ใครกันแน่ที่อยู่ชั้นบน...
อุ้มเด็กสาววัยยี่สิบต้น ๆ เธอพึ่งเรียนจบมาหมาด ๆ ได้เข้าทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัดทางภาคอิสาน เธอมีเพื่อนร่วมงานสี่คน บริษัทมีนโยบายให้พักฟรี โดยชั้นสองของออฟฟิศถูกจัดให้เป็นห้องพักของพนักงาน หรือจะไม่พักก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจ
สภาพของบริษัทกลางเก่ากลางใหม่ เนื่องด้วยอยู่ต่างจังหวัด แถมยังอยู่ต่างอำเภอด้วย อำเภอที่เธอทำงานอยู่เป็นอำเภอขนาดเล็ก ตัวอำเภอไม่ต่างจากหมู่บ้านของเธอเองสักเท่าไหร่ บ้านเกิดของเธอขึ้นกับอำเภอเมือง น่าจะใหญ่กว่าตัวอำเภอนี้ด้วยซ้ำ
ชั้นแรกของตัวอาคารเป็นตึกสภาพดีเลยทีเดียว เพราะถูกจัดเป็นส่วนของออฟฟิศ แต่ชั้นสองยังเป็นไม้ธรรมดา ทรงหมาแหงน สภาพเก่าพอประมาณ อุ้มได้เข้าทำงานวันแรกที่นี่ และเธอจะต้องอยู่อีกนานถ้าไม่ลาออกไปเสียก่อน
“น้องอุ้มสู้ ๆ นาอย่าพึ่งลาออกทิ้งกันไปเสียก่อน น้องพักที่ไหน” หัวหน้าเขตของเธอเข้ามาปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ซึ่งก็มีเพียงเธอคนเดียว
“อุ้มทำได้ค่ะ อุ้มยังไม่มีที่พักเลย พักอยูหอเก่าที่มหาลัยค่ะ ยังไม่ได้หาที่พักที่นี่เลยพี่”
“ป้าด! น้องขับมอเตอร์ไซค์มาจากในเมืองเหรอ” ทุกคนทำท่าตกใจ มันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ
“พักที่นี่เลยสิ บริษัทเรามีนโยบายให้พนักงานพักที่ออฟฟิศได้ ชั้นสองอ่ะ” หัวหน้าของเธอเสนอ อาจจะเพราะสงสารเธอที่เดินทางมาไกลหรือเปล่า “ไม่มีค่าใช้จ่ายนะน้อง ค่าน้ำค่าไฟจะเท่าไหร่กันเชียว เงินเดือนออกเหลือใช้เต็ม ๆ “
อุ้มกับพี่ ๆ มองหน้ากันว่าจะเอายังไง เธอเป็นพนักงานใหม่กิ๊ก ผู้จัดการเป็นพนักงานใหม่ย้ายมาบริหารที่นี่ ส่วนอีกสองคนเป็นพนักงานเก่าสังกัดที่นี่อยู่แล้ว เธอกับผู้จัดการจึงมีหัวอกเดียวกัน ยังไม่ได้หาที่พักเลย ต่างก็ยังพักอยู่ที่เดิม
“ปะพี่พาขึ้นไปดูชั้นสอง ว่าง ๆ ก็ให้คนหนึ่งอยู่ออฟฟิศ ที่เหลือก็ขึ้นมาเก็บกวาด” หัวหน้าเขตของเธอหวังดีมาก เหมือนอยากให้พักอยู่ที่นี่ จะได้ดูแลออฟฟิศไปในตัวเลยหรือเปล่า
เธอ ผู้จัดการ หัวหน้าเขต และพี่พนักงานอีกหนึ่งคนพากันขึ้นไปสำรวจชั้นสองของตึก ส่วนพี่อีกคนดูแลออฟฟิศชั้นล่างคนเดียว บันไดขึ้นชั้นสองมีขนาดแคบมาก ทุกคนเดินขึ้นบันไดไปทีละคน พระเจ้า! อุ้มตกใจและรู้สึกกลัว ชั้นสองมันโล่งก็จริงแต่ฝุ่นเกาะหนามาก มีสองห้องนอน และหนึ่งห้องน้ำ ถัดไปด้านหน้าเป็นระเบียง มันจะดีกว่านี้ถ้าระเบียงตรงนั้นไม่มีศาลเพียงตาตั้งอยู่ ร่องรอยการเซ่นไหว้ก็ยังใหม่ มีขนมน้ำแดง ตุ๊กตาปั้นวางไว้เป็นระเบียบ ดูยังไงก็น่ากลัว อุ้มสับสนคิดไปคิดมาจะพักหรือไม่พักที่นี่ดี แต่ระยะทางจากตัวเมืองมาที่นี่ก็ไกลเหลือเกิน แม้จะเดินทางมาได้ก็ตาม
ทุกคนหันมองศาลเพียงตาเป็นสายตาเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครพูดหรือทักท้วงอะไร
“ไม่ต้องกลัวนะน้อง ๆ เขาอยู่ส่วนเขา เราอยู่ส่วนเรา ทำความสะอาด วันพระวันอะไรก็นำดอกไม้มาไหว้ท่านแล้วกัน แต่! ห้ามจุดธูปจุดเทียนนะ เดี๋ยวไฟไหม้” พี่เขตพูดปลอบใจพวกเธอสามคน ผู้จัดการกับเธอมองหน้ากัน เพราะอยู่ไกล ไม่พักที่นี่ก็จำเป็นต้องหาที่พักเหมือนเดิม
