จากกระทู้ที่แล้ว เราได้รีวิวรายละเอียดการจองบ้านพักในคืนเทศกาลประดับไฟ Shirakawago Light Up 2020 พร้อมวิธีการจองรถบัสไปแล้ว สามารถรับชมรีวิวได้ที่นี่ค่ะ >>>
https://ppantip.com/topic/39967511
-------------------------------------
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563
-------------------------------------
วันนี้เราจะเช็คเอาท์จากที่พักในเมืองทาคายาม่า มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน "ชิราคาวาโกะ" จังหวัดกิฟุ อยู่ห่างจากเมืองทาคายาม่าประมาณ 50 กิโลเมตร วิธีการเดินทางง่ายๆ ไม่เช่ารถขับก็ไปได้ เราจะไปขึ้นรถบัสกันที่ Takayama Nohi Bus Center จากโรงแรม Country Hotel Takayama ที่เราพัก เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็ถึงแล้วค่ะ สุดแสนจะสะดวก เราจะเข้าไปรับตั๋วรถบัสไปชิราคาวาโกะที่ Ticket Office ด้านในกันก่อน ซึ่งเราโทรจองไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ที่เมืองไทยค่ะ แค่โชว์ Shoryudo Bus Pass พร้อมแจ้ง Booking Number ก็รับตั๋วได้เลยค่ะ จากนั้นมารอขึ้นรถบัสที่ชานชาลาหมายเลข 4
เราจองรถรอบ 11.20 จะถึงชิราคาวาโกะ 12.10 ใช้เวลา 50 นาทีค่ะ
นั่งชมวิวเพลินๆ ก็มาถึง "ชิราคาวาโกะ" ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโบราณ Ogimachi หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในชิราคาวาโกะ ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 1995 ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติรายล้อมด้วยหุบเขา และยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ ว่าแต่...นี่มันฤดูหนาวนะ หิมะจ๋าหายไปหนายยยยย อากาศเย็นสบายๆ แต่แดดเปรี้ยงสุดๆ ไปเลย ><"
จากจุดจอดรถบัส เราจะเดินไปยังบ้านพัก "Hisamatsu" ที่เราจองไว้ ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
เดินชมวิวเพลินๆ ก็มาถึงบ้าน "Hisamatsu" ที่เราจะนอนค้างกันในคืนนี้ เอกลักษณ์ของบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมบ้านหลังคาพนมมือ มีความลาดเอียง 60 องศา มีชื่อเรียกว่า "บ้านกัสโช่" (Gassho Zukuri) เห็นแบบนี้เค้าว่าแข็งแรงมากๆ เลยนะคะ
ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า Hisamatu แต่ในเว็บเขียนว่า Hisamatsu เลยงงว่าสรุปที่ถูกคืออันไหน?!?
เข้าไปเช็คอินกันค่ะ ทางเข้าอยู่ด้านข้างนี้ ให้กดกริ่งหน้าประตู จากนั้นเจ้าของบ้านจะมาเปิดให้ค่ะ
เช็คอินง่ายๆ แค่เอาใบ Booking Confirmation อันนี้ยื่นให้เจ้าของบ้าน เป็นอันเสร็จค่ะ
ก่อนเข้าไปข้างใน ให้ถอดรองเท้าตรงนี้ก่อน
เดินผ่านม่านนี้เข้าไป ด้านซ้ายจะเป็นโซนห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นห้องพักค่ะ มีทั้งหมด 3 ห้อง
ขอไปสำรวจห้องน้ำกันก่อน เดินตรงมาจะเจออ่างล้างมือซึ่งแยกออกจากห้องน้ำ สะดวกมากๆ
โฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก คอตตอนบัด กระดาษทิชชู่ มีให้พร้อม ไดร์เป่าผมก็มีให้ตรงนี้ค่ะ มีตัวเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ แต่ก็ไม่ลำบากอะไร เพราะแขกแต่ละคน manage เวลากันได้ดี ไม่มีแย่งกันเลยค่ะ
ถัดจากอ่างล้างมือ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำค่ะ มีทั้งหมด 3 ห้อง
ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องอาบน้ำ มีประตูบานเลื่อนชั้นนอก ด้านในเป็นประตูบานพับ ล็อคได้ค่ะ เข้ามาแล้วจะเจอกับบ่อแช่น้ำร้อนขนาดกะทัดรัด
