ส่งน้องหมาเข้าโรงเรียน แต่เห้ย "ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี้นา"

กระทู้คำถาม
สวัสดีครับ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์สำหรับการส่งน้องหมาเข้าโรงเรียนฝึกสุนัข และเป็นเรื่องราวอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจคำว่า “มันไม่ตรงปก”

ที่บ้านผมเลี้ยงน้องหมาไว้สองตัวเป็นสุนัขพันธุ์ไทย และพิทบูลครับ ทั้งสองตัวเป็นหมาที่โดนทิ้งและคุณแม่ก็เก็บมาเลี้ยงครับ ต้องบอกก่อนเลยครับว่าที่บ้านเป็นลักษณะของบ้านสวน ด้านหน้าจะเป็นโกดังขายของ ด้านหลังเป็นสวน มีลานกว้างและมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะครับ ส่วนใหญ่น้องหมาก็จะวิ่งเล่นอยู่ด้านหลัง บางครั้งถ้ามีเวลาเราก็จะพามันขึ้นรถกระบะ แวะไปบ้านคุณยายบ้างเพราะเป็นบ้านสวนเหมือนกัน หรือว่าไปวิ่งเล่นบ้านคุณย่าบ้าง (บ้านคุณย่าอยู่ติดทะเลครับ มีชายหาดให้วิ่งเล่น) การเลี้ยงหมาก็ที่บ้านค่อนข้างตามใจ (มากๆๆ) เช่นเราจะมีคติว่า “หมาหากินเองไม่ได้ เราต้องทำของดีๆให้มันกิน” คนในบ้านก็กินข้าวไข่เจียวไป น้องหมาคือข้าวผัดหมูบอกขนมหวาน บางครั้งก็นั่งทำขนมให้หมากินด้วยครับ อะไรทำนองนั้นครับ

แต่ด้วยความที่ระยะหลัง เราไม่ได้พาน้องหมาไปวิ่งเล่นเลย อยู่แต่ที่บ้าน (แต่เราก็ปล่อยอิสระนะครับ) เจ้าพิทบูลก็เริ่มมีอาการก้าวร้าวมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นธรรมชาติของมันเองที่ไม่ค่อยได้ใช้กำลัง จนเริ่มทะเลาะกับน้องหมาอีกตัว แต่พอเราพาออกไปวิ่งเล่นบ้าง อารมณ์มันก็ดีขึ้นครับ แต่ด้วยการที่เราเริ่มไม่ค่อยมีเวลาพามันออกไปวิ่งเล่น ล่าสุดคือทั้งสองตัวทะเลาะกัน และกัดกันซึ่งเจ็บกันหนักกันทั้งสองตัว โดยที่เจ้าพิทบูลเป็นคนเริ่มก่อน ให้เราเริ่มเป็นห่วงและหาข้อมูลการเลี้ยงพิทบูล และตัดสินใจส่งเจ้าพิทบูลเข้าโรงเรียนฝึกสุนัขที่หนึ่งในจังหวัดใกล้เคียง (ผมอยู่นครศรีธรรมราช) ด้วยคำแนะนำที่เราปรึกษากับทางศูนย์ฝึกว่า น้องหมาพิทบูลถ้าได้รับการฝึกแล้วจะสามารถปรับเรื่องพฤติกรรมและสามารถสั่งให้เขาหยุดได้ถ้าเกิดการทะเลาะกัน หรือไม่ให้พฤติกรรมเขารุนแรงขึ้นจนถึงขั้นกัดคนได้ เราหาข้อมูลค่อนข้างเยอะครับ และรู้สึกเชื่อใจศูนย์ฝึกมาก เพราะหาข้อมูลอย่างเป็นอย่างดี