“พักเถอะน้องอุ้ม น้องเป้ ดีกว่าเราเดินทางไปกลับ โดยเฉพาะน้องอุ้ม เข้าใหม่ยังไม่ทำโอทีก็ดีไป แต่ถ้าได้ทำโอทีมันจะลำบากเลิกงานนะ จะเช่าห้องอยู่เหรอ” ผู้จัดการเขตหันมาคุยกับเธอ “ไม่มีอะไรหรอก วันเข้ามาอยู่ก็บอกกล่าวท่านเอา”
“ว่าไงน้อง โดยเฉพาะเราสองคน” พี่เป้หันมาคุยกับเธอ
“ค่อยว่ากัน” อุ้มตอบแบบไม่แน่ใจ ภายในใจก็พูดอยู่ไม่อยู่เรื่อย ๆ
พวกเธอทั้งสี่คนเดินสำรวจแต่ละห้อง สภาพหลังคาผุพัง สังกะสีเป็นรู เธอหันมองสังเกตรอบ ๆ ถามว่าอยู่ได้มั้ยเธอก็อยู่ได้ แต่มันน่ากลัวในความรู้สึก ทันใดนั้นก็มีลมพัดแรงเข้ามารอบหนึ่ง ฝุ่นคุ้งกระจายแต่ละคนเอามือปิดปากปิดจมูกกันแทบไม่ทัน และมองหน้ากัน
“สงสัยฝนจะตก” พี่ที่ขึ้นมาด้วยพูดสยบความกลัว
“โอเคเนอะ ถ้าจะพักก็ขึ้นมาทำความสะอาด แล้วบอกพี่ว่าจะเข้าพักกันวันไหน คืนนี้ไปตัดสินใจกันก่อน” พี่เขตพูด แล้วพากันเดินลงมา ทุกคนต้องอึ้งเมื่อลงมาชั้นล่างที่เป็นส่วนของออฟฟิศ ฟ้าแจ้ง แดดแรง ไม่มีวี่แววของฝนจะตกเลย ทุกคนก็ยังเงียบไม่มีใครพูดอะไร คงไม่อยากให้กลัว
อุ้มกับผู้จัดการเดินทางไปกลับอยู่ประมาณหนึ่งเดือนเต็มก็พากันขี้เกียจ เพราะต้องตื่นเช้า โดยเฉพาะอุ้มเธออยู่ไกลกว่าใคร ๆ ขับรถใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจากตัวเมืองมายังอำเภอนี้ เธอรู้สึกไม่โอเคกับการเดินทางแล้ว
“พี่เป้เราเข้าพักกันมั้ยคะ พี่แอม พี่กิ่งอยู่ด้วยกันมั้ย พักที่ทำงาน ประหยัดด้วย ค่าห้องไม่ต้องเสีย แค่ค่าน้ำไฟอย่างเดียว” อุ้มเปิดประเด็นชวนคุย พี่เป้ผู้จัดการเอาด้วย ที่เหลือก็ตัดสินใจเข้าพักด้วยเหมือนกัน ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่น้อยนิด
ทุกคนขึ้นไปทำความสะอาดชั้นสองอย่างเอี่ยม พร้อมเข้าพัก อุ้มซื้อเสื่อน้ำมันมาปูกันร้อน พัดลมอะไรเตรียมพร้อมทุกอย่าง และพากันมาไหว้ศาลเพียงตาที่อยู่ระเบียง ทำความสะอาดอะไรให้ด้วย
“หนูเป็นพนักงานใหม่มาทำงานที่นี่ พักที่นี่ มาทำงานหาเงิน อย่าทำให้หนูกลัวเลยนะคะ อย่ามาทำให้หนูเห็นหรืออะไรเลย เพราะหนูกลัว หนูเป็นคนขี้กลัว”
อุ้มอธิษฐานในใจ พร้อมนำดอกไม้มาไหว้ พวกเธอไหว้ทุกวันพระ ก็ไม่เจออะไร ไม่มีอะไร อยู่เย็นเป็นสุข อาจจะมีบ้างเสียงก็อกแก๊ก เสียงคนเดินดึก ๆ โดยเฉพาะวันโกนเสียงไม้ดีดเหมือนมีคนเดิน พื้นไม่ยุบเหมือนมีคนเหยีบเดินอยู่ด้านนอกระเบียงตลอด ทุกคนก็ได้แต่หลับตาปี๋ เข้าห้องน้ำดึก ๆ ก็ต้องปลุกกันไปเป็นเพื่อน แต่ละคนก็คิดในแง่ดี พี่ ๆ น้อง ๆ เดินมั้ง อุ้มนอนห้องกับผู้จัดการ ส่วนพี่แอมกับพี่กิ่งนอนด้วยกัน
“น้องอุ้มพี่ขอหนีบผมหน่อยได้มั้ย” พี่ทรายคนที่มาช่วยงานตื่นสายจึงขอแต่งตัวที่ห้องของเธอ อุ้มอนุญาต
“เดินขึ้นไปตรงบันได ห้องฝั่งซ้ายนะคะ ของพี่เป้ พี่ก็ใช้เลยไม่ว่าอะไรหรอก” พี่ทรายเดินขึ้นไปบันได เห็นยายแก่ ๆ เดินอยู่ระเบียงชั้นสองตรงศาลมองมาที่ตัวเอง พี่ทรายยิ้มให้ น่าจะเป็นเจ้าของตึก แล้วเดินเข้าห้องไป หนีบผมอยู่นานสองนานก็กลับลงมา
“น้องเจ้าของตึกอยู่ข้างบนเหรอ พี่ขึ้นไปพี่เห็นอยู่ระเบียงอ่ะ สงสัยคงมาดูศาลมั้ง พี่เห็นศาลเพียงตาอยู่ตรงนั้นด้วย” พี่ทรายพูดหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกกลัวหรือผิดปกติอะไรเลย “แต่หนีบเสร็จพี่ลงมา ไม่เห็นใครแล้ว แกเข้ามาตอนไหน ตอนเรามายังไม่เห็น สงสัยพี่ไม่ได้มองมั้ง”
