์วัดกู่เต้า -@-
เจดีย์วัดกู่เต้า มี 5 ชั้น ซุ้มแก้วประดิษฐานพระพุทธรูป
เราคิดว่า น่าจะเป็นเจดีย์ทรงกลม เป็นรูปหม้อดอก ปูรณฆฏซ้อนชั้น
รับเจดีย์แปดเหลี่ยม ไม่มีบัลลังก์แบบพม่า
-@- เก็บตก -@-
เจดีย์กู่ม้า ลำพูน ทรงลอมฟางเหมือนเจดีย์ชาวปยู ในอาณาจักรศรีเกษตร - ก่อนพุกาม
เจดีย์ล้านนา ... ตอน 6 (จบ) เจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์ และ เจดีย์อื่น ๆ - ที่น่าสนใจ
มีลักษณะสำคัญคือ
มีปราสาท - ประดิษฐานพระพุทธรูป
ด้านบน - ยอดเป็นเจดีย์
จึงเข้าไปภายในเพื่อไหว้พระพุทธรูปซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าได้
ในพุกามจะสร้างวิหารเป็นรูปจตุรมุข มีแกนกลางรับน้ำหนักหอสูงตรงกลางวิหาร
ทั้งสี่ด้านของแกนกลางประดิษฐานพระพุทธ - อดีตพุทธ
เริ่มจากทิศตะวันออก วนขวา คือพระ กกุสันธะ โกนาคม กัสสปะ สมณโคดม
ภายในมีทางเดินประทักษิณ เจาะช่องหน้าต่างให้คงามสว่างแก่ทางเดิน
หลังคาเป็นหลังคาลาดซ้อนชั้นลดหลั่นกันสามชั้น
ที่มุมหลังคาประดับสถูปิกะ
ส่วนล้านนานำแบบวิหารพุกามมาสร้างเป็นเจดีย์
เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีแกนกลางรับน้ำหนักของเจดีย์ที่อยู่ข้างบน
ดังนำมาสร้างเจดีย์ที่วัดนี้ ที่บอกว่าเป็นศิลปะพุกาม
เป็นเจดีย์ทรงปราสาท เพราะเรือนธาตุมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป - ศิลปะพุกาม
ตรงกลางเจดีย์มีแกนกลางรับน้ำหนักยอดเจดีย์ - ศิลปะพุกาม
อาจเดินเข้าไปภายในได้ - ศิลปะพุกาม
หรืออาจเป็นซุ้มพระ มีมุกยื่นออกมา - จตุรมุข - ศิลปะพุกาม
เหนือขึ้นไปมาลาดเป็นหลังคาซ้อนชั้น เป็นฐานเพื่อวางเจดีย์ไว้ด้านบน - ศิลปะพุกาม
ฐานปัทม์ยืดต้วสูง มีบันไดขึ้นไปยังลานประทักษิณ มีมุกทั้งสี่ทิศ
เรือนธาตุมีซุ้มประตูเข้าไปได้ ... น่าจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานรอบแกนกลางสี่ทิศ ...
แกนกลางนั้นใช้รับน้ำหนักส่วนยอดเจดีย์ด้านบน
เหนือหลังคาเรือนธาตุ มีร่องรอยของวงแหวนซ้อนลดหลั่นกันเป็นเจดีย์ที่หักหายไป
ฐานเขียงสี่เหลี่ยม สองชั้น - ประดับช้างล้อม คติลังกาคือช้างแบกจักรวาล
ฐานบัวยืดสูงเป็นเรือนธาตุประดิษฐานพระพุทธรูป - ทรงปราสาท
ถัดไปเป็นหลังคาลดหลั่นกันสามชั้น
บัวถลาแปดเหลี่ยม - นิยมตั้งแต่สมัยพญาแก้ว
องค์ระฆัง
บัลลังก์ยกเก็จ - ล้านนา : ลังกาจะเป็นสี่เหลี่ยมเท่านั้นไม่ยกเก็จ
ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้ว
เป็นเจดีย์ยอดเดียว บรรจุพระธาตุที่พระธรรมคัมภีร์นำมาจากลังกา
ถ้ายอดไม่หักลงจากแผ่นดินไหว จะสูง 80 เมตร หุ้มทองจังโก
ทรงระฆังน่าจะคล้ายวัดเชียงมั่น เพราะเห็นฐานบัวถาเป็นรูปแปดเหลี่ยม
การเรียงอิฐซุ้มโค้งที่เห็นที่ใต้ทางลาดด้านทิศเหนือของเจดีย์ ซ้ายมือในรูป
จะพบในสมัยพระเจ้าติโลก
