.
ในปี 1955 ในที่ประชุมของสมาคมศัลยกรรมมอสโคว์
ได้จัดแสดงสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างมากในที่หัองประชุม
บนเวทีใกล้กับผู้ชมมีการนำหมาสองหัว
หมาสีดำตัวใหญ่กับลูกหมาสีน้ำตาล
หมาตัวนี้ดูเหมือนว่ามีความสุขและกระดิกหางอย่างร่าเริง
และไม่แสดงความสนใจฝูงชนจำนวนมาก
ที่ต่างตื่นเต้นและแปลกใจต่อหน้ามัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอวัยวะส่วนที่ผิดธรรมชาติ
ซึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างคอของมัน
เมื่อไม่กี่วันก่อนการประชุมสมาคมศัลยแพทย์
หมาตัวนี้ได้ผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่
โดยได้ตัดหัวลูกหมาขนสีน้ำตาลตัวเล็ก ๆ
มาติดที่ด้านข้างคอของหมาสีดำตัวใหญ่
โดยหัวลูกหมายังมีชีวิตอยู่และตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
และถึงแม้ว่า พวกศัลยแพทย์จะดู/จับที่หัวของลูกสุนัข
ลูกสุนัขก็ยังทำท่าจะกัด ขณะนี้หัวหมาสีดำส่งเสียงคำราม
การสาธิตของ
Vladimir Petrovich Demikhov
สร้างความตื่นตระหนกอย่างแรงต่อการแพทย์ของรัสเซีย
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่
Dr. Frankenstein ได้สร้างเรื่องราวน่าตื่นเต้น
ในการแสวงหาความก้าวหน้าทางการแพทย์
ในปี 1937 ขณะที่ Vladimir Petrovich Demikhov มีอายุเพียง 21 ปี
และยังเป็นนักเรียนอยู่ ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับอาจารย์ที่สอน
ด้วยการปลูกถ่ายหัวใจเทียมดวงแรกให้กับหมาตัวหนึ่ง
ซึ่งประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายอวัยวะให้กับหมา
หมารอดตายได้ถึง 5 ชั่วโมง
หลังจากสำเร็จการศึกษา
Vladimir Petrovich Demikhov
ยังคงทำการวิจัยทดลองทางสัตวแพทย์อีก
ในที่สุดก็ทำการปลูกถ่ายหัวใจและปอดให้กับหมา
และต่อมาทำการปลูกถ่ายตับและไตในหมาและแมว
สัตว์ป่วยบางตัวรอดตายได้ถึงหนึ่งเดือน
การทดลองครั้งสำคัญ คือ
การบายพาสหลอดเลือดหัวใจหมา
มีหมา 4 ตัวมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 2 ปี
หมาตัวหนึ่งที่บายพาสในปี 1953
มีชีวิตยืนยาวถึง 7 ปี
.