“จ้า” อุ้มกับพี่กิ่งมองหน้ากัน ยิ้มแหย ๆ ให้ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร หลังจากเหตุการณ์นี้พวกเธอทั้งสี่คนก็ทำอะไรพร้อมกันหมด ไม่มีใครทำอะไรคนเดียว และยังไม่มีใครย้ายออกเหมือนเดิม เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ถูกหวยรางวัลก็บ่อย
“ตายายอย่าทำให้อุ้มเห็น อย่าทำให้อุ้มกลัวเลยนะ อุ้มมาทำงาน อุ้มพักที่นี่ ถ้าอุ้มทำอะไรผิดมาบอกอุ้มในฝันได้ แต่ขอให้มาสภาพเป็นคนดี ๆ นะคะ อุ้มกลัว”
วันพระอุ้มนำดอกไม้มาไหว้และอธิษฐานในใจอีก เธอก็ไม่เคยเจออะไร รวมทั้งพี่ ๆ สามคนด้วย หรือ ฝันอะไร มีบ้างที่ฝันเห็นคนแก่ อุ้มและพี่ ๆ ก็ไปทำบุญทุกครั้ง แต่แขกผู้มาเยือนชอบเห็นทุกที ใครกัน! พวกเธอก็ตอบไม่ได้ แต่ละคนจะเจอแตกต่างวัยกันไป
“น้องอุ้มพี่เนยจะมาพักด้วยนะ” พี่เป้ผู้จัดการขออนุญาตเธอ เนื่องจากพักห้องด้วยกัน
“เคค่ะ อุ้มหยุดสองวัน อุ้มจะกลับบ้านพอดี”
พี่เนยมานอนกับพี่เป้ เพราะจะพากันไปเที่ยวหลังเลิกงาน ตีหนึ่งพวกพี่สองคนกลับจากเที่ยว เข้าห้องนอนแบบไม่อาบน้ำ แต่ว่าพี่เนยยังนอนไม่หลับ พี่เป้หลับไปก่อนแล้ว พี่เนยนอนดิ้นไปดิ้นมาด้วยอากาศร้อน พัดลมเย็นไม่เท่าไหร่ จึงคิดว่าจะไปอาบน้ำดีกว่า
พี่เนยเดินถือผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ มองเห็นไฟเปิดที่ระเบียง ประตูระเบียงเปิดออก และไฟเปิดห้องของพี่แอมพี่กิ่ง สงสัยพึ่งกลับจากเที่ยวเหมือนกัน หางตาเหลือบไปเห็นคนเดินลงบันได
“น้อง! ไม่เปิดไฟ ตกบันไดเด้อ” โครม! ทันใดนั้นเสียงเหมือนคนตกบันไดทั้งที่พี่เนยพูดยังไม่ทันขาดคำ “เฮ้ย! น้องเป็นอะไรมั้ย” พี่เนยรีบเปิดไฟทั่วทั้งชั้น ปลุกพี่เป้ และจะเข้าไปบอกคนในห้องข้าง ๆ ว่าเพื่อนตกบันได แต่! พอพี่เนยเปิดสวิตซ์ไฟสว่างทั้งห้อง สติกลับมา ส่างเมา กลับพบว่าประตูระเบียงถูกปิดไว้สนิท ไฟระเบียงมืดไม่มีใครเปิดไฟไว้ และที่สำคัญห้องข้าง ๆ ไม่มีใครอยู่สักคน ความกลัวเริ่มทำงาน พี่เนยสั่นเหงื่อไหล พี่เป้ไม่ตื่นเพราะเมามาก เพราะความกลัวทำให้กล้า พี่เนยค่อย ๆ ก้าวเดินไปดูตรงบันไดว่ามีคนตกลงไปนอนกองที่พื้นหรือเปล่า พระเจ้า! ไม่มีใครกองที่พื้นเลย ประตูชั้นล่างตรงบันไดยังปิดไว้ลงกลอนไว้เหมือนเดิม แล้วผู้หญิงที่เห็นเดินลงบันไดไป แล้วเสียงโครมดังมาจากชั้นล่างเหมือนคนตกบันไดคืออะไร พี่เนยร้องไห้ ฉี่ราดวิ่งเข้าไปในห้องหาพี่เป้จนเช้า จากนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเธอฟัง
พี่เป้ เธอ พี่กิ่ง พี่แอนหน้าเจื่อนกันหมด พวกเธอก็รับรู้การมีอยู่จริงของสิ่งที่มองไม่เห็นที่นี่ แต่ไม่มีใครเจอแบบนี้ และเมื่อคืนพี่แอนกับพี่กิ่งไม่ได้พักที่นี่ เธอกับพี่เป้ยืนยันว่าจะยังพักที่นี่ แต่พี่แอน พี่กิ่งขอย้ายออก วันไหนพี่เป้หยุดกลับบ้านเธอนอนคนเดียวภายใต้ความกลัว แต่ก็ไม่มีอะไร วันไหนที่พี่เป้กลับบ้านเรื่องอะไรเธอจะนอนชั้นบน นำที่นอนมานอนข้างล่างออฟฟิศ ชั้นล่างเปิดไฟบางหลอดไว้ ชั้นบนเปิดไฟไว้ทุกหลอด เปลืองค่าไฟก็ช่างมัน และอุ้มก็ไม่เคยบอกใครว่าแอบลงมานอนข้างล่างด้วย
“อุ้มนอนคนเดียวคืนนี้ อย่ากวนอุ้มนะคะ อุ้มกลัว อุ้มต้องทำงาน ถ้าอุ้มนอนไม่อิ่มอุ้มจะทำงานไม่ได้”
