นักลงทุนทั่วโลกเสพติดยา QE อย่างแรง
การประชุมเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรแย่เลย
เพียงแต่นักลงทุน ไม่ใช่ซิ นักล่าความโลภ ไม่ได้ต้องการแค่ไม่มีอะไร
พวกนี้เค้าต้องการอะไรที่มากไปกว่า QE infinity
สิ่งสำคัญที่ทำให้มันลงก็เพราะ มันไม่ได้มีอะไรดีกว่า QE infinity
ตลาดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเพราะแรงเงินล้วนๆ พอมันไม่มีอะไรต่อ
แรงเงินที่เคยโถมเข้ามาที่สามารถทำกำไรกันเป็น 50% 100% หรือมากกว่า (แอบอิจฉา) ก็พร้อมสาดขายทิ้งไปก่อนทันที
เหตุผลหลักๆที่ส่วนใหญ่ทางพื้นฐานจะไม่ค่อยยอมรับ แต่มันคือ คำตอบ คือ sell on facts
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะให้ความสำคัญมากขึ้นไปอีก จะเป็นเรื่องการจ้างงาน ในอนาคตตัวเลขตัวนี้จะถูกให้ความสำคัญกว่า gdp
ตอนนี้ที่นั่งคิดอยู่ คือ สงสัยว่า เฟดให้ความสำคัญกับตลาดหุ้น ตลาดทุนมากกว่า real sectors อะเปล่านะ
แบบว่า พอเห็นหุ้นขึ้นมามากละ พี่แกก็ไม่อัดยาใหม่ละ ประจวบกับจังหวะตลาดมันสูงปรี๊ดมากๆ
นี่ถ้าพอตลาดเริ่มเละมากๆ สงสัยพี่แกจะจัดยาให้ใหม่อีกหรือเปล่านะฮะ
ลงแบบนี้ อย่ามีประชุมเฟดเมื่อคืนดีกว่า
การประชุมเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรแย่เลย
เพียงแต่นักลงทุน ไม่ใช่ซิ นักล่าความโลภ ไม่ได้ต้องการแค่ไม่มีอะไร
พวกนี้เค้าต้องการอะไรที่มากไปกว่า QE infinity
สิ่งสำคัญที่ทำให้มันลงก็เพราะ มันไม่ได้มีอะไรดีกว่า QE infinity
ตลาดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเพราะแรงเงินล้วนๆ พอมันไม่มีอะไรต่อ
แรงเงินที่เคยโถมเข้ามาที่สามารถทำกำไรกันเป็น 50% 100% หรือมากกว่า (แอบอิจฉา) ก็พร้อมสาดขายทิ้งไปก่อนทันที
เหตุผลหลักๆที่ส่วนใหญ่ทางพื้นฐานจะไม่ค่อยยอมรับ แต่มันคือ คำตอบ คือ sell on facts
ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะให้ความสำคัญมากขึ้นไปอีก จะเป็นเรื่องการจ้างงาน ในอนาคตตัวเลขตัวนี้จะถูกให้ความสำคัญกว่า gdp
ตอนนี้ที่นั่งคิดอยู่ คือ สงสัยว่า เฟดให้ความสำคัญกับตลาดหุ้น ตลาดทุนมากกว่า real sectors อะเปล่านะ
แบบว่า พอเห็นหุ้นขึ้นมามากละ พี่แกก็ไม่อัดยาใหม่ละ ประจวบกับจังหวะตลาดมันสูงปรี๊ดมากๆ
นี่ถ้าพอตลาดเริ่มเละมากๆ สงสัยพี่แกจะจัดยาให้ใหม่อีกหรือเปล่านะฮะ