ในปี 1954 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
Vladimir Petrovich Demikhov
จึงเริ่มทำการทดลองครั้งที่โดดเด่นยึ่งขึ้น
โดยเริ่มการทดลองที่ขัดแย้งกันมากที่สุด
ด้วยการตัดต่อหัวลูกหมาพร้อมกับขาหน้าข้างซ้าย
ต่อไว้กับคอของหมาโตตัวใหญ่
“ เมื่อหมาสองหัวฟื้นคืนสติขึ้นมาหลังจากการผ่าตัด
ลูกสุนัขก็ตื่นขึ้นมาและหาว แต่หมาตัวโตดูงงงวย
และความพยายามในครั้งแรกของหมาตัวโต คือ สลัดลูกสุนัขทิ้ง ”
ตามรายงานข่าวของ Time
หัวของลูกหมายังคงรักษาบุคลิกของมันเอง
แม้ว่ามันจะกลายเป็นหมาพิการที่ไม่มีร่างกายของตัวเอง
แต่มันก็ยังขี้เล่นเหมือนลูกหมาตัวอื่น ๆ
มันคำรามและเห่าเสียงดังอย่างมาก
หรือพร้อมจะเลียมือของคนที่ลูบมัน
แต่หมาตัวโตเจ้าของร่างกายเริ่มเบื่อกับเรื่องนี้
แต่ในไม่ช้าก็ต้องคืนดีกับลูกหมาที่สลัดทิ้งไม่ได้แล้ว
ลูกหมาที่งอกขึ้นบนคอของมันอยู่เคียงข้างกับมัน
เมื่อลูกหมากระหายน้ำก็จะดื่มกินน้ำนมที่ผสมไว้
(ส่วนหมาตัวโตกินอาหารได้ตามปกติ)
และเมื่อห้องปฏิบัติการอากาศเริ่มร้อนขึ้น
ทั้งเจ้าบ้าน(หมาตัวโต)และลูกหมาต่างแลบลิ้นออกมา
และสะบัดลิ้นไปมาเพื่อระบายความร้อน/ทำให้รู้สึกเย็นขึ้น
หลังจาก 6 วัน ทั้งสองตัวก็ตายพร้อมกัน
(ทั้งหัวสองตัว และใช้ร่างกายร่วมกัน)
Vladimir Petrovich Demikhov
ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทางการแพทย์มากมาย
พร้อมกับผ่านช่วงเวลาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ทำให้อัตราการรอดตายของหมาดีขึ้น
จนกระทั่งหมาสองหัวตัวหนึ่งมีชีวิตอยู่ได้ถึง 29 วัน
เมื่อข่าวการผ่าตัดบุกเบิกหมา 2 หัว
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
แพร่กระจายไปทั่วซีกโลกตะวันตก
ทำให้มีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย
พร้อมกับคำถามทางด้านจริยธรรมมากขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องยอมรับได้หรือไม่กับการทดลองแบบนี้
และการทดลอง/งานวิจัยดังกล่าวนี้
เป็นความต้องการทางการแพทย์ที่แท้จริงหรือไม่
แต่ Vladimir Petrovich Demikhov
คือ ผู้มาก่อนกาลเวลาและมองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจนว่า
อีกหน่อยการปลูกถ่ายอวัยวะคนเป็นเรื่องธรรมดา
“ เป้าหมายสุดท้ายของการทดลองของเรา
คือ การปลูกถ่ายหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ ในคนให้เป็นไปได้ ”
Vladimir Petrovich Demikhov เขียนไว้ในเอกสาร
ในปี 1960 Vladimir Petrovich Demikhov
ได้ตีพิมพ์หนังสือของตนเองที่ชื่อว่า
การทดลองปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญ
Experimental Transplantation of Vital Organs
ซึ่งได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ
และเทคนิคการผ่าตัดต่าง ๆ ในรายละเอียด
หลังจากนั้นไม่นานหนังสือเล่มนี้ก็ได้รับการแปล
และตีพิมพ์ในหลายประเทศทางตะวันตก
และใช้เป็นตำราครูและเอกสารอ้างอิงเฉพาะ
ในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อ
.