เราเซ็นสัญญานกับทางศูนย์ฝึกโดยการส่งไปฝึก เป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยมีค่าใช้จ่าย 4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นราคาโปรโมชั่น จากราคาปกติ เราส่งน้องไปวันที่ 15/03/2563 ที่ผ่านมาครับ จริงๆเราอยากจะรักษาแผลน้องที่ทะเลาะกันกับอีกตัวให้หายก่อน แต่ทางศูนย์ฝึกแจ้งมาว่าจะรักษาให้ฟรี และจะส่งรถมารับฟรี เราเลยตัดสินใจให้น้องไปวันนั้นเลย ถึงศูนย์ฝึกน้องต้องตรวจร่างกายก่อนครับ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 2,200 บาท เราก็โอนให้เรียบร้อย ซึ่งในการตกลงเรื่องคอสในการฝึกจะประกอบด้วย วัคซีนกันเห็บหมัด ไรหู ขี้เรื้อน ป้องกันพยาธิ 5 ชนิด, ว่ายน้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้งฟรีตลอดหลักสูตร, อาบน้ำทุก 1 อาทิตย์ ฟรีตลอดหลักสูตร, เยี่ยมน้องหมาที่โรงเรียนได้ทุกวัน, ส่งคริปให้ชมถึงที่บ้านทุกวัน, กลับบ้านได้เสาร์-อาทิตย์, รถรับฟรี(เฉพาะในเขตจังหวัด), นอนห้องแอร์ฟรี และมีสัตวแพทย์ดูแลตลอดหลักสูตรการฝึก ทุกอย่างดีมากครับ เราค่อนข้างวางใจ แต่เราก็ยังไม่ได้เข้าไปที่ศูนย์ฝึกจริงๆเลยครับ เพราะงานที่บ้านก็ค่อนข้างเยอะ  

ทางศูนย์ฝึกจะมีไลน์กลุ่มให้เรา ซึ่งผมก็แอดทุกคนที่บ้านเข้าไปในกลุ่ม จะได้เห็นพัฒนาการของเจ้าพิทบูลสุดแสบ หลังจากที่น้องหมาถึงศูนย์ฝึก วันถัดมาทางศูนย์ก็ส่งภาพห้องนอน บริเวณที่ฝึก และเจ้าหมาที่หน้าตาเหงาหงอย เพราะโดนบังคับเข้าโรงเรียน ทางศูนย์ก็ส่งคลิปมาให้เราดูอยู่ตลอดครับ แต่ก็ไม่ได้ส่งให้ทุกวัน บางวันก็ต้องโทรไปขอให้ส่ง เพราะอย่างที่บอกว่าทุกคนที่บ้านรักมันมากๆๆ ทุกเย็นเราจะรอคลิปเจ้าหมาส่งมาตลอดครับ จนผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์ผมถึงมีเวลาไปหาที่ศูนย์ฝึก มันดีใจมากครับที่เห็นเรา วิ่งเข้ามาหาเลย เราก็เตรียมขนมที่มันชอบไว้ให้ด้วย ดูมันมีความสุข