นี่คือคำขอต่อสิ่งที่มองไม่เห็นของเธอในวันที่ต้องนอนคนเดียว อุ้มก็ไม่เคยเจออะไร มีบ้างที่ได้ยินเสียงคนเดินข้างบน เสียงไม้ยุบ แต่จะเป็นอะไรได้ล่ะ ไม่มีใครอยู่ชั้นบน มีแค่เธอที่นอนข้างล่างคนเดียว อุ้มก็ทำตัวหลับสบายเหมือนไม่ได้ยินจนกระทั่งเช้าตลอด พระอาทิตย์ไม่ขึ้นอุ้มจะไม่ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวชั้นบนเด็ดขาด
“พี่เขตร้อนแหมะ พัดลมเอาไม่อยู่ ติดแอร์ให้พวกหนูได้มั้ย” พี่เป้ขอผู้จัดการเขตติดแอร์ชั้นสอง เดือนมีนาเมษาร้อนมาก พัดลมเอาไม่อยู่
“ได้! เดี๋ยวพี่ขอสำนักงานใหญ่ให้”
พี่เขตตกลงจากนั้นสามวันช่างแอร์ก็มาติดตั้งแอร์ให้มากันสามคน พวกเธอทั้งสี่คนมาทำงานกันครบ ไม่มีใครอยู่ชั้นบนสักคน
ช่างแอร์คนหนึ่งขึ้นไปสำรวจว่าจะอะไรตรงไหน ก่อนที่จะเอาตัวแอร์ขึ้นไป แล้วก็เดินกลับลงมานั่งคุยกับพวกเธอปกติ
“เอ้าพี่จะติดตอนไหนคะ เขตถามว่าติดเสร็จยัง” เมื่อเวลาผ่านไปนับชั่วโมงช่างก็ยังไม่ขึ้นไปทำ จะเลิกงานแล้วด้วย พี่เป้ผู้จัดการถามขึ้น
“อ้อ รอน้องเค้าลงมาก่อน น้องเค้าไหว้ศาลอยู่ชั้นบนอ่ะ” ช่างแอร์พูดปกติ พวกเธอทั้งสี่คนมองหน้ากัน
“พี่! ใคร! ไม่มีใครอยู่ชั้นบนเลย มีแค่พวกหนูสี่คนเนี่ย สาขานี้มีพนักงานอยู่สี่คนเนี่ย” พี่เป้พูดด้วยความตกใจและกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เอ้า! พนักงานเลย ใส่ชุดพนักงานเหมือนพวกน้องเลย กำลังทำความสะอาดศาลและก็ไหว้ศาลอยู่ ยังหันมามองและยิ้มให้ผมด้วยเนี่ย คนเป็น ๆ นี่แหละ” ช่างคนที่ขึ้นไปพูดด้วยอาการงง
“ไม่มีหรอกพี่! มีกันแค่สี่คนเนี่ย”
“อ่อ งั้นเดี๋ยวติดตั้งพรุ่งนี้นะครับ บอกเขตด้วย พวกผมกลับล่ะ” ช่างแอร์สามคนพากันรีบกลับไป สรุปไม่ได้ติดแอร์ในวันนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้ช่างมากันห้าคน และก็ขึ้นไปพร้อมกันห้าคน ติดแอร์เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็รีบกลับไป ส่วนเธอกับพี่เป้ก็อยู่กันต่อ ด้วยความกลัวแต่ไม่กลัว เพราะไม่เคยเจออะไรเลย มีบ้างที่ฝัน และได้ยินเสียง ก็ทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งเธอได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และมีพนักงานคนใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ หมุนเวียนกันไป
....
“อุ้มได้ย้ายที่ทำงานใหม่แล้วนะคะ อุ้มขอบคุณที่ตายายไม่แกล้งอุ้ม ไม่กวนให้อุ้มกลัว ให้อุ้มอยู่ทำงานแบบมีความสุข พรุ่งนี้อุ้มจะไปเริ่มงานที่สาขาใหม่แล้วนะคะ “
อุ้มนำดอกไม้ ขนมหวาน น้ำแดงมาไหว้ศาลเพียงตา บอกกล่าวสิ่งที่มองไม่เห็น สักพักมีลมพัดมาไม่แรงมาก เหมือนลมปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีลมเลย แบงค์ยี่สิบใบใหม่มากไม่รู้ใครทำร่วงไว้ พัดมาตามแรงลม เธอหยิบขึ้นมาดู ด้วยสัญชาตญาณเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องซื้อหวยแน่นอน
“ขอให้อุ้มถูกหวยด้วยนะคะตายาย อุ้มขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอหยิบเอาแบงค์ยี่สิบ พร้อมถือกระเป๋าสัมภาระลงไปชั้นล่าง พรุ่งนี้ไปเริ่มงานที่ใหม่ ส่วนตัวเลขในแบงค์ยี่สิบก็เข้าเต็ม ๆ พี่เป้ก็ถูกไปด้วย
จบ...
