ลังเลที่จะแต่งงาน ทั้งที่เมื่อก่อนอยากแต่งมาก....

เราสมัครพันธิปมาเพื่อตั้งคำถามนี้เลยค่ะ เราไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

เรากับแฟนคบกันมา6 ปีได้แล้วค่ะ มีแพลนว่าจะแต่งงานหลังจากที่สถาณการณ์ช่วงนี้มันดีขึ้น ตอนนี้เราอยู่ต่างประเทศค่ะ กลับไทยอีกทีคือปีหน้าเลย และอาจจะได้แต่งช่วงที่เรากลับไทย เรากำลังยื่นเรื่องลาออกกับทางสายการบิน เราเป็นแอร์ค่ะ ก็ทำมาได้4 ปีแล้ว เราเสียใจมากที่ต้องลาออกเพื่อไปแต่งงาน กว่าจะได้ทำงานเป็นแอร์ กว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้มันยากมากๆสำหรับเรา

แฟนเป็นทันตแพทย์ทำงานทุกวัน ทำที่รพ. เลิกงานก็มาทำคลินิกต่อ ส-อ ก็ไม่ได้พัก ในช่วงเวลาที่คบกัน ค่อนข้างจะเจอกันลำบากค่ะ เพราะเราทำงานไม่เป็นเวลา เช่น คนอื่นหยุด แต่เราบินไปทำงาน จะกลับบ้าน เราต้องแพลนล่วงหน้าเป็นปีเลยค่ะ พอกลับไทยเราก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวซะส่วนใหญ่ เราจะไปหาแฟนที่คลินิกในสองวันสุดท้ายที่ต้องกลับไปบิน แต่พอไปหาเขาก็ทำงาน เราก็ได้แต่นั่งรอเขาทำงานเสร็จ เป็นแบบนี้มาตลอด6 ปีที่คบกัน เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าอยู่มาได้ไง ช่วงปีแรกที่คบกัน ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแอร์ก็ทำงานกับบริษัททัวร์ปกติ หน้าที่การงาน การเงิน ตอนนั้นเราพร้อมมาก อายุก็จะแตะเลขสามอยู่แล้ว เลยอยากแต่งงาน แต่แฟนเราเขายังไม่พร้อม เพราะช่วงนั้นแฟนเพิ่งเปิดคลินิกด้วย และมันก็เร็วไปด้วยที่จะแต่งงาน จนเราเป็นแอร์ต่างคนต่างทำงาน ยิ่งไม่มีเวลาให้กัน แต่เราไม่เคยคิดน้อยใจกันเลยค่ะ ก็ไม่รู้ทำไม เพราะอะไร เราก็งงนะคะ นี่มีแฟนแบบไหนกัน เคยไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เขาก็ไม่ได้สนใจ

ที่น่าแปลกคือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยทะเลาะกันเลย จนเมื่อไม่นานเรากลับไทย ก่อนที่โควิดจะระบาด เขาขอเราแต่งงาน เราดีใจมากนะคะตอนนั้น แต่พอบินไปทำงานต่อ มันเกิดคำถามในหัวที่ว่า "เราอยากแต่งงานจริงหรอ? " ความรู้สึกเรามันต่ำลงแบบบอกไม่ถูก จนบางครั้งเราเผลอร้องไห้ทั้งที่ไม่เคยร้องมาก่อน แล้วเราต้องลาออก เสียงานที่เรารักมากๆ ไปใช้ชีวิตแม่บ้าน ไปเป็นผู้ช่วยทันต มันตลกร้ายมากเลยอ่ะ และตลกที่สุดคือทุกคนรอบข้างเราพากันบอกอิจฉาเรา จะได้อยู่กับแฟนแล้ว แถมเป็นผู้ช่วยทันตอีก.....555 มันบ้ามากเลยอ่ะ มันไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉาเลย ชีวิตจะวนเวียนแค่คลินิกและบ้าน มีสามีก็คุยศัพท์อะไรก็ไม่รู้กับเราในทุกๆวัน งี้หรอ......? ตอนนี้เรางงหมดแล้ว เราไม่รู้ว่าถ้าเราแต่งงาน เราจะใช้ชีวิตแบบมีความสุขได้จริงไหม แฟนก็บ้างาน วันนึ่งคุยกันไม่เกินสิบคำ เราบอกไม่ถูกเหมือนกันกับความรู้สึกนี้ มีแฟนเหมือนไม่มี เราไม่รู้แล้วว่า เรายังรักเขาอยู่ไหม หรือที่เหลืออยู่มันแค่ความผูกพันธ์ เราไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตค่ะ เรายังอยากแต่งงานอยู่ไหมเราก็ตอบตัวเองไม่ได้ เราควรทำยังไงต่อ เราคิดเรื่องนี้ทุกวัน ยิ่งคิดยิ่งเคลียด ทางครอบครัวก็เตรียมหาวันจะแต่งแล้ว ทุกคนดูมีความสุขที่เราจะแต่งงาน แต่ทำไมเราถึงไม่มีความสุขเลย มันหลายครั้งมากที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญแต่ก็หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองปลอบใจตัวเองไปว่าแฟนทำงานหนัก..... บอกเราทีค่ะ ว่าควรเดินไปทางไหน T-T
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 48
ฟังคราวๆเหมือนชีวิตพี่ที่เราสนิทมากคนหนึ่งเลยค่ะ

