แบ่งปันการยื่นขอสินเชื่อบ้าน กู้ผ่านแล้วหายเครียดเลย

กระทู้นี้แค่อยากแบ่งปันเรื่องของการขอสินเชื่อบ้านของเราค่ะ อาจจะไม่ตรงใจใคร แต่อาจจะช่วยคลายความสงสัยให้ใครได้บ้างค่ะ

ฐานเงินเดือนของเราอยู่ที่ประมาณ 60K up ยังไม่หักประกันสังคม กับ PVD เงินเดือนเยอะใช่มั้ยคะ ทุกคนคงคิดว่าแล้วจะมากังวลทำไมว่าจะกู้ไม่ผ่าน 🤔

"ใช่ค่ะ เรามีหนี้ค่อนข้างเยอะ" เริ่มจาก เรามีหนี้ผ่อนรถยนต์, สินเชื่อส่วนบุคคล, บัตรกดเงินสด ,บัตรเครดิต บลาๆๆๆ

ถามว่าเราผ่อนต่อเดือนแค่หนี้สินไหวมั้ย ไหวค่ะ บางอย่างเราก็จ่ายขั้นต่ำ หนี้สินนี้เรามีมาก่อนที่จะเงินเดือนขึ้นเท่านี้ค่ะ พอเราคิดว่าอยากจะมีบ้านซักหลัง เราก็พยายามไม่ก่อหนี้เพิ่ม พอได้โบนัสมา เราก็ทยอยปิดบางตัว จริงๆ เราคิดว่า อีก 2 ปีถึงจะซื้อบ้าน แต่มันอดใจไม่ไหว เพราะตอนนี้บ้านที่เราเป็นครอบครัวใหญ่ รวมๆ กันก็ 15 คน เลยคิดว่าลองหาบ้านดูดีกว่า จากที่หาบ้านที่ถูกได้ใจ บ้านที่เราซื้อราคาหลังหักส่วนลดประมาณ 3.06 ล้าน เราจะคิดไว้แล้วว่าจะไม่ดูบ้านที่ราคาเกินตัวมากเกินไป 

    พอหาบ้านที่ถูกใจได้ เราก็ลองยื่น Refinance สินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคารนึง เพื่อปิดอันเดิม และได้ส่วนต่างมาปิดตัวอื่น และการขอสินเชื่อครั้งนี้ เราสามารถปิดสินเชื่อที่อื่นได้เกือบหมด ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเราลดลงมาก

    Timeline ในการยื่นกู้บ้านของเรา

    5/5/20 ได้สินเชื่อส่วนบุคคลมา 

    6-10/5/20 ทยอยปิดบัตรกดเงินสด,บัตรเครดิต ย้ำนะคะว่าปิดบัญชี ยกเลิกบัตร เราเหลือบัตรเครดิตไว้ใช้แค่ 2 ใบค่ะ นอกนั้นยกเลิกหมด

    11-17/5/20 ปล่อยเวลาผ่านเฉยๆ เพราะตอนนั้นแอบกังวลว่า ช่วงโควิดจะซื้อบ้านดีมั้ย หรือรอไปก่อน หาข้อมูลจากพันทิฟทุกวัน ต้องขอบอกก่อนนะคะ เราเป็นพนักงานประจำ รับเงินเดือนผ่าน pay roll มีสลิปเงินเดือนชัดเจน บริษัทเราถือว่ามั่นคง เพราะเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ที่ต้องบอกเพราะว่าเราเห็นเพื่อนๆ ในพันทิฟหลายคน ตั้งกระทู้ถามว่า ถ้าไม่ได้เป็นพนักงานประจำจะกู้ผ่านมั้ย ส่วนตัวเรามองว่าสำคัญนะคะ แบงค์จะมองความมั่นคงของงานเราว่าเราจะสามารถผ่อนเค้าได้ถึงที่สุดมั้ย และแล้วเราก็ตัดสินใจว่า ยื่นกู้ดีกว่า ลองดู

    18-22/5/20 เตรียมเอกสารยืนยันการปิดบัญชีบัตรทั้งหมด ยืนยันยอดคงค้างเป็นศูนย์ แนบพร้อมใบแจ้งหนี้ กับใบเสร็จ เพื่อแบงค์จะได้เห็นว่าเราปิดบัตรแล้วจริงๆ ระหว่างนี้ก็เข้าไปจองกับทำสัญญากับโครงการบ้าน พอได้เอกสารครบ ก็ยื่นทั้งหมดให้ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อบ้าน เรายื่นขอสินเชื่อเองไม่ได้ผ่านโครงการค่ะ

