ชาวต่างชาติเคยทำงานในไทย แต่สิ้นสุดสัญญาไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ใบอนุญาตทำงาน (work permit) ก็หมดอายุไปแล้ว
โชคร้ายคือ ตอนก่อนเค้าจะกลับประเทศบ้านเกิด เค้าดันปิดบัญชีธนาคารในไทยไปแล้ว
แล้วตอนหลัง เค้าทำเรื่องขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกรมสรรพากร สำหรับเงินภาษีที่เค้าเคยเสียภาษีไปตอนช่วงที่ทำงานอยู่ในไทยนั่นแหละ (เพราะเค้าเพิ่งรู้ภายหลังว่า เค้ามีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน)
หลังจากนั้น กรมสรรพากรก็อนุมัติคืนเงินภาษี โดยออกหนังสือแจ้งคืนเงิน (แบบ ค.20) ไม่ใช่ ค.21 ที่สามารถเอาไปออก e-money กับ KTB ได้เลย
แต่ ค.20 เราจะต้องเอาหนังสือ ค.20 นี้ไปรับเช็คคืนเงินภาษีจากกรมสรรพากรเท่านั้นซึ่งจะออกเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย ซึ่งตามระเบียบของกรมสรรพากรแล้ว ถ้าผู้เสียภาษียื่นขอคืนภาษีเป็นคำร้อง ค.10 เค้าจะไม่คืนเป็นอย่างอื่น นอกจากออกเป็นเช๋็คธนาคารกรุงไทยเท่านั้น
แต่ปัญหาคือ เมื่อรับเช็คคืนเงินภาษี ซึ่งออกมาเป็น A/C Payee Only และขีดฆ่าคำว่าผู้ถือ ก็หมายถึงว่าต้องเอาเข้าบัญชีธนาคารของคนที่ระบุชื่อในเช็คได้วิธีเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ก็ต้องไปเปิดบัญขีธนาคาร เพื่อเอาเช็คเข้าบัญชี
ปัญหาเกิดขึ้น เมื่อต้องเจอกับระเบียบที่งี่เง่าและไม่ make sense ของ KTB ที่บอกว่า คนต่างชาติที่จะเปิดบัญชีธนาคาร จะต้องมี work permit เท่านั้น ถ้าไม่มี ก็ไม่สามารถเปิดได้
คือ คุณเข้าใจมั้ยว่า เงินที่ระบุในเช็ค มันเป็นเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรชัดเจน ไม่ใช่เป็นเงินได้จากการทำงาน แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำงานในไทยแล้ว จะไปบังคับให้เค้าต้องไปขอใบอนุญาตทำงาน (work permit) เพื่อหาพระแสงอันใดไม่ทราบ
ทำไมเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ไม่ได้ใช้เหตุผลและ common sense ที่ควรจะมี ช่วยหาทางออกให้กับลูกค้า
ตามคำถามที่ผมถามไปเมื่อวาน เจ้าหน้าที่ KTB บอกว่า
KTB 8989 ขออนุญาตแจ้งรายละเอียด กรณีชาวต่างชาติหรือบุคคลต่างด้าว หากต้องการเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยต้องใช้เอกสาร ดังนี้
- คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยชั่วคราวใช้ หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีตราประทับของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุช่วงเวลาให้เดินทางเข้าออกประเทศ ที่ยังไม่หมดอายุ หรือเอกสารแสดงตนที่ส่วนราชการหรือรัฐของเจ้าของสัญชาติออกให้ พร้อมเอกสารเพิ่มเติมตามกรณี
- ชาวต่างชาติทั่วไป ใช้ (1) ใบอนุญาตทำงานในประเทศ(Work Permit) หรือ (1) ทะเบียนบ้านเล่มปกสีเหลือง ที่ระบุเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือ (3)
หลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน เอกสารการรับบำนาญ สัญญาจ้างแรงงาน หรือ เอกสารที่ระบุชื่อนายจ้าง ชื่อลูกจ้าง และที่ตั้งสถานที่ประกอบการไว้ชัดเจน ทีรับรองจากแหล่งที่มาของรายได้ เป็นต้น
ซึ่งผมไม่เข้าใจว่า ทำไมหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีที่ออกอย่างเป็นทางการโดยกรมสรรพากร ระบุชัดเจนว่า เงินจำนวนนี้ เป็นเงินคืนภาษีอากร และคืนให้แก่ Mr. XYZ ที่ระบุชื่อในหนังสือ ค.20 ซึ่งตรงกับชื่อภาษาอังกฤษในหนังสือเดินทาง และจำนวนเงินก็ตรงตามเช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยกรมสรรพากร แถมระบุในเช็คว่า เป็นเงินคืนภาษี อย่างนี้ยังไม่ถือเป็นหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้ แล้วคุณจะให้เค้าไปหาหลักฐานอะไรที่มันชัดเจนกว่านี้อีก ทำไมไม่ใช้วิจารณญาณ แต่กับตรงเป๊ะเหมือนไม้บรรทัด โดยไม่หาทางออกให้ลูกค้า