พี่คนนี้เมื่อก่อนเขาทำงานอยู่ที่อเมริกา เป็นเลขา CEO บริษัทใหญ่มาก เงินเดือนเยอะมาก และชีวิตคือทุ่มเทให้กับงาน 24 ชั่วโมง
ส่วนแฟนของเขาเป็นทันตแพทย์ ทำงานอยู่ไทย และเปิดคลีนิกทันตกรรมเป็นของตัวเอง ช่วงเปิดคลีนิคใหม่ๆคือทั้งสองคนไม่มีเวลาคุยกันเลย พี่เขาเคยเล่าให้ฟังว่า หายไปเป็นเดือนยังเคย แต่ทั้งคู่รู้กันอยู่ในใจว่า ก็งานมันยุ่ง เดี๋ยวว่างค่อยคุยกัน

เรื่องดำเนินแบบนี้มาหลายปีจนทั้งคู่อายุเหมาะสมที่จะแต่งงานมีครอบครัว และต้องตัดสินใจว่าฝ่ายชายจะปิดคลีนิคที่ไทยแล้วบินไปอยู่อเมริกา หรือฝ่ายหญิงจะลาออกจากงานมาช่วยคลีนิคแฟนแล้วกลับไทย

สุดท้ายพี่เขาเลือกลาออกจากงานบินกลับไทย เพราะคิดได้ว่า มันถึงเวลาแล้วที่ตัวเองก็ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวของตัวเองที่ไทยเช่นกัน

คราวนี้สิ่งที่พี่เขาต้องคิดคือ จากที่พี่เขาได้เงินเดือนคิดเป็นเงินไทย ห้าหกแสนบาท (ในสมัย 30 ปีที่แล้ว) แล้วต้องมาช่วยคลีนิกสามี เป็นคนรับจองคิว กับผู้ช่วยทันตแพทย์ มันจะโอเคจริงๆไหม ถึงรายได้คลีนิกจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าเงินเดือนเก่าของตัวเอง และพี่เขาเป็นคนใช้เงินเปลืองมาก คืออยากได้อะไรก็ซื้อไม่คิดเลย

ถึงตอนนี้เขาก็ตัดสินใจได้ว่า เขาก็กลับมาทำคลีนิกกับสามี แต่ตัวเองไม่จำเป็นต้องมาเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์นี่ พี่เขาช่วยอย่างอื่นได้ ช่วยทำให้กิจการสามีรุ่งเรืองได้ด้วยวิธีอื่น ตอนนี้ผ่านมา 30 ปีของชีวิตคู่ของพี่เขา นับจากที่ออกจากงานมา คลีนิกทันตกรรมของสามีถูกขยายออกไป มีหลายสาขาทั้งที่เป็นเจ้าของเอง 100% และหุ้นกับคนอื่น

พี่เขาและสามียังคุยกันน้อยเช่นเดิม พี่เขาก็ใช้ชีวิตอิสระเหมือนเดิม อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากไปไหนก็ไป ใช้เงินเยอะ ก็หาให้ได้เยอะกว่า นี่คือแนวคิดของพี่เขา รักอิสระก็ไม่ต้องมีลูก จะได้ไม่มีห่วง

มีแฟนไม่ได้หมายความว่าจะต้องนั่งคุยกับแฟน หรือมีกิจกรรมร่วมกันตลอด แต่มีเพราะสองคนรักกัน และรู้กันว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ตรงนั้นในเวลาที่แต่ละคนต้องการ ยอมรับ เข้าใจ และเชื่อใจกัน ทุกวันนี้พี่เขาอยู่ด้วยกันมามากกว่า 30 ปีแล้ว สามีเขาก็เกษียณออกมาบริหารอย่างเดียวแล้ว ทั้งสองคนก็ยังคุยกันน้อยเหมือนเดิม พี่เขาก็ติดอ่านนิยาย แฟนพี่เขาก็ติดปลูกต้นไม้เงียบๆ แต่ก็เงียบๆแบบอยุ่ข้างๆกัน