เรื่องสั้น : ใครกัน
อุ้มเด็กสาววัยยี่สิบต้น ๆ เธอพึ่งเรียนจบมาหมาด ๆ ได้เข้าทำงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัดทางภาคอิสาน เธอมีเพื่อนร่วมงานสี่คน บริษัทมีนโยบายให้พักฟรี โดยชั้นสองของออฟฟิศถูกจัดให้เป็นห้องพักของพนักงาน หรือจะไม่พักก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจ
สภาพของบริษัทกลางเก่ากลางใหม่ เนื่องด้วยอยู่ต่างจังหวัด แถมยังอยู่ต่างอำเภอด้วย อำเภอที่เธอทำงานอยู่เป็นอำเภอขนาดเล็ก ตัวอำเภอไม่ต่างจากหมู่บ้านของเธอเองสักเท่าไหร่ บ้านเกิดของเธอขึ้นกับอำเภอเมือง น่าจะใหญ่กว่าตัวอำเภอนี้ด้วยซ้ำ
ชั้นแรกของตัวอาคารเป็นตึกสภาพดีเลยทีเดียว เพราะถูกจัดเป็นส่วนของออฟฟิศ แต่ชั้นสองยังเป็นไม้ธรรมดา ทรงหมาแหงน สภาพเก่าพอประมาณ อุ้มได้เข้าทำงานวันแรกที่นี่ และเธอจะต้องอยู่อีกนานถ้าไม่ลาออกไปเสียก่อน
“น้องอุ้มสู้ ๆ นาอย่าพึ่งลาออกทิ้งกันไปเสียก่อน น้องพักที่ไหน” หัวหน้าเขตของเธอเข้ามาปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ซึ่งก็มีเพียงเธอคนเดียว
“อุ้มทำได้ค่ะ อุ้มยังไม่มีที่พักเลย พักอยูหอเก่าที่มหาลัยค่ะ ยังไม่ได้หาที่พักที่นี่เลยพี่”
“ป้าด! น้องขับมอเตอร์ไซค์มาจากในเมืองเหรอ” ทุกคนทำท่าตกใจ มันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ
“พักที่นี่เลยสิ บริษัทเรามีนโยบายให้พนักงานพักที่ออฟฟิศได้ ชั้นสองอ่ะ” หัวหน้าของเธอเสนอ อาจจะเพราะสงสารเธอที่เดินทางมาไกลหรือเปล่า “ไม่มีค่าใช้จ่ายนะน้อง ค่าน้ำค่าไฟจะเท่าไหร่กันเชียว เงินเดือนออกเหลือใช้เต็ม ๆ “
อุ้มกับพี่ ๆ มองหน้ากันว่าจะเอายังไง เธอเป็นพนักงานใหม่กิ๊ก ผู้จัดการเป็นพนักงานใหม่ย้ายมาบริหารที่นี่ ส่วนอีกสองคนเป็นพนักงานเก่าสังกัดที่นี่อยู่แล้ว เธอกับผู้จัดการจึงมีหัวอกเดียวกัน ยังไม่ได้หาที่พักเลย ต่างก็ยังพักอยู่ที่เดิม
“ปะพี่พาขึ้นไปดูชั้นสอง ว่าง ๆ ก็ให้คนหนึ่งอยู่ออฟฟิศ ที่เหลือก็ขึ้นมาเก็บกวาด” หัวหน้าเขตของเธอหวังดีมาก เหมือนอยากให้พักอยู่ที่นี่ จะได้ดูแลออฟฟิศไปในตัวเลยหรือเปล่า
เธอ ผู้จัดการ หัวหน้าเขต และพี่พนักงานอีกหนึ่งคนพากันขึ้นไปสำรวจชั้นสองของตึก ส่วนพี่อีกคนดูแลออฟฟิศชั้นล่างคนเดียว บันไดขึ้นชั้นสองมีขนาดแคบมาก ทุกคนเดินขึ้นบันไดไปทีละคน พระเจ้า! อุ้มตกใจและรู้สึกกลัว ชั้นสองมันโล่งก็จริงแต่ฝุ่นเกาะหนามาก มีสองห้องนอน และหนึ่งห้องน้ำ ถัดไปด้านหน้าเป็นระเบียง มันจะดีกว่านี้ถ้าระเบียงตรงนั้นไม่มีศาลเพียงตาตั้งอยู่ ร่องรอยการเซ่นไหว้ก็ยังใหม่ มีขนมน้ำแดง ตุ๊กตาปั้นวางไว้เป็นระเบียบ ดูยังไงก็น่ากลัว อุ้มสับสนคิดไปคิดมาจะพักหรือไม่พักที่นี่ดี แต่ระยะทางจากตัวเมืองมาที่นี่ก็ไกลเหลือเกิน แม้จะเดินทางมาได้ก็ตาม
ทุกคนหันมองศาลเพียงตาเป็นสายตาเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครพูดหรือทักท้วงอะไร
“ไม่ต้องกลัวนะน้อง ๆ เขาอยู่ส่วนเขา เราอยู่ส่วนเรา ทำความสะอาด วันพระวันอะไรก็นำดอกไม้มาไหว้ท่านแล้วกัน แต่! ห้ามจุดธูปจุดเทียนนะ เดี๋ยวไฟไหม้” พี่เขตพูดปลอบใจพวกเธอสามคน ผู้จัดการกับเธอมองหน้ากัน เพราะอยู่ไกล ไม่พักที่นี่ก็จำเป็นต้องหาที่พักเหมือนเดิม