ไม่เข้าใจว่าทำไมการเปิดบัญขีธนาคารของคนต่างชาติเพื่อขึ้นเช็คคืนภาษี KTB ต้องถามหา work permit ในเมื่อเค้าไม่ได้ทำงาน
โชคร้ายคือ ตอนก่อนเค้าจะกลับประเทศบ้านเกิด เค้าดันปิดบัญชีธนาคารในไทยไปแล้ว
แล้วตอนหลัง เค้าทำเรื่องขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกรมสรรพากร สำหรับเงินภาษีที่เค้าเคยเสียภาษีไปตอนช่วงที่ทำงานอยู่ในไทยนั่นแหละ (เพราะเค้าเพิ่งรู้ภายหลังว่า เค้ามีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน)
หลังจากนั้น กรมสรรพากรก็อนุมัติคืนเงินภาษี โดยออกหนังสือแจ้งคืนเงิน (แบบ ค.20) ไม่ใช่ ค.21 ที่สามารถเอาไปออก e-money กับ KTB ได้เลย
แต่ ค.20 เราจะต้องเอาหนังสือ ค.20 นี้ไปรับเช็คคืนเงินภาษีจากกรมสรรพากรเท่านั้นซึ่งจะออกเป็นเช็คธนาคารกรุงไทย ซึ่งตามระเบียบของกรมสรรพากรแล้ว ถ้าผู้เสียภาษียื่นขอคืนภาษีเป็นคำร้อง ค.10 เค้าจะไม่คืนเป็นอย่างอื่น นอกจากออกเป็นเช๋็คธนาคารกรุงไทยเท่านั้น
แต่ปัญหาคือ เมื่อรับเช็คคืนเงินภาษี ซึ่งออกมาเป็น A/C Payee Only และขีดฆ่าคำว่าผู้ถือ ก็หมายถึงว่าต้องเอาเข้าบัญชีธนาคารของคนที่ระบุชื่อในเช็คได้วิธีเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ก็ต้องไปเปิดบัญขีธนาคาร เพื่อเอาเช็คเข้าบัญชี
ปัญหาเกิดขึ้น เมื่อต้องเจอกับระเบียบที่งี่เง่าและไม่ make sense ของ KTB ที่บอกว่า คนต่างชาติที่จะเปิดบัญชีธนาคาร จะต้องมี work permit เท่านั้น ถ้าไม่มี ก็ไม่สามารถเปิดได้
คือ คุณเข้าใจมั้ยว่า เงินที่ระบุในเช็ค มันเป็นเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรชัดเจน ไม่ใช่เป็นเงินได้จากการทำงาน แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำงานในไทยแล้ว จะไปบังคับให้เค้าต้องไปขอใบอนุญาตทำงาน (work permit) เพื่อหาพระแสงอันใดไม่ทราบ
ทำไมเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ไม่ได้ใช้เหตุผลและ common sense ที่ควรจะมี ช่วยหาทางออกให้กับลูกค้า
ตามคำถามที่ผมถามไปเมื่อวาน เจ้าหน้าที่ KTB บอกว่า
KTB 8989 ขออนุญาตแจ้งรายละเอียด กรณีชาวต่างชาติหรือบุคคลต่างด้าว หากต้องการเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยต้องใช้เอกสาร ดังนี้
- คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยชั่วคราวใช้ หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีตราประทับของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุช่วงเวลาให้เดินทางเข้าออกประเทศ ที่ยังไม่หมดอายุ หรือเอกสารแสดงตนที่ส่วนราชการหรือรัฐของเจ้าของสัญชาติออกให้ พร้อมเอกสารเพิ่มเติมตามกรณี
- ชาวต่างชาติทั่วไป ใช้ (1) ใบอนุญาตทำงานในประเทศ(Work Permit) หรือ (1) ทะเบียนบ้านเล่มปกสีเหลือง ที่ระบุเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือ (3) หลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน เอกสารการรับบำนาญ สัญญาจ้างแรงงาน หรือ เอกสารที่ระบุชื่อนายจ้าง ชื่อลูกจ้าง และที่ตั้งสถานที่ประกอบการไว้ชัดเจน ทีรับรองจากแหล่งที่มาของรายได้ เป็นต้น
ซึ่งผมไม่เข้าใจว่า ทำไมหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีที่ออกอย่างเป็นทางการโดยกรมสรรพากร ระบุชัดเจนว่า เงินจำนวนนี้ เป็นเงินคืนภาษีอากร และคืนให้แก่ Mr. XYZ ที่ระบุชื่อในหนังสือ ค.20 ซึ่งตรงกับชื่อภาษาอังกฤษในหนังสือเดินทาง และจำนวนเงินก็ตรงตามเช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยกรมสรรพากร แถมระบุในเช็คว่า เป็นเงินคืนภาษี อย่างนี้ยังไม่ถือเป็นหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของรายได้ แล้วคุณจะให้เค้าไปหาหลักฐานอะไรที่มันชัดเจนกว่านี้อีก ทำไมไม่ใช้วิจารณญาณ แต่กับตรงเป๊ะเหมือนไม้บรรทัด โดยไม่หาทางออกให้ลูกค้า