    25/5/20 สาขาส่งเอกสารเราให้สำนักงานใหญ่ การยื่นครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยื่น Pre approve แต่ยื่นขออนุมัติจริงค่ะ

    28/5/20 สาขาโทรแจ้งว่าผลอนุมัติผ่าน เรากู้ได้ 100% และกู้ตกแต่งเพิ่ม 10% รอบริษัทเข้าประเมินบ้านเพื่อจะได้รู้วงเงิน เราเคยตั้งกระทู้ถามว่า หมู่บ้านที่เป็นบริษัทมหาชน แบงค์จะปล่อยสินเชื่อ 100% จริงมั้ย ขอตอบในส่วนที่ตัวเองเคยสงสัยนะคะ ว่า "จริงค่ะ" แบงค์จะมีแบ่งเกรดสำหรับบริษัทอสังหาไว้แล้ว หมู่บ้านไหนสามาาถปล่อยสินเชื่อแบงค์ได้ 100% บ้าง

    31/5/20 ตรวจบ้านรอบแรก ขนคนไปทั้งบ้านเพื่อช่วยกันตรวจ ไม่ได้จ้างบริษัทค่ะ เพราะที่บ้านเราเป็นช่าง เลยตรวจกันเอง

    1/6/20 บริษัทมาประเมินบ้าน

    5/6/20 สาขาโทรแจ้งวงเงินว่าได้ 100% ของราคาประเมิน คือ ราคาประเมินสูงกว่า ราคาซื้อขาย และแจ้งผ่อนต่อเดือน 

    สรุปอัตราผ่อนนะคะ 

    1-2 ปีแรก ดบ.fixed rate 2.5%แบงค์แจ้งว่า ผ่อนบ้านละ 2,500 แต่มียอดรวมของที่กู้ตกแต่งกับต้องทำประกันด้วยรวมแล้วประมาณ 11,000 บาท 

    ปีที่ 3 ผ่อนประมาณ 22,000 บาท เราประเมินตัวเองว่าไหว เพราะปีนี้รถยนต์เราจะหมดพอดี

   7/6/20 ตรวจรับบ้านอีกรอบ

   และ 11/6/20 นี้ นัดโอนบ้านพร้อมทำสัญญากับแบงค์

   ทั้งหมดนี้ เราไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนทำตามเรานะคะ แต่อยากแบ่งปันเพื่อนๆ เพราะระหว่างทางเราก็ดูกระทู้ตั้งคำถามคนอื่นเยอะเหมือนกัน และก็เป็นกังวลเหมือนทุกคนค่ะ

รายรับหักรายจ่ายเรา เหลือต่อเดือนประมาณ 45,000 ค่ะ ถ้าคุณได้โบนัส สามารถนำมาคำนวณรวมได้ค่ะ โดยแบงค์จะนำโบนัสที่ได้มาหาร 12 และ นำมาหาร 2 แล้วนำไปบวกรวมเงินเดือน เอกสารที่แบงค์จะขอ เป็นทวิ 50 ย้อนหลัง 2 ปี ว่าใน 2 ปีนี้คุณได้โบนัสเท่าไหร่ ของเราโชคดีที่ 2 ปีย้อนหลังเราได้โยนัสค่อนข้างสูง เราแนบสลิปเงินเดือนที่รับโบนัสกับทวิ 50 ให้แบงค์ด้วยค่ะ เอกสารในการยื่นครั้งนี้เราค่อนข้างครบ แบงค์ไม่มีขอเอกสารเพิ่มเติมค่ะ

ขอเพิ่มเติมค่ะ ที่เราต้องแนบรายละเอียดปิดบัญชีทั้งหมด เพราะว่าในบูโรจะยังไม่โชว์ยอดที่เราปิดบัญชีไปค่ะ และทีแรกเราคิดว่า สินเชื่อก้อนใหม่ที่เรา refinance จะยังไม่เข้าบูโรเช่นกัน แต่เราคิดผิดค่ะ ยอดกู้ก้อนใหม่ 2 อาทิตย์ก็โชว์ในบูโรแล้วค่ะ




ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นไม่มากก็น้อยค่ะ ถ้าวิธีนี้ไม่ถูกใจใครก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

     
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่