“พักเถอะน้องอุ้ม น้องเป้ ดีกว่าเราเดินทางไปกลับ โดยเฉพาะน้องอุ้ม เข้าใหม่ยังไม่ทำโอทีก็ดีไป แต่ถ้าได้ทำโอทีมันจะลำบากเลิกงานนะ จะเช่าห้องอยู่เหรอ” ผู้จัดการเขตหันมาคุยกับเธอ “ไม่มีอะไรหรอก วันเข้ามาอยู่ก็บอกกล่าวท่านเอา”
“ว่าไงน้อง โดยเฉพาะเราสองคน” พี่เป้หันมาคุยกับเธอ
“ค่อยว่ากัน” อุ้มตอบแบบไม่แน่ใจ ภายในใจก็พูดอยู่ไม่อยู่เรื่อย ๆ
พวกเธอทั้งสี่คนเดินสำรวจแต่ละห้อง สภาพหลังคาผุพัง สังกะสีเป็นรู เธอหันมองสังเกตรอบ ๆ ถามว่าอยู่ได้มั้ยเธอก็อยู่ได้ แต่มันน่ากลัวในความรู้สึก ทันใดนั้นก็มีลมพัดแรงเข้ามารอบหนึ่ง ฝุ่นคุ้งกระจายแต่ละคนเอามือปิดปากปิดจมูกกันแทบไม่ทัน และมองหน้ากัน
“สงสัยฝนจะตก” พี่ที่ขึ้นมาด้วยพูดสยบความกลัว
“โอเคเนอะ ถ้าจะพักก็ขึ้นมาทำความสะอาด แล้วบอกพี่ว่าจะเข้าพักกันวันไหน คืนนี้ไปตัดสินใจกันก่อน” พี่เขตพูด แล้วพากันเดินลงมา ทุกคนต้องอึ้งเมื่อลงมาชั้นล่างที่เป็นส่วนของออฟฟิศ ฟ้าแจ้ง แดดแรง ไม่มีวี่แววของฝนจะตกเลย ทุกคนก็ยังเงียบไม่มีใครพูดอะไร คงไม่อยากให้กลัว
อุ้มกับผู้จัดการเดินทางไปกลับอยู่ประมาณหนึ่งเดือนเต็มก็พากันขี้เกียจ เพราะต้องตื่นเช้า โดยเฉพาะอุ้มเธออยู่ไกลกว่าใคร ๆ ขับรถใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจากตัวเมืองมายังอำเภอนี้ เธอรู้สึกไม่โอเคกับการเดินทางแล้ว
“พี่เป้เราเข้าพักกันมั้ยคะ พี่แอม พี่กิ่งอยู่ด้วยกันมั้ย พักที่ทำงาน ประหยัดด้วย ค่าห้องไม่ต้องเสีย แค่ค่าน้ำไฟอย่างเดียว” อุ้มเปิดประเด็นชวนคุย พี่เป้ผู้จัดการเอาด้วย ที่เหลือก็ตัดสินใจเข้าพักด้วยเหมือนกัน ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่น้อยนิด
ทุกคนขึ้นไปทำความสะอาดชั้นสองอย่างเอี่ยม พร้อมเข้าพัก อุ้มซื้อเสื่อน้ำมันมาปูกันร้อน พัดลมอะไรเตรียมพร้อมทุกอย่าง และพากันมาไหว้ศาลเพียงตาที่อยู่ระเบียง ทำความสะอาดอะไรให้ด้วย
“หนูเป็นพนักงานใหม่มาทำงานที่นี่ พักที่นี่ มาทำงานหาเงิน อย่าทำให้หนูกลัวเลยนะคะ อย่ามาทำให้หนูเห็นหรืออะไรเลย เพราะหนูกลัว หนูเป็นคนขี้กลัว”
อุ้มอธิษฐานในใจ พร้อมนำดอกไม้มาไหว้ พวกเธอไหว้ทุกวันพระ ก็ไม่เจออะไร ไม่มีอะไร อยู่เย็นเป็นสุข อาจจะมีบ้างเสียงก็อกแก๊ก เสียงคนเดินดึก ๆ โดยเฉพาะวันโกนเสียงไม้ดีดเหมือนมีคนเดิน พื้นไม่ยุบเหมือนมีคนเหยีบเดินอยู่ด้านนอกระเบียงตลอด ทุกคนก็ได้แต่หลับตาปี๋ เข้าห้องน้ำดึก ๆ ก็ต้องปลุกกันไปเป็นเพื่อน แต่ละคนก็คิดในแง่ดี พี่ ๆ น้อง ๆ เดินมั้ง อุ้มนอนห้องกับผู้จัดการ ส่วนพี่แอมกับพี่กิ่งนอนด้วยกัน
“น้องอุ้มพี่ขอหนีบผมหน่อยได้มั้ย” พี่ทรายคนที่มาช่วยงานตื่นสายจึงขอแต่งตัวที่ห้องของเธอ อุ้มอนุญาต
“เดินขึ้นไปตรงบันได ห้องฝั่งซ้ายนะคะ ของพี่เป้ พี่ก็ใช้เลยไม่ว่าอะไรหรอก” พี่ทรายเดินขึ้นไปบันได เห็นยายแก่ ๆ เดินอยู่ระเบียงชั้นสองตรงศาลมองมาที่ตัวเอง พี่ทรายยิ้มให้ น่าจะเป็นเจ้าของตึก แล้วเดินเข้าห้องไป หนีบผมอยู่นานสองนานก็กลับลงมา
“น้องเจ้าของตึกอยู่ข้างบนเหรอ พี่ขึ้นไปพี่เห็นอยู่ระเบียงอ่ะ สงสัยคงมาดูศาลมั้ง พี่เห็นศาลเพียงตาอยู่ตรงนั้นด้วย” พี่ทรายพูดหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกกลัวหรือผิดปกติอะไรเลย “แต่หนีบเสร็จพี่ลงมา ไม่เห็นใครแล้ว แกเข้ามาตอนไหน ตอนเรามายังไม่เห็น สงสัยพี่ไม่ได้มองมั้ง”