เราพูดคุยกับครูฝึกครับถึงพัฒนาการซึ่งบอกว่า ในช่วง 1 เดือนแรกจะเป็นการปรับพฤติกรรมให้สามารถเข้ากับสถานที่ฝึก และเข้ากับครูฝึกได้ หลังจากนั้นเดือนที่ 2 – 3 จะเป็นการฝึก ซึ่งจะเป็นภาคบังคับให้เขาสามารถฟังคำสั่งจากเราได้ ให้เขารู้จักคอย นั่งรอ และคำสั่งพื้นฐานอื่นๆได้ แต่พอเราพูดคุยไปจนถึงเรื่องการดูแลปรากฎว่า ศูนย์ฝึกที่นี้รับน้องหมามาค่อนข้างเยอะ ครูฝึกหนึ่งคนจะต้องดูแลหมามากกว่า 10 ตัว ซึ่งเราก็ตกใจมากครับ เพราะรู้สึกว่ามันเยอะไปสำหรับการดูแลน้องหมาเยอะขนาดนั้น ห้องนอนของเจ้าพิทบูลตอนนี้แอร์ก็เสีย สระน้ำก็กำลังซ่อม เราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยโอเคหล่ะครับ เพราะศูนย์ฝึกไม่แจ้งเราก่อนตั้งแต่ตอนแรก และวันนั้นก็ไม่ได้เจอกับทางพี่ที่ประสานงานเรื่องการฝึกน้องหมาของเรา และครูฝึกก็ยังไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมที่น้องหมาของเราเป็นมีอะไรบ้าง ยิ่งทำให้เรารู้สึกกังวลมากขึ้น เราเลยขอไลน์ส่วนตัวของครูฝึกมาเพื่อจะติดตามพฤติกรรมโดยตรงของเจ้าบิทบูล ครูฝึกให้เราแจ้งถึงพฤติกรรมของเจ้าหมา และสิ่งที่เราคาดหวังในการฝึก เราลิสให้ทั้งหมดครับ แต่เราก็บอกว่าให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามสิ่งที่สามารถทำได้จริงๆ เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับหมาเราเองด้วยเหมือนกัน คุยกันได้วันเดียวครับ ครูฝึกก็เงียบไป ไม่ตอบเรา เราก็เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องภายในของศูนย์ฝึกที่ไม่ให้ครูฝึกติดต่อโดยตรงกับลูกค้าก็ได้ เราก็เข้าใจ แต่ก่อนหน้านั้นเรื่องคลิปที่ส่งให้เราวันละคลิป ครูฝึกบอกว่าจริงๆแล้วแต่ละวันเขาถ่ายคลิปไว้เยอะมาก และส่งให้ทางผู้ดูแลศูนย์ฯ และปกติการฝึกก็มีอาทิตย์ละประมาณ 3 วัน ไม่ได้ฝึกทุกวัน แต่คลิปที่ส่งมากลับส่งมาทุกวัน เหมือนต้องการให้เราเข้าใจว่าฝึกทุกวันจริงๆ เราเริ่มไม่โอเคเลยครับ เราก็คิดอยู่นาน จึงตัดสินใจโทรไปขอยกเลิกสัญญาเพราะรู้สึกไม่สะบายใจ แต่ทางศุนย์แจ้งว่าเราต้องชำระเต็มจำนวนก่อน ถึงจะยกเลิกได้ เพราะสัญญาระบุไว้ เราเองก็ไม่อยากให้ครูฝึกที่ให้ข้อมูลกับเรามีปัญหาจึงยอมให้เจ้าพิทบูลฝึกต่อ และพยายามไปเยี่ยมเขาให้บ่อยที่สุด และยอมรับว่าไม่อยากเสียเงินฟรีด้วย และคิดว่ายังไงซะศูนย์ฝึกนี้ก็มีชื่อเสียง เขาก็น่าจะทำได้เหมือนที่บอกเราไว้ตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นผมก็พยายามขอรูปเวลาเขาว่ายน้ำบ้าง เวลาเขาเล่นบ้าง หรือรูปห้องนอนเขาบ้าง เพื่อให้ทางศูนย์เร่งปรับปรุงส่วนนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็มีแค่รูปว่ายน้ำแค่ 1 วันครับ