เรื่องราวสำคัญและความสำเร็จในการผ่าตัดหัวใจ
ผู้เขียน
Stephen Westaby ได้เขียนใน
Landmarks of Cardiac Surgery ว่า
ในปี 1962 เมื่อบทความเกี่ยวกับการปลูกถ่ายหัว
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Cape Argos
Christiaan Barnard ศัลยแพทย์หัวใจชาวแอฟริกาใต้
ที่โรงพยาบาล Groote Schuur ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
" พวกรัสเซียสามารถทำได้ เราก็ทำได้เช่นกัน ”
ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง ท่านได้ทำการทดลองอีกครั้ง
โดยย้ายหัวหมาไปไว้ที่หมาตัวอื่น
หมารอดชีวิตได้หลายวันเลยทีเดียว
Christiaan Barnard ได้ทำการปลูกถ่ายหัวใจมนุษย์
ที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก
จากหัวใจของคนตายเพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ
ในปี 1997 หนึ่งปีก่อนการเสียชีวิตของ
Vladimir Petrovich Demikhov
Christiaan Barnard ได้เขียนจดหมาย
ถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของท่านว่า
ความสำเร็จของท่านนั้น
มาจากผลการทดลองก่อนหน้านั้น
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
ที่คู่ควรจะได้รับเกียรติยศดังกล่าว
“ ท่านเป็นคนที่มีความรู้ที่โดดเด่นอย่างแน่นอน
หลังจากทำการวิจัยทั้งหมดก่อนนี้
เกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิตนอกร่างกาย
ผมยืนยันเสมอมาว่า หากมีบิดาแห่งการปลูกถ่ายหัวใจและปอด
Vladimir Petrovich Demikhov
ก็สมควรได้รับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน ”
จดหมายของ Christiaan Barnard
แม้ Vladimir Petrovich Demikhov
จะมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์การแพทย์น้อยมาก
ทำให้มีผู้คนน้อยมากที่จดจำความสำเร็จของท่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในประเทศรัสเซียของท่านเอง
คุณค่าที่แท้จริงของการทดลองของท่าน
เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากรัฐบาลรัสเซีย
หลังบั้นปลายชีวิตของท่านแล้ว
โดยในปี 1998 ทางการรัสเซียมอบรางวัล
Order for Services for the Fatherland
ให้กับท่านก่อนที่ท่านจะตายในปลายปีนั้น
Classical Conditioning - Ivan Pavlov
.
ประวัติสังเขปของท่าน
Vladimir P. Demikhov เกิดวันที่ 18 กรกฏาคม 1916
ครอบครัวเป็นชาวนาทาสที่ดินอยู่ทางตอนเหนือของเขต Russia's Volgograd
Demikhov Peter Yakovlevich พ่อของท่านถูกฆ่าตายในช่วงสงครามกลางเมืองในปี 1919
(หลังการปฏิว้ติรัสเซียที่เริ่มปี 1917 ตามมาด้วยการรบระหว่างฝ่ายขาวนิยมเจ้ากับฝ่ายแดงนิยมคอมมิวนิสต์)
พ่อท่านตายตอนที่ท่านอายุได้ 3 ขวบ ทำให้แม่ท่านต้องเลี้ยงดูท่าน น้องชายและน้องสาว
Domnika Alexandrovna แม่ของท่านส่งเสริมการศึกษาของลูก ๆ ทุกคน
ท่านเริ่มสนใจระบบไหลเวียนของเลือดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตอนวัยเด็ก
เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการทดลองของ
Ivan Pavlov ที่ทดลองกับหมา
(สั่นกระดิ่ง หมาน้ำลายไหล เพราะมีอาหารล่อ ไม่สั่นกระดิ่ง หมาเฉย ๆ)
เมื่อท่านออกจากโรงเรียนในปี 1931
โรงงาน
Stalingrad Tractor Plant คือที่ทำงานแห่งแรกของท่าน
ท่านทำหน้าที่เป็นช่างกลและช่างซ่อมบำรุง
ในปี 1934 ท่านเริ่มเข้าเรียนที่
Voronezh State University
ในปี 1937 ท่านประดิษฐ
หัวใจเทียมเครื่องแรกของโลกที่ใช้กับหมา
ซึ่งหมามีชีวิตอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมงภายหลังปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลงานวิจัยที่ล้ำยุคล้ำสมัยครั้งนี้ ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 1938
ในวารสารของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ท่านเรียน
และมีการนำเสนอต่อบรรดานักศึกษาในงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ในเดือนต่อมา
ต่อมา ท่านย้ายไปเรียนต่อที่
Biology Faculty of Moscow State University
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของรัสเซียตั้งขึ้นในปี 1755
จากความคิดริเริ่มของ
Mikhail Lomonosov
ท่านเขียนเกี่ยวกับผลงานวิทยาศาสตร์เรื่องแรก
และได้รับปริญญาบัตรเกียรตินิยมในเดือนสิงหาคม 1940
ในเดือนมิถุนายน 1941
หลังจากท่านสำเร็จการศึกษา ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับรัฐการทหาร
และเป็นทหารกองทัพแดง (ซึ่งกำลังรบกับนาซีเยอรมัน)
หลังจากสหภาพโซเวียตรัสเซียชนะนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945
ท่านต้องย้ายไปประจำแนวหน้าในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและอายุรเวช
และประจำการที่จีน หลังจากที่สหภาพโซเวียตประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในปี 1945
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงพร้อมกับชัยชนะของสหภาพโซเวียต
ท่านปลดประจำการกลับบ้านพร้อมกับเหรียญกล้าหาญ
ในเดือนสิงหาคม 1946
Vladimir Petrovich Demikhov แต่งงานกับ Lia Nikolayevna
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างยาวนานถึง 52 ปี
มีบุตรสาวชื่อ Olga Demikhov เกิดวันที่ 16 กรกฏาคม 1947
ในตอนต้นปี 1950 ท่านได้พาแม่มาอยู่กับครอบครัวท่านด้วย
จนกระทั่งในปี 1972 แม่ท่านจึงเสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ทั้งสี่คนต่างพักอาศัยในห้องพักขนาดย่อม 2 ห้อง
ท่านมตะในอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็ก ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 1998
Clarence Walton Lillehei
หนึ่งในศัลยแพทย์โรคหัวใจที่มีชื่อเสียงมากกล่าวว่า
" บางคนมองเห็นทุกอย่าง อย่างที่เคยเห็นแล้วตั้งคำถามว่า ทำไปทำไม
บางคนฝันเห็นทุกอย่าง อย่างที่ไม่เคยเห็นแล้วตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ทำ
นี่คือ สิ่งเราสามารถสรุปได้เกี่ยวกับชีวิตขั้นเทพของ Vladimir Demikhov "
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3d2a3ho
https://bit.ly/2Y0zdJh
https://bit.ly/3fqkf5g
https://bit.ly/2MVZ2Ur
https://bit.ly/2UICmex
.
หมา 2 หัวของ Vladimir Petrovich Demikhov
ได้จัดแสดงสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างมากในที่หัองประชุม
บนเวทีใกล้กับผู้ชมมีการนำหมาสองหัว
หมาสีดำตัวใหญ่กับลูกหมาสีน้ำตาล
หมาตัวนี้ดูเหมือนว่ามีความสุขและกระดิกหางอย่างร่าเริง
และไม่แสดงความสนใจฝูงชนจำนวนมาก
ที่ต่างตื่นเต้นและแปลกใจต่อหน้ามัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอวัยวะส่วนที่ผิดธรรมชาติ
ซึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างคอของมัน
เมื่อไม่กี่วันก่อนการประชุมสมาคมศัลยแพทย์
หมาตัวนี้ได้ผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่
โดยได้ตัดหัวลูกหมาขนสีน้ำตาลตัวเล็ก ๆ
มาติดที่ด้านข้างคอของหมาสีดำตัวใหญ่
โดยหัวลูกหมายังมีชีวิตอยู่และตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
และถึงแม้ว่า พวกศัลยแพทย์จะดู/จับที่หัวของลูกสุนัข
ลูกสุนัขก็ยังทำท่าจะกัด ขณะนี้หัวหมาสีดำส่งเสียงคำราม
สร้างความตื่นตระหนกอย่างแรงต่อการแพทย์ของรัสเซีย
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Dr. Frankenstein ได้สร้างเรื่องราวน่าตื่นเต้น
ในการแสวงหาความก้าวหน้าทางการแพทย์