“จ้า” อุ้มกับพี่กิ่งมองหน้ากัน ยิ้มแหย ๆ ให้ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร หลังจากเหตุการณ์นี้พวกเธอทั้งสี่คนก็ทำอะไรพร้อมกันหมด ไม่มีใครทำอะไรคนเดียว และยังไม่มีใครย้ายออกเหมือนเดิม เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ถูกหวยรางวัลก็บ่อย
“ตายายอย่าทำให้อุ้มเห็น อย่าทำให้อุ้มกลัวเลยนะ อุ้มมาทำงาน อุ้มพักที่นี่ ถ้าอุ้มทำอะไรผิดมาบอกอุ้มในฝันได้ แต่ขอให้มาสภาพเป็นคนดี ๆ นะคะ อุ้มกลัว”
วันพระอุ้มนำดอกไม้มาไหว้และอธิษฐานในใจอีก เธอก็ไม่เคยเจออะไร รวมทั้งพี่ ๆ สามคนด้วย หรือ ฝันอะไร มีบ้างที่ฝันเห็นคนแก่ อุ้มและพี่ ๆ ก็ไปทำบุญทุกครั้ง แต่แขกผู้มาเยือนชอบเห็นทุกที ใครกัน! พวกเธอก็ตอบไม่ได้ แต่ละคนจะเจอแตกต่างวัยกันไป
“น้องอุ้มพี่เนยจะมาพักด้วยนะ” พี่เป้ผู้จัดการขออนุญาตเธอ เนื่องจากพักห้องด้วยกัน
“เคค่ะ อุ้มหยุดสองวัน อุ้มจะกลับบ้านพอดี”
พี่เนยมานอนกับพี่เป้ เพราะจะพากันไปเที่ยวหลังเลิกงาน ตีหนึ่งพวกพี่สองคนกลับจากเที่ยว เข้าห้องนอนแบบไม่อาบน้ำ แต่ว่าพี่เนยยังนอนไม่หลับ พี่เป้หลับไปก่อนแล้ว พี่เนยนอนดิ้นไปดิ้นมาด้วยอากาศร้อน พัดลมเย็นไม่เท่าไหร่ จึงคิดว่าจะไปอาบน้ำดีกว่า
พี่เนยเดินถือผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ มองเห็นไฟเปิดที่ระเบียง ประตูระเบียงเปิดออก และไฟเปิดห้องของพี่แอมพี่กิ่ง สงสัยพึ่งกลับจากเที่ยวเหมือนกัน หางตาเหลือบไปเห็นคนเดินลงบันได
“น้อง! ไม่เปิดไฟ ตกบันไดเด้อ” โครม! ทันใดนั้นเสียงเหมือนคนตกบันไดทั้งที่พี่เนยพูดยังไม่ทันขาดคำ “เฮ้ย! น้องเป็นอะไรมั้ย” พี่เนยรีบเปิดไฟทั่วทั้งชั้น ปลุกพี่เป้ และจะเข้าไปบอกคนในห้องข้าง ๆ ว่าเพื่อนตกบันได แต่! พอพี่เนยเปิดสวิตซ์ไฟสว่างทั้งห้อง สติกลับมา ส่างเมา กลับพบว่าประตูระเบียงถูกปิดไว้สนิท ไฟระเบียงมืดไม่มีใครเปิดไฟไว้ และที่สำคัญห้องข้าง ๆ ไม่มีใครอยู่สักคน ความกลัวเริ่มทำงาน พี่เนยสั่นเหงื่อไหล พี่เป้ไม่ตื่นเพราะเมามาก เพราะความกลัวทำให้กล้า พี่เนยค่อย ๆ ก้าวเดินไปดูตรงบันไดว่ามีคนตกลงไปนอนกองที่พื้นหรือเปล่า พระเจ้า! ไม่มีใครกองที่พื้นเลย ประตูชั้นล่างตรงบันไดยังปิดไว้ลงกลอนไว้เหมือนเดิม แล้วผู้หญิงที่เห็นเดินลงบันไดไป แล้วเสียงโครมดังมาจากชั้นล่างเหมือนคนตกบันไดคืออะไร พี่เนยร้องไห้ ฉี่ราดวิ่งเข้าไปในห้องหาพี่เป้จนเช้า จากนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเธอฟัง
พี่เป้ เธอ พี่กิ่ง พี่แอนหน้าเจื่อนกันหมด พวกเธอก็รับรู้การมีอยู่จริงของสิ่งที่มองไม่เห็นที่นี่ แต่ไม่มีใครเจอแบบนี้ และเมื่อคืนพี่แอนกับพี่กิ่งไม่ได้พักที่นี่ เธอกับพี่เป้ยืนยันว่าจะยังพักที่นี่ แต่พี่แอน พี่กิ่งขอย้ายออก วันไหนพี่เป้หยุดกลับบ้านเธอนอนคนเดียวภายใต้ความกลัว แต่ก็ไม่มีอะไร วันไหนที่พี่เป้กลับบ้านเรื่องอะไรเธอจะนอนชั้นบน นำที่นอนมานอนข้างล่างออฟฟิศ ชั้นล่างเปิดไฟบางหลอดไว้ ชั้นบนเปิดไฟไว้ทุกหลอด เปลืองค่าไฟก็ช่างมัน และอุ้มก็ไม่เคยบอกใครว่าแอบลงมานอนข้างล่างด้วย
“อุ้มนอนคนเดียวคืนนี้ อย่ากวนอุ้มนะคะ อุ้มกลัว อุ้มต้องทำงาน ถ้าอุ้มนอนไม่อิ่มอุ้มจะทำงานไม่ได้”
