สวัสดีค่ะ ไม่ได้รีวิวนาน จริง ๆ เราจะรีวิวพจมานก่อน แต่ต้องขอแซงคิว เพราะเรื่องนี้จะออกจากโรงภาพยนตร์แล้ว อยากมารีวิวความรู้สึกหลังดูค่ะ ก่อนอื่นขอพูดก่อนนะคะ เราว่าไม่ใช่สาววาย หรือดูซีรี่ย์วาย และจิ้นไม่เป็นด้วยสำหรับ ผู้ชายกับผู้ชาย แต่เราชอบภาพยนตร์เพราะอยากรู้สารที่ผู้กำกับเขาอยากส่งสารอะไรมาให้ ดังนั้นไม่ขอเรียกว่า หนังทางเลือก หรือ หนังเฉพาะกลุ่มนะคะ แต่จะเรียกว่า หนังรัก เรื่องนึง ทุกเพศมีความรักได้นะคะ และที่เราดูในโรง มีทั้ง ผญ มาด้วยดูด้วยกัน ผู้ชายมาดูด้วยกัน ออสการ์ก้าวข้ามซับไตเติ้ลแล้วนะคะ หนังต่างชาติก็มีสิทธิ์คว้ารางวัล หนังเพศเดียวกันก็ควรมีสิทธิ์ได้รับรางวัลเช่นกัน
มาเริ่มเลยค่ะ ด้วยหนังเป็นภาคต่อนะคะ จำเป็นอย่างยิ่งต้องดูภาคแรกก่อน ดูเผื่อซึมซับ ๆ เนื้อเรื่อง ความสัมพันธ์ ไม่แน่ใจว่าดูได้ที่ไหน ที่ถูกลิขสิทธิ์นะคะ พอดีเราดูตั้งแต่ภาคแรกแบบนานมากแล้วจริง ๆ ต้องยอมรับว่าตอนนั้นยังเด็ก พอดูหนังเกย์เราจะมองอีกแบบ แค่ตอนนี้โตขึ้นมาหน่อย เรามองมากกว่าเรื่องเพศนะ เพราะหนังไม่ได้ขายความโจ๊งครึ่มขนาดนั้น แต่มันก็เป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง ของเต้ยและโอ๊ต ซึ่งภาค 2 จะเริ่มเล่าต่อจากภาคแรกทันที ซึ่งตัวละครโอ๊ต ได้แต่งงานมีครอบครัวและมีลูกชาย ส่วนเต้ยก็ออกเดินทางไปเที่ยวแต่ก็ยังลืมโอ๊ตไม่ได้ ในตัวอย่างจึงบอกว่าทั้งสองคนยังรักกันและใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งในคอมเม้นดุเดือดมาก พี่มักจะพูดว่าเกย์มักจะสนใจแต่เรื่องเพศ หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้เล่าไม่ได้เล่าเรื่องนั้น คือก็เล่าแหละแต่ไม่ได้โฟกัสที่เรื่องนั้นมากจนเกินไป หนังไม่ได้มีเส้นเรื่องหรือจุดพลิกผันที่สำคัญ แต่หนังจะค่อยๆให้เราซึมซับความรู้สึกความสัมพันธ์ของตัวละคร
ข้อดี
1. นักแสดง
คือนักแสดงคือนักแสดงเราไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นเพศไหน แท้หรือไม่แท้ เป็นหรือไม่เป็น แต่รู้ว่านักแสดงสองคนนี้ทำออกมาได้ดีมากเราเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครรู้ว่าตัวละครคิดอะไรทำไมถึงคิดแบบนั้น มีปมอะไรในใจ และน่าตกใจมากที่ทั้งสองคนไม่ใช่นักแสดงที่รับเล่นหนัง หรือมีประสบการณ์มากมาย แต่สามารถดึงเสน่ห์ตรงนี้ออกมาได้ คือเราเป็นผู้หญิงเรามองว่าทั้งสองคนไม่ได้มีหน้าตาที่หล่อ ไม่ใช่สเปคของผู้หญิงทั่วไป แต่เขามีการแสดงที่น่าสนใจทำให้เราลุ้นไปว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรซึ่งนักแสดงหลักให้คะแนน 10 เต็ม
