แมวฉันเกือบตาบอด เพราะหมอวินิฉัยว่าเป็นขี้เรื้อน

เหตุเกิดเพราะแมวเรามีแผลที่คิ้วอาการเหมือนหมัดกัด ที่คิดว่าหมัดกันเพราะเคยพาออกไปเดินเล่นข้างนอกและแถวนั้นมีหมาจรแวะเวียนมาบ้างบางครั้ง
จึงไปซื้อยาหยอดที่คลินิกแห่งหนึ่งในเครือสหพัฒน์ศรีราชา หลังหยอดพบว่าเกิดอาการแพ้ขนหลุดเป็นวงกว้างตามยาที่หยอดเลย
จึงพาแมวไปคลินิกเดิมหมอบอกเป็นขี้เรื้อน เราพยายามอธิบายว่าไม่ใช่เป็นเพราะยาหยอดที่หยอดไปขนจึงร่วง แต่หมอก็ทำการฉีดยาขี้เรื้อน
แล้วก็ให้ยามากิน และออกใบนัดให้มาฉีดยาเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ครบเข็มที่ 8 เมื่อวันที่ 26-05-2563 ที่ผ่านมา วันที่ 28 สังเกตุเห็นว่าแมวมีอาการ
อ่อนเพลียอย่างมาก วันที่ 29 มีไข้และอ่อนเพลีย มีอาการเดินเซ จึงพากลับไปที่คลินิกเดิมหมอดูงงๆ แล้วฉีดยากระตุ้น ให้น้ำเกลือ ให้ยามากิน
วันที่ 30 อาการไม่ดีขึ้นแถมมีอาการกระตุกเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลสัตว์ เล่าทุกอย่างให้หมอฟังและให้ดูตัวยาที่กินมาตลอด 2 เดือน
หมอบอกแมวได้รับยามากเกินไป #ยาขี้เรื้อนไม่ควรฉีดให้แมว(ไม่ควรอย่างยิ่ง) ยาหยอดมีหลายตัวหลายยี่ห้อถ้าแพ้ควรเปลี่ยนตัวยา ไม่แนะนำให้ฉีด
แล้วคือฉีดมาแล้ว 8 เข็ม ทาสมีอึ้งสิแบบนี้ ตรวจอย่างละเอียดค่าเลือดปกติ ค่าตับไตปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ แมวเรามองไม่เห็น มีอาการตาบอดเฉียบพลัน
และ มีอาการทางระบบประสาท เป็นสาเหตุที่เดินเซ ล้ม และ กระตุก ทาสอึ้งพูดไม่ออกเลย
จากแมวที่แข็งแรงกลายเป็นป่วยหนักเพราะความไม่รู้


ที่จริงต้องแอดมิท เพื่อให้น้ำเกลือในเส้นเลือด
เพื่อขับยาออกมา แต่พอเจาะแล้วน้องอาละวาดเพราะน้องมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงแอดมิทไม่ได้ ทาสเลยต้องกลับมาดูอาการที่บ้าน
พร้อมยาบำรุงและคอยป้อนน้ำให้น้องฉี่เพื่อขับยา ทำได้แค่นี้จริงๆความผิดเราเองที่ไม่หาข้อมูล ยาที่ฉีดเข้าไปแล้วเอาออกไม่ได้ ที่ทำได้คือรักษาตามอาการเท่านั้น ผ่านมา 5 วันตอนนี้น้องทรงตัวดีขึ้นไม่เดินเซ ไม่ล้ม ส่วนเรื่องการมองเห็นน่าจะเริ่มมองเห็นบ้างแล้ว (คิดว่าทาสไม่น่าคิดไปเอง)
#แม่ขอโทษนะพี่บราว #อยากฝากเป็นอุทาหรณ์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่