ปูอลาสก้าที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน!!!!
ว่าด้วยเรื่องปูอลาสก้าที่หลายคนรู้จักกันดี จริงๆแล้วเนี่ย มันมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ขึ้นอยู่จะพบแถวน่านน้ำไหน จับขึ้นในแหล่งที่อาศัยใด ก็จะเรียกตามชื่อแหล่งนั้นๆ ถ้าเจอแถวตอนเหนือของญี่ปุ่นเค้าจะเรียก ปูยักษ์ฮอกไกโด หรือ ปูทาราบะกานิ ถ้าเจอแถบขั่วโลกเหนือจะเรียก ปูอลาสก้า สรุปปู 2ชื่อนี้ ก็คือสายพันธุ์เดียวกันมีอยู่ 3ชนิด
ในตระกูลปูราชาจะมีอยู่ 3ชนิดในอลาสก้า
-(Red King Crab) ราชาปูแดง
-(Blue King Crab) ราชาปูน้ำเงิน
-(Golden King Crab) ราชาปูทอง
พวกมันถูกพบในพื้นที่ต่างๆ ของน่านน้ำอลาสก้า ทะเลแบริ่งอันหนาวเย็น ชาวประมงต้องออกไปทิ้งลอบ เพื่อดักปู ลมหนาว และคลื่นยักษ์คอยซัดเรือที่ออกล่า เป็นการจับที่ไม่ง่ายเอาซะเลย แต่อย่าไรก็ต้องเสี่ยง เพื่อกำไรอันมหาศาล และปูแต่ล่ะชนิดรอพวกเขาอยู่ตามแหล่งพื้นอาศัย (ด้านล่างมีแผนที่ ของพื้นที่อยู่อาศัยของปูแต่ล่ะชนิด) การจับปูอลาสก้า จะดำเนินในช่วงฤดูหนาวในน่านน้ำนอกชายฝั่งของอ่าวอลาสก้า ทะเล แบริ่ง การทำประมงจะดำเนินในช่วงเวลาสั้นๆ และผู้ที่จับได้จะต้องได้ขนาดตาม มาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้มิฉะนั้นจะถูกถอนใบอนุญาตในการทำประมงทันที
มารู้จักปูอลาสก้า ทั้ง 3ชนิด
-(Red King Crab) เรด คิงแครบ ราชาปูแดง
ปูยักษ์สีแดงที่จับได้ในน่านน้ำของ Bristol Bay และ Notton นั้นเป็นปูที่มีค่ามากที่สุดในโลก โดยมีความต้องการอย่างมากจากผู้บริโภคทั่วโลก รวมทั้งในไทยก็นิยมอย่างมาก เรือประมาณ 100 ลำเข้าร่วมในการออกล่าในน่านน้ำของ Bristol Bay ทำการจับขึ้นมาได้ 1ล้านปอนด์ในช่วง 2ถึง3เดือน ราชาปูแดง เมื่อยังเป็นอยู่จะมี สีแดงน้ำตาลเข้ม เมื่อสุกแล้ว จะเปลี่ยนเป็นสีส้มสด ราชาปูแดง เป็นปูที่มีรสชาติที่ดีที่สุดในโลก เนื้อเป็นสีขาวนวล แน่นหวานฉ่ำ สมคำกล่าวขานร่ำลือ
-(Blue King Crab) บลู คิงแครบ ราชาปูน้ำเงิน
ปูยักษ์สีน้ำเงิน อาศัยใน อลาสก้าใกล้กับ เกาะSt.Matthew หมู่เกาะ Pribilof ชนิดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเนื้อหวานสุด และกรงเล็บขนาดยักษ์ ปูราชาสีน้ำเงิน ที่เกาะ Pribilof เป็นหนึ่งในปูที่ใหญ่ที่สุด และตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ ปูยักษ์สีน้ำเงิน จะมี สีน้ำเงินปนน้ำตาล และไฮไลท์สีน้ำเงิน อย่างไรก็ตามเมื่อสุกแล้วเปลือกปูก็จะกลายเป็นสีแดงส้มอยู่ดี เพราะรสชาติที่ชาญฉลาดของ ราชาปูน้ำเงินนั้นคล้ายคลึงกับ ราชาปูสีแดง โดยทั่วไปเนื้อจะหวานกว่าด้วยซ้ำ แต่จะมีรสชาติที่อ่อนกว่าเล็กน้อย ทำให้ปูสีน้ำเงินนิยม บริโภคไปทั่วโลกเช่นกัน ใน ฐานะราชาปูแดง
-(Golden King Crab) โกล์ดเด้น คิงแครบ ราชาปูทอง