2. การตัดต่อ และ ภาพ
อันนี้น่าจะขอชมผู้กำกับ ที่สามารถตัดต่อหนังออกมาได้น่าสนใจไหมต้องยอมรับว่าหนังค่อนข้างมีบทพูดที่เยอะมากและเป็นฉากที่ต้องใช้อารมณ์ในการแสดงเยอะค่าตัดต่อหรือเรียงลำดับไม่ดีอาจจะทำให้น่าเบื่อหรือหลับได้แต่หนังก็ทำได้ดีในจุดที่นักแสดงจะต้องมีจุดพีคทางอารมณ์หรือผ่อนคลายด้วยนักแสดงประกอบที่ลงตัวมากส่วนภาพก็สวยมากเช่นกัน สถานที่ที่ประเทศไทยต้องยอมรับว่า สวยกว่า ภาคแรกที่ไปถ่ายที่ญี่ปุ่น
ข้อเสีย
มีข้อเดียวและเป็นข้อใหญ่ด้วย
ส่วนตัวก็ไม่อยากเรียกว่าข้อเสียแต่เป็นจุดที่เราสะดุด แล้วกัน ใครที่ดูภาพนึงจะรู้ว่าโทนหนังมันเป็นแบบไหน ซึ่งการที่เรามาทุกภาค 2 เพราะว่าชอบภาค 1 แต่พอภาค 2 เรารู้สึกว่าหนังมันเปลี่ยนโทนไปจากภาค 1 มากซึ่ง คนเขียนบทก็คงอยากให้นางมีจุดจบแบบนี้ แต่ส่วนตัว ไม่ชอบที่หนังจบแบบนี้เลย ถ้าใครไปดูฝากช่วยสังเกตว่าก่อน 30 นาทีที่หนังจะจบ จะมีชื่อภาพยนตร์ขึ้นซึ่งเราคิดว่าถ้าหนังตัดจบตั้งแต่ตอนนั้น มันจะดีมากแต่ก็ต้องไปดูกันเองนะว่าถ้าจบตอนนั้นหนังมันจะเป็นโทนไหน ซึ่ง 30 นาทีหลังรู้สึกว่า ทุกอย่างมันดูเกินไปเพราะคุณขายความ rael ตั้งแต่ตอนแรก จนมาถึงช่วงใกล้จบ แต่พอตอนหลังมันเหมือนทุกอย่างผิดที่ผิดเวลาบางฉากเราถึงกับอึ้งว่านี่คือหนังเรื่องเดียวกันหรอ เหตุผลที่มันไม่ได้หนักแน่นแล้วนำเสนอแบบนั้นอย่างที่บอกว่าส่วนตัวเราไม่ชอบ
ปล.เพื่อนที่เป็นผู้หญิงที่ไปดูบอกว่าชอบ ฟินมาก เห็นไหมคะว่ามันไม่เหมือนกันอยู่ที่ความชอบของส่วนบุคคล
ปล.2 ไม่รู้หนังจำกัดอายุหรือเปล่า เพราะมีภาพที่ 18+ อยู่นะ หลายนาทีด้วย ซึ่งมันก็ต้องมีอ่ะค่ะ ด้วยบทของหนัง เลยไม่รู้ว่า แบบไหนเรียก 18+ หรือคนมองว่าธรรมดา
สุดท้ายนี้ ล็อกอินเราก็เป็นกำลังใจให้หนังไทยนะคะ ดูจากประวัติคือเราพยายามตั้งกระทู้ เงลาไปดูหนังไทย ซึ่งไม่ค่อยมีรีวิวเท่าไร ยิ่งเรื่องนี้ เราเห็นได้ชัดเลยว่า เบื้องหลังตั้งใจทำออกมาจริง ๆ หนังอยู่ในระดับที่สามารถส่งออกได้ ไม่อายใคร และยอมรับว่า ความตั้งใจในการกำกับของทีมงาน เราได้รับนะคะ และเข้าใจตัวละครจริง ๆ ช่วยกันไปอุดหนุนหนังไทยนะคะ เช่นเดิมใครไปดูอะไรมาแล้ว แลกเปลี่ยนกันค่ะ
เครดิตภาพจาก FACEBOOK : Present Still Perfect - แค่นี้ก็ดีแล้ว 2
ไปดูมาแล้วขอเม้าท์ : Present Still Perfect แค่นี้ก็ดีแล้ว 2 ไม่ใช่สาววายแต่ก็ดู ใครดูแล้วเม้าท์ในกระทู้ด่วนค่ะ
1. นักแสดง
คือนักแสดงคือนักแสดงเราไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นเพศไหน แท้หรือไม่แท้ เป็นหรือไม่เป็น แต่รู้ว่านักแสดงสองคนนี้ทำออกมาได้ดีมากเราเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครรู้ว่าตัวละครคิดอะไรทำไมถึงคิดแบบนั้น มีปมอะไรในใจ และน่าตกใจมากที่ทั้งสองคนไม่ใช่นักแสดงที่รับเล่นหนัง หรือมีประสบการณ์มากมาย แต่สามารถดึงเสน่ห์ตรงนี้ออกมาได้ คือเราเป็นผู้หญิงเรามองว่าทั้งสองคนไม่ได้มีหน้าตาที่หล่อ ไม่ใช่สเปคของผู้หญิงทั่วไป แต่เขามีการแสดงที่น่าสนใจทำให้เราลุ้นไปว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรซึ่งนักแสดงหลักให้คะแนน 10 เต็ม
2. การตัดต่อ และ ภาพ
อันนี้น่าจะขอชมผู้กำกับ ที่สามารถตัดต่อหนังออกมาได้น่าสนใจไหมต้องยอมรับว่าหนังค่อนข้างมีบทพูดที่เยอะมากและเป็นฉากที่ต้องใช้อารมณ์ในการแสดงเยอะค่าตัดต่อหรือเรียงลำดับไม่ดีอาจจะทำให้น่าเบื่อหรือหลับได้แต่หนังก็ทำได้ดีในจุดที่นักแสดงจะต้องมีจุดพีคทางอารมณ์หรือผ่อนคลายด้วยนักแสดงประกอบที่ลงตัวมากส่วนภาพก็สวยมากเช่นกัน สถานที่ที่ประเทศไทยต้องยอมรับว่า สวยกว่า ภาคแรกที่ไปถ่ายที่ญี่ปุ่น
มีข้อเดียวและเป็นข้อใหญ่ด้วย
ส่วนตัวก็ไม่อยากเรียกว่าข้อเสียแต่เป็นจุดที่เราสะดุด แล้วกัน ใครที่ดูภาพนึงจะรู้ว่าโทนหนังมันเป็นแบบไหน ซึ่งการที่เรามาทุกภาค 2 เพราะว่าชอบภาค 1 แต่พอภาค 2 เรารู้สึกว่าหนังมันเปลี่ยนโทนไปจากภาค 1 มากซึ่ง คนเขียนบทก็คงอยากให้นางมีจุดจบแบบนี้ แต่ส่วนตัว ไม่ชอบที่หนังจบแบบนี้เลย ถ้าใครไปดูฝากช่วยสังเกตว่าก่อน 30 นาทีที่หนังจะจบ จะมีชื่อภาพยนตร์ขึ้นซึ่งเราคิดว่าถ้าหนังตัดจบตั้งแต่ตอนนั้น มันจะดีมากแต่ก็ต้องไปดูกันเองนะว่าถ้าจบตอนนั้นหนังมันจะเป็นโทนไหน ซึ่ง 30 นาทีหลังรู้สึกว่า ทุกอย่างมันดูเกินไปเพราะคุณขายความ rael ตั้งแต่ตอนแรก จนมาถึงช่วงใกล้จบ แต่พอตอนหลังมันเหมือนทุกอย่างผิดที่ผิดเวลาบางฉากเราถึงกับอึ้งว่านี่คือหนังเรื่องเดียวกันหรอ เหตุผลที่มันไม่ได้หนักแน่นแล้วนำเสนอแบบนั้นอย่างที่บอกว่าส่วนตัวเราไม่ชอบ
ปล.เพื่อนที่เป็นผู้หญิงที่ไปดูบอกว่าชอบ ฟินมาก เห็นไหมคะว่ามันไม่เหมือนกันอยู่ที่ความชอบของส่วนบุคคล
ปล.2 ไม่รู้หนังจำกัดอายุหรือเปล่า เพราะมีภาพที่ 18+ อยู่นะ หลายนาทีด้วย ซึ่งมันก็ต้องมีอ่ะค่ะ ด้วยบทของหนัง เลยไม่รู้ว่า แบบไหนเรียก 18+ หรือคนมองว่าธรรมดา
เครดิตภาพจาก FACEBOOK : Present Still Perfect - แค่นี้ก็ดีแล้ว 2