ทราบหรือไม่ว่าต้นทุนการผลิตเหรียญสลึงสูงกว่ามูลค่าหน้าเหรียญ คือ ใช้งบประมาณในการผลิตเหรียญสลึงสูงกว่า 25 สตางค์
แล้วทำไมกรมธนารักษ์ยังคงต้องผลิต ในเมื่อผู้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของมัน
ปัจจุบันการใช้เหรียญสลึงหรือเหรียญ 50 สตางค์ ซื้อสินค้า ร้านค้าจำนวนมากไม่รับเหรียญเหล่านี้แล้ว หรือคนที่มีเหรียญสลึงอยู่ ก็ไม่คิดอยากจะนำไปใช้จ่ายเพราะมันแทบไม่มีค่าเลย
แต่ในความเป็นจริงแล้วเหรียญสลึงนั้นนอกจากคุณค่าในตัวมันเองที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไปแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่เศรษฐศาสตร์ คือช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งเร็วเกินไป เช่น การจะขึ้นราคาสินค้าบางอย่าง ยังมีทางเลือกในการปรับขึ้นทีละ 25 , 50 หรือ 75 สตางค์ได้ แต่ถ้าเราเลิกใช้เหรียญเหล่านี้ไปแล้ว หากจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าต่างๆก็จะปรับขึ้นราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 1 บาท ทันที
ปัจจุบัน ประเทศไทยขาดแคลนเหรียญสลึง เพราะไม่ว่าใครจะได้รับก็ไม่ค่อยนำกลับมาหมุนเวียนใช้ในระบบ กรมธนารักษ์จึงเสียงบประมาณในการผลิตเหรียญเหล่านี้เพื่ออกมาพยุงสถานะเงินเฟ้ออยู่ตลอด
เราจึงไม่ควรมองข้ามคุณค่าของเหรียญสลึง ด้วยการนำกลับมาใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
ถึงแม้จะด้อยค่าไร้ราคาในสายตาคนทั่วไป แต่เหรียญสลึงก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของมันต่อไป
คนทุกคนย่อมมีคุณค่าในตัวเอง จงทำตัวให้เป็นเสมือนเหรียญสลึง ที่แม้จะไม่ค่อยมีใครเห็นค่า แต่จงทำหน้าที่ของตนเองต่อไปให้ดีที่สุด เปรียบเสมือนการปิดทองหลังพระ ที่แม้จะไม่มีใครเห็นแต่ขอให้เรานั้นเห็นคุณค่าของตัวเรา
คุณค่าของเหรียญสลึง ที่มีค่ามากกว่า 25 สตางค์
แล้วทำไมกรมธนารักษ์ยังคงต้องผลิต ในเมื่อผู้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของมัน
ปัจจุบันการใช้เหรียญสลึงหรือเหรียญ 50 สตางค์ ซื้อสินค้า ร้านค้าจำนวนมากไม่รับเหรียญเหล่านี้แล้ว หรือคนที่มีเหรียญสลึงอยู่ ก็ไม่คิดอยากจะนำไปใช้จ่ายเพราะมันแทบไม่มีค่าเลย
แต่ในความเป็นจริงแล้วเหรียญสลึงนั้นนอกจากคุณค่าในตัวมันเองที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไปแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่เศรษฐศาสตร์ คือช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งเร็วเกินไป เช่น การจะขึ้นราคาสินค้าบางอย่าง ยังมีทางเลือกในการปรับขึ้นทีละ 25 , 50 หรือ 75 สตางค์ได้ แต่ถ้าเราเลิกใช้เหรียญเหล่านี้ไปแล้ว หากจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าต่างๆก็จะปรับขึ้นราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 1 บาท ทันที
ปัจจุบัน ประเทศไทยขาดแคลนเหรียญสลึง เพราะไม่ว่าใครจะได้รับก็ไม่ค่อยนำกลับมาหมุนเวียนใช้ในระบบ กรมธนารักษ์จึงเสียงบประมาณในการผลิตเหรียญเหล่านี้เพื่ออกมาพยุงสถานะเงินเฟ้ออยู่ตลอด
เราจึงไม่ควรมองข้ามคุณค่าของเหรียญสลึง ด้วยการนำกลับมาใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
ถึงแม้จะด้อยค่าไร้ราคาในสายตาคนทั่วไป แต่เหรียญสลึงก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของมันต่อไป
คนทุกคนย่อมมีคุณค่าในตัวเอง จงทำตัวให้เป็นเสมือนเหรียญสลึง ที่แม้จะไม่ค่อยมีใครเห็นค่า แต่จงทำหน้าที่ของตนเองต่อไปให้ดีที่สุด เปรียบเสมือนการปิดทองหลังพระ ที่แม้จะไม่มีใครเห็นแต่ขอให้เรานั้นเห็นคุณค่าของตัวเรา