ในปี 1937 ขณะที่ Vladimir Petrovich Demikhov มีอายุเพียง 21 ปี
และยังเป็นนักเรียนอยู่ ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับอาจารย์ที่สอน
ด้วยการปลูกถ่ายหัวใจเทียมดวงแรกให้กับหมาตัวหนึ่ง
ซึ่งประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายอวัยวะให้กับหมา
หมารอดตายได้ถึง 5 ชั่วโมง
หลังจากสำเร็จการศึกษา
Vladimir Petrovich Demikhov
ยังคงทำการวิจัยทดลองทางสัตวแพทย์อีก
ในที่สุดก็ทำการปลูกถ่ายหัวใจและปอดให้กับหมา
และต่อมาทำการปลูกถ่ายตับและไตในหมาและแมว
สัตว์ป่วยบางตัวรอดตายได้ถึงหนึ่งเดือน
การทดลองครั้งสำคัญ คือ
การบายพาสหลอดเลือดหัวใจหมา
มีหมา 4 ตัวมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 2 ปี
หมาตัวหนึ่งที่บายพาสในปี 1953
มีชีวิตยืนยาวถึง 7 ปี
จึงเริ่มทำการทดลองครั้งที่โดดเด่นยึ่งขึ้น
โดยเริ่มการทดลองที่ขัดแย้งกันมากที่สุด
ด้วยการตัดต่อหัวลูกหมาพร้อมกับขาหน้าข้างซ้าย
ต่อไว้กับคอของหมาโตตัวใหญ่
“ เมื่อหมาสองหัวฟื้นคืนสติขึ้นมาหลังจากการผ่าตัด
ลูกสุนัขก็ตื่นขึ้นมาและหาว แต่หมาตัวโตดูงงงวย
และความพยายามในครั้งแรกของหมาตัวโต คือ สลัดลูกสุนัขทิ้ง ”
ตามรายงานข่าวของ Time
หัวของลูกหมายังคงรักษาบุคลิกของมันเอง
แม้ว่ามันจะกลายเป็นหมาพิการที่ไม่มีร่างกายของตัวเอง
แต่มันก็ยังขี้เล่นเหมือนลูกหมาตัวอื่น ๆ
มันคำรามและเห่าเสียงดังอย่างมาก
หรือพร้อมจะเลียมือของคนที่ลูบมัน
แต่หมาตัวโตเจ้าของร่างกายเริ่มเบื่อกับเรื่องนี้
แต่ในไม่ช้าก็ต้องคืนดีกับลูกหมาที่สลัดทิ้งไม่ได้แล้ว
ลูกหมาที่งอกขึ้นบนคอของมันอยู่เคียงข้างกับมัน
เมื่อลูกหมากระหายน้ำก็จะดื่มกินน้ำนมที่ผสมไว้
(ส่วนหมาตัวโตกินอาหารได้ตามปกติ)
และเมื่อห้องปฏิบัติการอากาศเริ่มร้อนขึ้น
ทั้งเจ้าบ้าน(หมาตัวโต)และลูกหมาต่างแลบลิ้นออกมา
และสะบัดลิ้นไปมาเพื่อระบายความร้อน/ทำให้รู้สึกเย็นขึ้น
หลังจาก 6 วัน ทั้งสองตัวก็ตายพร้อมกัน
(ทั้งหัวสองตัว และใช้ร่างกายร่วมกัน)
ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทางการแพทย์มากมาย
พร้อมกับผ่านช่วงเวลาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ทำให้อัตราการรอดตายของหมาดีขึ้น
จนกระทั่งหมาสองหัวตัวหนึ่งมีชีวิตอยู่ได้ถึง 29 วัน
เมื่อข่าวการผ่าตัดบุกเบิกหมา 2 หัว
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
แพร่กระจายไปทั่วซีกโลกตะวันตก
ทำให้มีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย
พร้อมกับคำถามทางด้านจริยธรรมมากขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องยอมรับได้หรือไม่กับการทดลองแบบนี้
และการทดลอง/งานวิจัยดังกล่าวนี้
เป็นความต้องการทางการแพทย์ที่แท้จริงหรือไม่
แต่ Vladimir Petrovich Demikhov
คือ ผู้มาก่อนกาลเวลาและมองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจนว่า
อีกหน่อยการปลูกถ่ายอวัยวะคนเป็นเรื่องธรรมดา
“ เป้าหมายสุดท้ายของการทดลองของเรา
คือ การปลูกถ่ายหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ ในคนให้เป็นไปได้ ”
Vladimir Petrovich Demikhov เขียนไว้ในเอกสาร
ในปี 1960 Vladimir Petrovich Demikhov
ได้ตีพิมพ์หนังสือของตนเองที่ชื่อว่า
การทดลองปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญ
Experimental Transplantation of Vital Organs
ซึ่งได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ
และเทคนิคการผ่าตัดต่าง ๆ ในรายละเอียด
หลังจากนั้นไม่นานหนังสือเล่มนี้ก็ได้รับการแปล
และตีพิมพ์ในหลายประเทศทางตะวันตก
และใช้เป็นตำราครูและเอกสารอ้างอิงเฉพาะ
ในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อ
.