หรือใครไม่ถนัดก็อาบฝักบัวได้ค่ะ ครีมอาบน้ำ แชมพู สบู่ โฟมล้างหน้า มีให้พร้อมค่ะ
เอาล่ะ ได้เวลาไปสำรวจห้องนอนกันแล้วจ้า บอกก่อนว่าทางเดินในบ้านเป็นไม้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องเดินเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่นค่ะ
ท๊าดาาาาา...นี่คือห้องนอนเราในคืนนี้ค่ะ
มีชุดยูกาตะให้ใส่ด้วย ได้บรรยากาศญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นคือ "ฮีทเตอร์" จำเป็นอย่างยิ่งในฤดูหนาวแบบนี้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าเจ้าฮีทเตอร์นี้ตอนกลางคืนมันจะปิดตัวเองนะคะ พอดีเราตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วรู้สึกว่ามันหนาวผิดปกติ หันไปดูปรากฏว่าเจ้าฮีทเตอร์ดับไปค่ะ เลยต้องกดเปิดใหม่อีกครั้ง (หรือจริงๆ มันตั้งเวลาปิด-เปิดได้ เราก็ไม่รู้แฮะ)
ของบนโต๊ะเยอะแยะเลย มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
อย่างแรกเลย ชาเขียว พร้อมกาน้ำร้อน และขนมทานเล่นค่ะ (เรียกว่าเซมเบ้รึเปล่า?!?)
ต่อไปเป็นกระดาษบอกเวลาเสิร์ฟ Room Service มื้อเย็น (ที่นี่ไม่มีเสิร์ฟ Dinner Set ค่ะ แต่ให้เป็นข้าวปั้นแทน), เวลาเปิด-ปิดห้องอาบน้ำ, เวลาอาหารเช้า และเวลาเช็คเอาท์ พร้อมแผนที่บอกชุดจมวิวในหมู่บ้านค่ะ
และที่ขาดไม่ได้...บัตรเข้าชมงาน Light Up คืนนี้ เราได้รอบ 17.50 น. ค่ะ
มีไฟฉายให้ยืมด้วยค่ะ เพราะฤดูหนาวจะมืดเร็ว เอาไว้ส่องทางเวลาเดินไปชม Light Up
ข้างโต๊ะมีตะกร้าผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำ
คนติดโซเชียลไม่ต้องกังวล เพราะมี Wi-Fi ให้ใช้ค่ะ
นั่งพักเหนื่อย จิบชา ทานขนมกันสักหน่อย เดี๋ยวค่อยออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันค่ะ
ประมาณ 4 โมง เราก็ออกมาเดินเล่นกันค่ะ นี่คือวิวจากหน้าบ้านพัก ฟินมากกกกก
ห้ามพลาด! อย่าลืมเก็บภาพฝาท่อเป็นที่ระลึกด้วยนะคะ
จากบ้านพักเดินเลี้ยวขวามา จะเจอกับ "วัดเมียวเซ็นจิ" (Myozenji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1748 โดยชาวบ้านในหมู่บ้าน จุดเด่นของวัดอยู่ที่หอระฆังนี้ คนจะนิยมมาถ่ายรูปมุมนี้กันเยอะค่ะ
บรรยากาศที่นี่ดีมากๆ เดินเพลินเลยค่ะ อากาศตอนนี้ประมาณ 8 องศาค่ะ
ตลอดทางเดินในหมู่บ้านจะมีคลองอยู่ข้างๆ น้ำใสมากกกกกก เห็นปลาชัดเจนเลยค่ะ
เดินชมวิวกันต่อค่ะ
ตุ๊กตา Sarubobo ตามความเชื่อคือมีไว้ปัดเป่าความชั่วร้าย รู้สึกว่าตัวสีแดงจะมีความหมายว่า "ปัดเป่าโรคระบาด"
ระหว่างทางมีร้านขายของ ขายขนม และร้านอาหารเป็นระยะๆ เดี๋ยวเราค่อยแวะชิมค่ะ
เราจะไปชิมวิวกันที่จุดแลนด์มาร์คอีกจุดของหมู่บ้าน นั่นคือ "สะพาน Deai Bridge" ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Shogawa
วิวสวยมากกกกกกกก เสียดายถ้ามีหิมะขาวๆ ฟูๆ น่าจะสวยกว่านี้เยอะเลย
ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นจุดจอดรถบัสอีกจุดหนึ่งของหมู่บ้านค่ะ
แล้วเราก็ข้ามสะพานกลับไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันต่อค่ะ
เจอทางเดินนี้แถวด้านหลังบ้านพัก เลยลองเดินขึ้นไปดูค่ะ
เป็นจุดชมวิวมุมสูง มองเห็นภูเขา
เดินลงมาก็จะเจอ "ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮาจิมัง" (Shirakawa Hachiman Shrine) ศาลเจ้าชินโตอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี
เดินโซนท้ายกับโซนกลางหมู่บ้านแล้ว ต่อไปเราจะไปเดินเที่ยวโซนหน้าหมู่บ้านกันบ้างค่ะ
แถวนี้มีร้านขายของกินล่อตาล่อใจเยอะมาก จัดมาลองซะหน่อย "เนื้อฮิดะชุบเกล็ดขนมปังทอด" (ราคาไม่แน่ใจว่า 300-400 เยน) ตัวไส้ที่เป็นเนื้อบด หวานอร่อยมาก กินคู่กับแป้งชุบเกล็ดขนมปังทอดร้อนๆ คือลงตัวสุดๆ
จัดมาอย่างต่อเนื่อง "ซาลาเปาไส้เนื้อฮิดะ" ตัวแป้งนึ่งมาร้อนๆ นุ่มๆ ไส้เนื้อฮิดะด้านในหวานนุ่มชุ่มฉ่ำ บอกเลยว่าเด็ดมาก ขากลับจากชม Light Up เรายังแวะมาซื้ออีกรอบเลยค่ะ ติดใจจริงๆ
ไฮไลท์อีกจุดนึงของหมู่บ้าน คือ "บ้านทานาคายะ" (Tanakaya House) ที่คนนิยมมาถ่ายภาพบ้านสะท้อนน้ำที่ขังอยู่บนนาข้าวหน้าบ้าน
ใกล้ๆ กันก็มีบ้านสะท้อนน้ำ แต่ไม่รู้ว่าชื่อบ้านอะไร
--- เนื่องจากใกล้ครบ 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตลงต่อในคอมเมนท์ด้านล่างนะคะ ---
[CR] รีวิวตอนที่ 2: นอนบ้านกัสโช่ "Hisamatsu" ที่หมู่บ้านมรดกโลก "ชิราคาวาโกะ" ในคืนเทศกาล Shirakawago Light Up 2020 ปีล่าสุด
จากกระทู้ที่แล้ว เราได้รีวิวรายละเอียดการจองบ้านพักในคืนเทศกาลประดับไฟ Shirakawago Light Up 2020 พร้อมวิธีการจองรถบัสไปแล้ว สามารถรับชมรีวิวได้ที่นี่ค่ะ >>> https://ppantip.com/topic/39967511
-------------------------------------
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563
-------------------------------------
วันนี้เราจะเช็คเอาท์จากที่พักในเมืองทาคายาม่า มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน "ชิราคาวาโกะ" จังหวัดกิฟุ อยู่ห่างจากเมืองทาคายาม่าประมาณ 50 กิโลเมตร วิธีการเดินทางง่ายๆ ไม่เช่ารถขับก็ไปได้ เราจะไปขึ้นรถบัสกันที่ Takayama Nohi Bus Center จากโรงแรม Country Hotel Takayama ที่เราพัก เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็ถึงแล้วค่ะ สุดแสนจะสะดวก เราจะเข้าไปรับตั๋วรถบัสไปชิราคาวาโกะที่ Ticket Office ด้านในกันก่อน ซึ่งเราโทรจองไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ที่เมืองไทยค่ะ แค่โชว์ Shoryudo Bus Pass พร้อมแจ้ง Booking Number ก็รับตั๋วได้เลยค่ะ จากนั้นมารอขึ้นรถบัสที่ชานชาลาหมายเลข 4
เราจองรถรอบ 11.20 จะถึงชิราคาวาโกะ 12.10 ใช้เวลา 50 นาทีค่ะ
นั่งชมวิวเพลินๆ ก็มาถึง "ชิราคาวาโกะ" ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโบราณ Ogimachi หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในชิราคาวาโกะ ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 1995 ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติรายล้อมด้วยหุบเขา และยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ ว่าแต่...นี่มันฤดูหนาวนะ หิมะจ๋าหายไปหนายยยยย อากาศเย็นสบายๆ แต่แดดเปรี้ยงสุดๆ ไปเลย ><"
จากจุดจอดรถบัส เราจะเดินไปยังบ้านพัก "Hisamatsu" ที่เราจองไว้ ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
เดินชมวิวเพลินๆ ก็มาถึงบ้าน "Hisamatsu" ที่เราจะนอนค้างกันในคืนนี้ เอกลักษณ์ของบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมบ้านหลังคาพนมมือ มีความลาดเอียง 60 องศา มีชื่อเรียกว่า "บ้านกัสโช่" (Gassho Zukuri) เห็นแบบนี้เค้าว่าแข็งแรงมากๆ เลยนะคะ
ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า Hisamatu แต่ในเว็บเขียนว่า Hisamatsu เลยงงว่าสรุปที่ถูกคืออันไหน?!?