เป็นช่องปากอุโมงค์เข้าภายในเจดีย์ - เมื่อก่อนเขาเล่ากันว่าเป็นอุโมงค์ต่อไปถึงถ้ำเชียงดาว
อยู่นอกกำแพงด้านทิศเหนือของวัดพระธาตุหริภุญไชย
หรือเรียกว่า เจดีย์แม่ครัว - แม่ครัวช่วยกันออกเงินสร้าง
ตอนขุดค้นพบฐานเจดีย์ที่อยู่ในสมัยล้านนาแล้ว
ฐานสี่เหลี่ยม ลูกแก้วอกไก่คู่ ซุ้มจระนำสี่ด้าน
เหนือเรือนธาตุมีสถูปิกะ หรือ สถูปสี่องค์ที่มุม - เจดีย์ห้ายอด หรือ ปัญจรัตน
ตรงกลางเป็นฐานแปดเหลี่ยม มีลายลูกกรง - รั้วล้อมองค์สถูป
บัวปากระฆังเป็นพุ่มขนาดใหญ่
องค์ระฆังเป็นรูปหม้อดอก - ปูรณฆฏ - คาดรัดอก มีดอกประจำยามเป็นดอกไม้ทิศ
ยอดเป็นหม้อดอกซ้อนกันไปเรื่อย ๆ - อิทธิพลมอญโบราณ
วงโค้งของซุ้มไม่ใช่พุกาม แต่เป็นแบบเปอร์เซีย - ผ่านทางอยุธยาเมื่อ?
บัวฟันยักษ์ - พบได้ตามปราสาทหิน
เหนือองค์ระฆังไปเป็นหม้อปูรณฆฏ และดอกบัวซ้อนชั้น
ซึ่งอาจส่งต่อมาจากการที่พุกามไปบูรณะโพธิมหาวิหารที่พุทธคยา แล้วเราได้ไปเห็นมา
เกียรติมุขยอดซุ้ม หลังบายนนิยมมาก
ยักษ์แบก >> ทวารวดีหรือมอญโบราณก็มีคนแคระแบก
ฐานเขียงแปดเหลี่ยม เรือนธาตุยืดขึ้นประดิษฐานพระพุทธรูปในซุ้มเครก
หลังคาซ้อน 3 ชั้น ท้องไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ชั้นบนสุดเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรุป
รับองค์ระฆัง
เพราะสร้างทับกำแพงแก้ว หรือ เวทิกาของวิหารเจ็ดยอด
ซุ้มหน้านางซ้อนชั้นมีปั้นลม - ล้านนา
เป็นเจดีย์ 7 ชั้น - อาจเป็นเจดีย์ทรงหอปราสาทหรือถะแบบจีน แต่ถะจีนจะมี 5, 8, 11 ชั้น ไม่ใช่เจ็ดชั้น
จากจารึกอักษรฝักขาม ระบุการสร้างเจดีย์วัดตะโปทารามว่าสร้างขึ้น จ.ศ. 854 คือ พ.ศ. 2035
ในรัชกาลของพญายอดเชียงราย
ว่า
พระยาอรรคราชภูมิบาลหมายถึงพญายอดเชียงรายได้ขึ้นครองเชียงใหม่
พระนางอะตะปาเทวีอัครมเหสี ได้ขอพระราชทานอนุญาตจากพระสวามีเพื่อสร้างวัดตะโปทาราม
พระนางได้อาราธนาพระสงฆ์ประมาณร้อยรูปมาชุมนุม พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ข้าราชการ
เพื่อประดิษฐานแก้วสามประการไว้ ณ วัดแห่งนี้
พิธีมีการอุทิศที่ดิน เงิน ทองคำ และข้าพระจำนวนมาก
การหาคำตอบถึงที่มาของรูปแบบ ยังไม่แน่ชัด
อาจารย์บางท่านก็คิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ ... เพราะการสร้างเจดีย์ต้องมีการอิงคัมภีร์ในศาสนา
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าใช้ระบบจักรวาลมาตีความ อาจตีความได้ว่า
7 ชั้น คือเขาพระสุเมรุ - สัตตบริภัณฑ์ 7 ลูก ล้อมเป็นวงกลม
เขาลูกข้างล่างจะสูงเป็นครึ่งหนึ่งของลูกข้างบน
หากมองด้านข้างจะเห็นเขาวงกลมซ้อนกัน 7 ลูก เขาลูกเตี้ยอยู่นอก เขาลูกสูงอยู่ใน
ตรงกลางสูงที่สุดที่เป็นยอดเจดีย์คือเขาพระสุเมรุ - เจดีย์จุฬามณี
เราคิดว่า น่าจะเป็นเจดีย์ทรงกลม เป็นรูปหม้อดอก ปูรณฆฏซ้อนชั้น