ไม่รู้ว่าเรื่องที่เราเล่าพอจะช่วยอะไรได้ไหมนะคะ แต่การจะแต่งงานกับใครสักคน มันต้องโอเคกันด้วยทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญเราต้องเข้าใจตัวเอง รู้จุดยืนของตัวเองก่อน ถ้าตัวเองยัง งง ยังลังเล จดไว้ค่ะ ว่า งงเรื่องอะไร ลังเลอะไร แล้วหันหน้าคุยกับแฟน

อย่าหวังให้ผู้ชายเปลี่ยนหลังแต่งงานเพื่อตัวเอง เพราะมันเป็นไปได้ยาก ถึงยากมาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 74
มาอัพเดทนะคะ
หลังจากที่เรารอเค้าทำงานเสร็จ เราก็โทรหาเค้าเลยค่ะ
การเป็นผู้ช่วยทันต เราจะทำไม่ทำก็ได้อยู่ที่เรา
เราสามารถทำงานอื่นได้เมื่อแต่งงานแล้ว

เราคุยกับเค้านานมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเราที่พูด เค้าไม่ค่อยพูดอะไรเลย
เค้าบอกนะคะว่าที่ผ่านมาก็มีน้อยใจบ้าง แต่พอเจองานที่ต้องทำในทุกๆวัน เขาก็ลืมเรื่องที่น้อยใจเรา

ที่เขาขอเราแต่งงานเพราะเขาพร้อมทุกอย่างแล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้ว เขาแค่อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับเรา แต่เรายังมีไฟจะบินไปส่งผู้โดยสารอยู่เลย แต่ก็เหนื่อยพอแล้วล่ะค่ะ 5555 สรุปก็คือ เราจะแต่งกับคนนี้เพราะเรารักเค้า เราไม่เสียใจที่ต้องออกจากงานแล้ว เราเข้าใจทุกๆอย่าง ปรับความเข้าใจกันแล้ว

ส่วนแฟนจากที่เคยทำงานทุกวัน เมื่อแต่งงานกัน เวลา ส-อ เขาก็จะหยุดอยู่กับครอบครัว เราอยากมีลูกมากๆด้วยแหละค่ะ มันเลยเป็นอีกเหตุผลที่ตอบปัญหาตรงนี้ได้ง่ายขึ้นบวกกับความคิดเห็นของทุกคนที่เข้ามาเม้นด้วย ช่วยเราได้ในระยะยาวกันเลยทีเดียว ขอบคุณทุกๆคนมากๆค่า 😊💕
อยากจะเชิญทุ้กกกคนนมางานแต่งเลย 555555
ความคิดเห็นที่ 9
เราเห็นคนเป็นแอร์ไปซักพักก็เหนื่อยไม่อยากเป็นแล้ว ทำงานไม่เป็นเวลา อยู่บนอากาศ มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย เราว่าไม่แปลกหรอกที่ใครๆอิจฉาคุณ ที่จะได้ไปนั่งสบายอยู่เค้าเตอร์คลินิค มีเวลาให้ลูกให้ครอบครัว มีเวลาดูแลพ่อแม่ที่เริ่มจะแก่ชรามากขึ้น แต่ถ้ามันฝืนธรรมชาติของคุณมากเกินไป ก็ลองคิดดูว่าจะยังไง เราอ่านแล้วงงคุณมาก เหมือนชีวิตกับแฟนคนนี้ไม่มีอะไรดีเลย แล้วจะทนอยู่ไปทำไม (จริงๆแล้วแบบแฟนคุณน่ะถือว่าดีแล้วแค่ไม่ถูกรสนิยมคุณ ซึ่งก็งงว่าถ้าไม่ชอบขนาดนี้ แทบไม่คุยขนาดนี้ จะอยู่ด้วยกันทำไม)  ดูคุณเป็นคนต้องออกไปข้างนอกตลอดเวลา ต้องเจอคนเยอะๆตลอดเวลา ถ้าคุณไม่คิดเปลี่ยนเราว่าควรหาผู้ชายที่ว่างๆหน่อย มาเป็นพ่อบ้านเลย ส่วนคุณก็ไปหาเงิน เพราะถ้าทำงานหนักทั้งคู่ลูกจะไม่มีคนเลี้ยง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่