เข้าไปเช็คอินกันค่ะ ทางเข้าอยู่ด้านข้างนี้ ให้กดกริ่งหน้าประตู จากนั้นเจ้าของบ้านจะมาเปิดให้ค่ะ
เช็คอินง่ายๆ แค่เอาใบ Booking Confirmation อันนี้ยื่นให้เจ้าของบ้าน เป็นอันเสร็จค่ะ
ก่อนเข้าไปข้างใน ให้ถอดรองเท้าตรงนี้ก่อน
เดินผ่านม่านนี้เข้าไป ด้านซ้ายจะเป็นโซนห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นห้องพักค่ะ มีทั้งหมด 3 ห้อง
ขอไปสำรวจห้องน้ำกันก่อน เดินตรงมาจะเจออ่างล้างมือซึ่งแยกออกจากห้องน้ำ สะดวกมากๆ
โฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก คอตตอนบัด กระดาษทิชชู่ มีให้พร้อม ไดร์เป่าผมก็มีให้ตรงนี้ค่ะ มีตัวเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ แต่ก็ไม่ลำบากอะไร เพราะแขกแต่ละคน manage เวลากันได้ดี ไม่มีแย่งกันเลยค่ะ
ถัดจากอ่างล้างมือ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำค่ะ มีทั้งหมด 3 ห้อง
ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องอาบน้ำ มีประตูบานเลื่อนชั้นนอก ด้านในเป็นประตูบานพับ ล็อคได้ค่ะ เข้ามาแล้วจะเจอกับบ่อแช่น้ำร้อนขนาดกะทัดรัด
หรือใครไม่ถนัดก็อาบฝักบัวได้ค่ะ ครีมอาบน้ำ แชมพู สบู่ โฟมล้างหน้า มีให้พร้อมค่ะ
เอาล่ะ ได้เวลาไปสำรวจห้องนอนกันแล้วจ้า บอกก่อนว่าทางเดินในบ้านเป็นไม้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องเดินเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่นค่ะ
ท๊าดาาาาา...นี่คือห้องนอนเราในคืนนี้ค่ะ
มีชุดยูกาตะให้ใส่ด้วย ได้บรรยากาศญี่ปุ๊นญี่ปุ่น
และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นคือ "ฮีทเตอร์" จำเป็นอย่างยิ่งในฤดูหนาวแบบนี้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าเจ้าฮีทเตอร์นี้ตอนกลางคืนมันจะปิดตัวเองนะคะ พอดีเราตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วรู้สึกว่ามันหนาวผิดปกติ หันไปดูปรากฏว่าเจ้าฮีทเตอร์ดับไปค่ะ เลยต้องกดเปิดใหม่อีกครั้ง (หรือจริงๆ มันตั้งเวลาปิด-เปิดได้ เราก็ไม่รู้แฮะ)
ของบนโต๊ะเยอะแยะเลย มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
อย่างแรกเลย ชาเขียว พร้อมกาน้ำร้อน และขนมทานเล่นค่ะ (เรียกว่าเซมเบ้รึเปล่า?!?)