ผ่านไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ครับ ผมก็เข้าไปเหยี่ยมน้องหมา มันดีใจมากเหมือนเคยครับ เราก็เห็นว่ามันก็ฟังคำสั่งเพิ่มมากขึ้น เริ่มนั่งได้แล้ว ก็เริ่มเบาใจขึ้นมาบ้าง แต่ตอนกำลังจะกลับรอบนี้มันจะตามกลับบ้านเลยครับ สงสารน้องมาก แต่หลังจากที่กลับ อีกไม่กี่วันทางศูนย์แจ้งว่าน้องไม่สะบายซึ่งแจ้งมาจากผู้อำนวยการศูนย์ ตอนนี้ทางคุณหมอเข้ามาตรวจและจ่ายยาให้แล้ว ซึ่งเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เราก็โอเคครับ และส่งบิลค่ารักษามาให้ 500 บาท “แต่” บิลค่ายามีรายการยาเคลือบลำไส้มาด้วย เราก็สงสัยว่าทำไมต้องกินยาเคลือบลำไส้ เลยโทรสายตรงไปที่สัตวแพทย์ที่ออกบิล ปรากฎว่า ทางสัตวแพทย์ไม่ได้เข้าไปตรวจครับ ทางศูนย์ฝึกแค่ส่งไลน์ไปบอกอาการ ซึ่งน้องหมามีอาการเครียดมาก จนถ่ายเหลวและกินได้น้อย คุณหมอเลยต้องสั่งยาให้ เรายอมรับเลยครับว่าโกรธมาก ว่าทำไมทางศูนย์ไม่แจ้งความจริงให้เราทราบตั้งแต่แรก เราพยายามสงบสติอารมณ์และโทรหาศูนย์ ศูนย์ฝึกฯบอกว่า “พอดีแจ้งอาการผิด” เราคือไม่เข้าใจว่าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะถ้าแจ้งว่าหมาเราตาย แล้วบอกว่าแจ้งผิด เราก็คงเสียใจมาก เราก็อดทนเพราะกลัวว่าจะกระทบกับการฝึกเจ้าหมาของเราด้วย หลังจากนั้นผมก็ติดตามอาการเครียดของหมาและสอบถามไปทางศูนย์อยู่เป็นระยะๆ ในอีกวันถัดมาคำตอบที่ได้คือ “ตอนนี้หมาไม่เป็นอะไรแล้ว หายเครียดแล้ว” เราก็สงสัยว่า อะไรที่ทำให้มันหายเครียดเร็วขนาดนั้น มันก็ยังฝึกอยู่ คลิปฝึกก็ส่งมาให้ตลอด แล้วจะหายได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ? เรารู้สึกว่าทางศูนย์ไม่ได้มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือ และคนที่ดูแลหมาก็ไม่ได้เข้ามาให้คำตอบเองด้วย หลังจากนั้นผมก็พยายามโทรคุยกับคนดูแล และก็พูดคุยกันจนเข้าใจถึงอาการของหมา และการฝึก แต่ผมก็ยังกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

ที่นี้เขาไม่มีแผนการฝึกให้เราว่าแต่ละเดือนจะฝึกอะไรบ้าง ไม่มีผลการประเมินในแต่ละเดือน หรือว่าไม่มีผลด้านพัฒนาการที่จะสามารถแจ้งให้เราทราบได้ในแต่ละอาทิตย์ หรือสองอาทิตย์ ซึ่งผมเองก็ขอไปว่าควรจะแจ้งเรื่องพัฒนาการเป็นระยะๆ ไม่ใช้ส่งแค่คลิปวิดีโอให้ดู เราจะได้เข้าใจมากขึ้น แต่ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีครับ ต้องโทรคุยและทวงถามกันเอาเอง หลังจากผมพยายามสอบถามและอัพเดทอาการของน้องหมา ระยะหลังมานี้ ทางศูนย์ก็แทบจะไม่ตอบอะไรเลย ล่าสุดก็บอกว่าน้องมีน้ำมูกเล็กน้อยต้องให้ทานยา พอเว้นไประยะหนึ่งผมโทรไปติดตามอาการก็โทรไปติด โทรไปไม่รับ หรือขนาดโทรเข้าเบอร์สำนักงานก็ไม่มีใครรับ ทักไลน์ก็ไม่มีใครตอบ ส่งแค่คลิปวิดิโอให้วันละคลิป ส่วนเรื่องการว่ายน้ำตอนนี้คือเงียบมากครับ พอเราขอให้ส่งคลิปว่ายน้ำมาบ้าง ก็บอกว่าคลิปว่ายน้ำต้องขอเฉพาะ เราก็งงมากว่า จำเป็นต้องขอด้วยหรือ เพราะเราแค่อยากสะบายใจและเห็นมันเล่นบ้างครับ

ผมเองในฐานะคนรักหมามากๆคนหนึ่ง เรารู้สึกว่าการส่งไปฝึกหรือไปโรงเรียนเป็นทางออกที่ดีสำหรับการปรับเรื่องพฤติกรรมและเป็นความรับผิดชอบของคนเลี้ยงหมา ที่ต้องให้เขาอยู่ร่วมกับทุกคนได้ แต่เมื่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าเราคิดผิดที่ส่งเขาไป ทุกท่านมีความเห็นเป็นเช่นไรบ้างครับ หรือเคยเจอเคสในลักษณะเช่นนี้บ้างหรือไม่ หรือสิ่งที่ผมพูดคุยกับทางศูนย์ฝึกเป็นดูไม่เหมาะ ก็อยากจะให้ช่วยแชร์ประสบการณ์กันหน่อยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่