1. เมื่อได้ต้นไม้มา
เราไม่ควรนำไม้เข้าไปเลี้ยงในบ้านทันทีนะครับ ผมจะเลี้ยงนอกบ้านในโรงรถ 1-2 วันให้เค้าได้ปรับสภาพก่อน หลังจากนั้นจะเปลี่ยนวัสดุปลูกทุกต้น

2. วัสดุปลูก
ก่อนเอาเข้าบ้าน ต้องเลือกวัสดุปลูกที่ระบายน้ำได้ดี เช่น กาบมะพร้าวทีผ่านการแช่น้ำและตากแห้งแล้ว ถ้าใช้หินภูเขาไฟหรือป๊อบเปอร์แทนกาบมะพร้าวก็จะดีมากๆ ครับ ส่วนผสมอื่นก็จะมีเพอร์ไร ผสมดินใบก้ามปูอีกนิด จะทำให้น้ำไหลผ่านไม่ขังแฉะจนรากเน่า โรยสตาร์เกิลจี ใส่ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอไว้ในกระถางนิดหน่อย

3. แสงแดดนั้นสำคัญ
หาสถานที่เลี้ยงให้ไม้โดดแดดรำไรที่ส่องผ่านผ้าม่านมาทุกวันหรือโดนแดดทางอ้อมก็ได้ครับ(สำหรับไม้บางประเภท) ไม้ทุกชนิดต้องการแสง แม้กระทั้งไม้จำพวกพลูด่างเองที่ทนและเลี้ยงง่ายสุดๆ ก็ยังต้องการแสงแดดเพื่อสังเคราะห์แสงบ้างถึงจะโตและงาม

4. ให้ต้นไม้ได้หายใจหน่อย
การระบายอากาศสำหรับต้นไม้สำคัญมากๆ เลือกสถานที่วางให้มีอากาศถ่ายเทตลอด ในกรณีที่ผมไม่มีอยู่บ้าน ที่โถงบันไดผมจะเปิดหน้าต่าง 2 ข้างไว้ตลอดเวลา อากาศจะไหลผ่านโถงบันไดลงมาชั้นล่างของตัวบ้านซึ่งผมจะเปิดพัดลมตั้งพื้นทิ้งไว้ (พัดลมจะตัดการทำงานเอง หลังทำงานผ่านไป 8 ชั่วโมง) และที่ชั้นล่างจะมีพัดลมดูดอากาศดูดออกนอกตัวบ้านอีกที จึงทำให้ในบ้านมีอากาศไหลเวียนตลอด (ทำระบบระบายอากาศให้แมว ได้ 2 ต่อเลยครับ 5555)

5. การให้น้ำ
เนื่องจากสภาพอากาศภายนอกของแต่ละวันไม่เหมือนกัน ต้นไม้แต่ละต้นก็ดูดน้ำต่างกัน ดังนั้นเราจะกำหนดวันรดน้ำตายตัวไม่ได้นะครับ ผมจะใช้วิธีการสังเกตดูใบว่าเหี่ยว ไม่แข็งหรือเปล่า น้ำหนักของกระถางเบาลงเยอะรึเปล่า หรือใช้วิธีจิ้มนิ้วมือสัมผัสวัสดุปลูกในกระถางก็ได้ครับ กดไปให้นิ้วจมเลย ถ้าแห้งหรือเกือบแห้งแล้วก็รดได้ครับ

6.การบำรุงและดูแล
หมั่นสังเกตต้นไม้ ว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า พอต้นไม้แข็งแรง ผมจะรดน้ำที่ผสมแคปแทน เพื่อป้องกันและกำจัดเชื้อราเป็นระยะๆ สลับกับที่รดด้วยน้ำธรรมดาครับ พร้อมกับให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบบ้าง