ต่อไปเป็นกระดาษบอกเวลาเสิร์ฟ Room Service มื้อเย็น (ที่นี่ไม่มีเสิร์ฟ Dinner Set ค่ะ แต่ให้เป็นข้าวปั้นแทน), เวลาเปิด-ปิดห้องอาบน้ำ, เวลาอาหารเช้า และเวลาเช็คเอาท์ พร้อมแผนที่บอกชุดจมวิวในหมู่บ้านค่ะ
และที่ขาดไม่ได้...บัตรเข้าชมงาน Light Up คืนนี้ เราได้รอบ 17.50 น. ค่ะ
มีไฟฉายให้ยืมด้วยค่ะ เพราะฤดูหนาวจะมืดเร็ว เอาไว้ส่องทางเวลาเดินไปชม Light Up
ข้างโต๊ะมีตะกร้าผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำ
คนติดโซเชียลไม่ต้องกังวล เพราะมี Wi-Fi ให้ใช้ค่ะ
นั่งพักเหนื่อย จิบชา ทานขนมกันสักหน่อย เดี๋ยวค่อยออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันค่ะ
ประมาณ 4 โมง เราก็ออกมาเดินเล่นกันค่ะ นี่คือวิวจากหน้าบ้านพัก ฟินมากกกกก
ห้ามพลาด! อย่าลืมเก็บภาพฝาท่อเป็นที่ระลึกด้วยนะคะ
จากบ้านพักเดินเลี้ยวขวามา จะเจอกับ "วัดเมียวเซ็นจิ" (Myozenji Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1748 โดยชาวบ้านในหมู่บ้าน จุดเด่นของวัดอยู่ที่หอระฆังนี้ คนจะนิยมมาถ่ายรูปมุมนี้กันเยอะค่ะ
บรรยากาศที่นี่ดีมากๆ เดินเพลินเลยค่ะ อากาศตอนนี้ประมาณ 8 องศาค่ะ
ตลอดทางเดินในหมู่บ้านจะมีคลองอยู่ข้างๆ น้ำใสมากกกกกก เห็นปลาชัดเจนเลยค่ะ
เดินชมวิวกันต่อค่ะ
ตุ๊กตา Sarubobo ตามความเชื่อคือมีไว้ปัดเป่าความชั่วร้าย รู้สึกว่าตัวสีแดงจะมีความหมายว่า "ปัดเป่าโรคระบาด"
ระหว่างทางมีร้านขายของ ขายขนม และร้านอาหารเป็นระยะๆ เดี๋ยวเราค่อยแวะชิมค่ะ
เราจะไปชิมวิวกันที่จุดแลนด์มาร์คอีกจุดของหมู่บ้าน นั่นคือ "สะพาน Deai Bridge" ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Shogawa
วิวสวยมากกกกกกกก เสียดายถ้ามีหิมะขาวๆ ฟูๆ น่าจะสวยกว่านี้เยอะเลย
ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นจุดจอดรถบัสอีกจุดหนึ่งของหมู่บ้านค่ะ
แล้วเราก็ข้ามสะพานกลับไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันต่อค่ะ
เจอทางเดินนี้แถวด้านหลังบ้านพัก เลยลองเดินขึ้นไปดูค่ะ
เป็นจุดชมวิวมุมสูง มองเห็นภูเขา
เดินลงมาก็จะเจอ "ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮาจิมัง" (Shirakawa Hachiman Shrine) ศาลเจ้าชินโตอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี
เดินโซนท้ายกับโซนกลางหมู่บ้านแล้ว ต่อไปเราจะไปเดินเที่ยวโซนหน้าหมู่บ้านกันบ้างค่ะ
แถวนี้มีร้านขายของกินล่อตาล่อใจเยอะมาก จัดมาลองซะหน่อย "เนื้อฮิดะชุบเกล็ดขนมปังทอด" (ราคาไม่แน่ใจว่า 300-400 เยน) ตัวไส้ที่เป็นเนื้อบด หวานอร่อยมาก กินคู่กับแป้งชุบเกล็ดขนมปังทอดร้อนๆ คือลงตัวสุดๆ
จัดมาอย่างต่อเนื่อง "ซาลาเปาไส้เนื้อฮิดะ" ตัวแป้งนึ่งมาร้อนๆ นุ่มๆ ไส้เนื้อฮิดะด้านในหวานนุ่มชุ่มฉ่ำ บอกเลยว่าเด็ดมาก ขากลับจากชม Light Up เรายังแวะมาซื้ออีกรอบเลยค่ะ ติดใจจริงๆ
ไฮไลท์อีกจุดนึงของหมู่บ้าน คือ "บ้านทานาคายะ" (Tanakaya House) ที่คนนิยมมาถ่ายภาพบ้านสะท้อนน้ำที่ขังอยู่บนนาข้าวหน้าบ้าน
ใกล้ๆ กันก็มีบ้านสะท้อนน้ำ แต่ไม่รู้ว่าชื่อบ้านอะไร
--- เนื่องจากใกล้ครบ 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตลงต่อในคอมเมนท์ด้านล่างนะคะ ---
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้