เรื่องราวสำคัญและความสำเร็จในการผ่าตัดหัวใจ
ผู้เขียน Stephen Westaby ได้เขียนใน
Landmarks of Cardiac Surgery ว่า
ในปี 1962 เมื่อบทความเกี่ยวกับการปลูกถ่ายหัว
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Cape Argos
Christiaan Barnard ศัลยแพทย์หัวใจชาวแอฟริกาใต้
ที่โรงพยาบาล Groote Schuur ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
" พวกรัสเซียสามารถทำได้ เราก็ทำได้เช่นกัน ”
ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง ท่านได้ทำการทดลองอีกครั้ง
โดยย้ายหัวหมาไปไว้ที่หมาตัวอื่น
หมารอดชีวิตได้หลายวันเลยทีเดียว
Christiaan Barnard ได้ทำการปลูกถ่ายหัวใจมนุษย์
ที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก
จากหัวใจของคนตายเพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ
ในปี 1997 หนึ่งปีก่อนการเสียชีวิตของ
Vladimir Petrovich Demikhov
Christiaan Barnard ได้เขียนจดหมาย
ถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของท่านว่า
ความสำเร็จของท่านนั้น
มาจากผลการทดลองก่อนหน้านั้น
ของ Vladimir Petrovich Demikhov
ที่คู่ควรจะได้รับเกียรติยศดังกล่าว
“ ท่านเป็นคนที่มีความรู้ที่โดดเด่นอย่างแน่นอน
หลังจากทำการวิจัยทั้งหมดก่อนนี้
เกี่ยวกับการไหลเวียนของโลหิตนอกร่างกาย
ผมยืนยันเสมอมาว่า หากมีบิดาแห่งการปลูกถ่ายหัวใจและปอด
Vladimir Petrovich Demikhov
ก็สมควรได้รับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน ”
จดหมายของ Christiaan Barnard
แม้ Vladimir Petrovich Demikhov
จะมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์การแพทย์น้อยมาก
ทำให้มีผู้คนน้อยมากที่จดจำความสำเร็จของท่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในประเทศรัสเซียของท่านเอง
คุณค่าที่แท้จริงของการทดลองของท่าน
เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากรัฐบาลรัสเซีย
หลังบั้นปลายชีวิตของท่านแล้ว
โดยในปี 1998 ทางการรัสเซียมอบรางวัล
Order for Services for the Fatherland
ให้กับท่านก่อนที่ท่านจะตายในปลายปีนั้น
Vladimir P. Demikhov เกิดวันที่ 18 กรกฏาคม 1916
ครอบครัวเป็นชาวนาทาสที่ดินอยู่ทางตอนเหนือของเขต Russia's Volgograd
Demikhov Peter Yakovlevich พ่อของท่านถูกฆ่าตายในช่วงสงครามกลางเมืองในปี 1919
(หลังการปฏิว้ติรัสเซียที่เริ่มปี 1917 ตามมาด้วยการรบระหว่างฝ่ายขาวนิยมเจ้ากับฝ่ายแดงนิยมคอมมิวนิสต์)
พ่อท่านตายตอนที่ท่านอายุได้ 3 ขวบ ทำให้แม่ท่านต้องเลี้ยงดูท่าน น้องชายและน้องสาว
Domnika Alexandrovna แม่ของท่านส่งเสริมการศึกษาของลูก ๆ ทุกคน
ท่านเริ่มสนใจระบบไหลเวียนของเลือดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตอนวัยเด็ก
เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการทดลองของ Ivan Pavlov ที่ทดลองกับหมา
(สั่นกระดิ่ง หมาน้ำลายไหล เพราะมีอาหารล่อ ไม่สั่นกระดิ่ง หมาเฉย ๆ)