นี่คือคำขอต่อสิ่งที่มองไม่เห็นของเธอในวันที่ต้องนอนคนเดียว อุ้มก็ไม่เคยเจออะไร มีบ้างที่ได้ยินเสียงคนเดินข้างบน เสียงไม้ยุบ แต่จะเป็นอะไรได้ล่ะ ไม่มีใครอยู่ชั้นบน มีแค่เธอที่นอนข้างล่างคนเดียว อุ้มก็ทำตัวหลับสบายเหมือนไม่ได้ยินจนกระทั่งเช้าตลอด พระอาทิตย์ไม่ขึ้นอุ้มจะไม่ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวชั้นบนเด็ดขาด
“พี่เขตร้อนแหมะ พัดลมเอาไม่อยู่ ติดแอร์ให้พวกหนูได้มั้ย” พี่เป้ขอผู้จัดการเขตติดแอร์ชั้นสอง เดือนมีนาเมษาร้อนมาก พัดลมเอาไม่อยู่
“ได้! เดี๋ยวพี่ขอสำนักงานใหญ่ให้”
พี่เขตตกลงจากนั้นสามวันช่างแอร์ก็มาติดตั้งแอร์ให้มากันสามคน พวกเธอทั้งสี่คนมาทำงานกันครบ ไม่มีใครอยู่ชั้นบนสักคน
ช่างแอร์คนหนึ่งขึ้นไปสำรวจว่าจะอะไรตรงไหน ก่อนที่จะเอาตัวแอร์ขึ้นไป แล้วก็เดินกลับลงมานั่งคุยกับพวกเธอปกติ
“เอ้าพี่จะติดตอนไหนคะ เขตถามว่าติดเสร็จยัง” เมื่อเวลาผ่านไปนับชั่วโมงช่างก็ยังไม่ขึ้นไปทำ จะเลิกงานแล้วด้วย พี่เป้ผู้จัดการถามขึ้น
“อ้อ รอน้องเค้าลงมาก่อน น้องเค้าไหว้ศาลอยู่ชั้นบนอ่ะ” ช่างแอร์พูดปกติ พวกเธอทั้งสี่คนมองหน้ากัน
“พี่! ใคร! ไม่มีใครอยู่ชั้นบนเลย มีแค่พวกหนูสี่คนเนี่ย สาขานี้มีพนักงานอยู่สี่คนเนี่ย” พี่เป้พูดด้วยความตกใจและกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เอ้า! พนักงานเลย ใส่ชุดพนักงานเหมือนพวกน้องเลย กำลังทำความสะอาดศาลและก็ไหว้ศาลอยู่ ยังหันมามองและยิ้มให้ผมด้วยเนี่ย คนเป็น ๆ นี่แหละ” ช่างคนที่ขึ้นไปพูดด้วยอาการงง
“ไม่มีหรอกพี่! มีกันแค่สี่คนเนี่ย”
“อ่อ งั้นเดี๋ยวติดตั้งพรุ่งนี้นะครับ บอกเขตด้วย พวกผมกลับล่ะ” ช่างแอร์สามคนพากันรีบกลับไป สรุปไม่ได้ติดแอร์ในวันนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้ช่างมากันห้าคน และก็ขึ้นไปพร้อมกันห้าคน ติดแอร์เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็รีบกลับไป ส่วนเธอกับพี่เป้ก็อยู่กันต่อ ด้วยความกลัวแต่ไม่กลัว เพราะไม่เคยเจออะไรเลย มีบ้างที่ฝัน และได้ยินเสียง ก็ทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งเธอได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และมีพนักงานคนใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ หมุนเวียนกันไป
....
“อุ้มได้ย้ายที่ทำงานใหม่แล้วนะคะ อุ้มขอบคุณที่ตายายไม่แกล้งอุ้ม ไม่กวนให้อุ้มกลัว ให้อุ้มอยู่ทำงานแบบมีความสุข พรุ่งนี้อุ้มจะไปเริ่มงานที่สาขาใหม่แล้วนะคะ “
อุ้มนำดอกไม้ ขนมหวาน น้ำแดงมาไหว้ศาลเพียงตา บอกกล่าวสิ่งที่มองไม่เห็น สักพักมีลมพัดมาไม่แรงมาก เหมือนลมปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีลมเลย แบงค์ยี่สิบใบใหม่มากไม่รู้ใครทำร่วงไว้ พัดมาตามแรงลม เธอหยิบขึ้นมาดู ด้วยสัญชาตญาณเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องซื้อหวยแน่นอน
“ขอให้อุ้มถูกหวยด้วยนะคะตายาย อุ้มขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอหยิบเอาแบงค์ยี่สิบ พร้อมถือกระเป๋าสัมภาระลงไปชั้นล่าง พรุ่งนี้ไปเริ่มงานที่ใหม่ ส่วนตัวเลขในแบงค์ยี่สิบก็เข้าเต็ม ๆ พี่เป้ก็ถูกไปด้วย
จบ...