ปูยักษ์สีทอง เป็นสัตว์น้ำทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสามชนิด กระดองเป็นสีน้ำตาล แซมด้วยสีส้มทอง พวกมันมีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าของปูราชาปูอลาสก้าทั้งสาม แต่เนื้อในกระดองจะไม่เยอะเท่า ปูแดงกับปูน้ำเงิน ปูสีทอง เวลาสุกแล้วจะมีสีส้มอ่อนๆนวลๆ ในไทยยังไม่เคยพบเห็น
เป็นไงบ้าง ปูราชาทั้งสามชนิดเป็นปูสายพันธุ์เดียวกันรสชาติใกล้เคียงกันไม่ต่างกันมากขึ้นชื่อว่าราชาปูยักษ์แห่งอลาสสก้า เคี้ยวอยู่ในปากก็ยังอยากกินอีก เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงแน่นอน
แผนที่ แหล่งที่อาศัย ของราชาปูอลาสก้า แต่ล่ะชนิด
สรุปปูที่นิยมมากที่สุด ก็คงเป็น (Red King Crab) ราชาปูแดง เพราะมีจำนวนที่เยอะและจับได้เป็นจำนวนมากที่สุดใน ปูพันธุ์ราชา และในไทยมีจำหน่ายอยู่สองชนิดก็คือ (Red King Crab) ราชาปูแดง และ(Blue King Crab) ราชาปูน้ำเงิน นั้นเอง
ราชาปูอลาสก้า ที่ไม่เคยเปิดเผย!!!!
ว่าด้วยเรื่องปูอลาสก้าที่หลายคนรู้จักกันดี จริงๆแล้วเนี่ย มันมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ขึ้นอยู่จะพบแถวน่านน้ำไหน จับขึ้นในแหล่งที่อาศัยใด ก็จะเรียกตามชื่อแหล่งนั้นๆ ถ้าเจอแถวตอนเหนือของญี่ปุ่นเค้าจะเรียก ปูยักษ์ฮอกไกโด หรือ ปูทาราบะกานิ ถ้าเจอแถบขั่วโลกเหนือจะเรียก ปูอลาสก้า สรุปปู 2ชื่อนี้ ก็คือสายพันธุ์เดียวกันมีอยู่ 3ชนิด
ในตระกูลปูราชาจะมีอยู่ 3ชนิดในอลาสก้า
-(Red King Crab) ราชาปูแดง
-(Blue King Crab) ราชาปูน้ำเงิน
-(Golden King Crab) ราชาปูทอง
พวกมันถูกพบในพื้นที่ต่างๆ ของน่านน้ำอลาสก้า ทะเลแบริ่งอันหนาวเย็น ชาวประมงต้องออกไปทิ้งลอบ เพื่อดักปู ลมหนาว และคลื่นยักษ์คอยซัดเรือที่ออกล่า เป็นการจับที่ไม่ง่ายเอาซะเลย แต่อย่าไรก็ต้องเสี่ยง เพื่อกำไรอันมหาศาล และปูแต่ล่ะชนิดรอพวกเขาอยู่ตามแหล่งพื้นอาศัย (ด้านล่างมีแผนที่ ของพื้นที่อยู่อาศัยของปูแต่ล่ะชนิด) การจับปูอลาสก้า จะดำเนินในช่วงฤดูหนาวในน่านน้ำนอกชายฝั่งของอ่าวอลาสก้า ทะเล แบริ่ง การทำประมงจะดำเนินในช่วงเวลาสั้นๆ และผู้ที่จับได้จะต้องได้ขนาดตาม มาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้มิฉะนั้นจะถูกถอนใบอนุญาตในการทำประมงทันที
ปูยักษ์สีทอง เป็นสัตว์น้ำทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสามชนิด กระดองเป็นสีน้ำตาล แซมด้วยสีส้มทอง พวกมันมีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าของปูราชาปูอลาสก้าทั้งสาม แต่เนื้อในกระดองจะไม่เยอะเท่า ปูแดงกับปูน้ำเงิน ปูสีทอง เวลาสุกแล้วจะมีสีส้มอ่อนๆนวลๆ ในไทยยังไม่เคยพบเห็น
เป็นไงบ้าง ปูราชาทั้งสามชนิดเป็นปูสายพันธุ์เดียวกันรสชาติใกล้เคียงกันไม่ต่างกันมากขึ้นชื่อว่าราชาปูยักษ์แห่งอลาสสก้า เคี้ยวอยู่ในปากก็ยังอยากกินอีก เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงแน่นอน