เมื่อท่านออกจากโรงเรียนในปี 1931
โรงงาน Stalingrad Tractor Plant คือที่ทำงานแห่งแรกของท่าน
ท่านทำหน้าที่เป็นช่างกลและช่างซ่อมบำรุง
ในปี 1934 ท่านเริ่มเข้าเรียนที่ Voronezh State University
ในปี 1937 ท่านประดิษฐหัวใจเทียมเครื่องแรกของโลกที่ใช้กับหมา
ซึ่งหมามีชีวิตอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมงภายหลังปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลงานวิจัยที่ล้ำยุคล้ำสมัยครั้งนี้ ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 1938
ในวารสารของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ท่านเรียน
และมีการนำเสนอต่อบรรดานักศึกษาในงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ในเดือนต่อมา
ต่อมา ท่านย้ายไปเรียนต่อที่ Biology Faculty of Moscow State University
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของรัสเซียตั้งขึ้นในปี 1755
จากความคิดริเริ่มของ Mikhail Lomonosov
ท่านเขียนเกี่ยวกับผลงานวิทยาศาสตร์เรื่องแรก
และได้รับปริญญาบัตรเกียรตินิยมในเดือนสิงหาคม 1940
ในเดือนมิถุนายน 1941
หลังจากท่านสำเร็จการศึกษา ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับรัฐการทหาร
และเป็นทหารกองทัพแดง (ซึ่งกำลังรบกับนาซีเยอรมัน)
หลังจากสหภาพโซเวียตรัสเซียชนะนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945
ท่านต้องย้ายไปประจำแนวหน้าในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและอายุรเวช
และประจำการที่จีน หลังจากที่สหภาพโซเวียตประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในปี 1945
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงพร้อมกับชัยชนะของสหภาพโซเวียต
ท่านปลดประจำการกลับบ้านพร้อมกับเหรียญกล้าหาญ
ในเดือนสิงหาคม 1946
Vladimir Petrovich Demikhov แต่งงานกับ Lia Nikolayevna
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างยาวนานถึง 52 ปี
มีบุตรสาวชื่อ Olga Demikhov เกิดวันที่ 16 กรกฏาคม 1947
ในตอนต้นปี 1950 ท่านได้พาแม่มาอยู่กับครอบครัวท่านด้วย
จนกระทั่งในปี 1972 แม่ท่านจึงเสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ทั้งสี่คนต่างพักอาศัยในห้องพักขนาดย่อม 2 ห้อง
ท่านมตะในอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็ก ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 1998
Clarence Walton Lillehei
หนึ่งในศัลยแพทย์โรคหัวใจที่มีชื่อเสียงมากกล่าวว่า
" บางคนมองเห็นทุกอย่าง อย่างที่เคยเห็นแล้วตั้งคำถามว่า ทำไปทำไม
บางคนฝันเห็นทุกอย่าง อย่างที่ไม่เคยเห็นแล้วตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ทำ
นี่คือ สิ่งเราสามารถสรุปได้เกี่ยวกับชีวิตขั้นเทพของ Vladimir Demikhov "
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3d2a3ho
https://bit.ly/2Y0zdJh
https://bit.ly/3fqkf5g
https://bit.ly/2MVZ2Ur
https://bit.ly/2UICmex
.