หลังจากฉากแรงๆ อย่างโตเกียวที่โดนเกี้ยวตบสั่งสอนเมื่อคืนก่อนแล้ว เราชอบ ep นี้ที่สุดเลย มีความรู้สึกว่ามันคือจุดเปลี่ยนในการเติบโต ลุกขึ้นมายืนด้วยขาตัวเอง อีพีของการเรียนรู้ความผิดพลาดและก้าวต่อไปของทุกคน
1. ทีมเด็กๆ เติบโตด้วยการทำงาน ได้รันงานกองต่อโดยไม่มีพี่ๆ เป็น head นนท์ที่ดูเหมือนไม่เป็นโล้เป็นพายที่สุด กลับเป็นคนฉุดทั้งโตเกียวและอาเธอร์ให้มาทำงานด้วยกัน ความ mature ของนนท์ผ่านประโยคอย่าง "ถ้าไม่พวกพี่ทิศ พี่เกี้ยว พวกเราก็ไม่ใช่เด็กกันแล้วใช่ไหม" และการคิดถึงทีมงาน มันทำให้นนท์ดูโตขึ้นอีกเป็นตั้ง โตเกียวที่แต่เดิมฟังแต่ปิ่น ก็ยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนผิดต่อเกี้ยว ยิ่งโดยเฉพาะอาเธอร์ จากลูกนกที่เพิ่งหัดบิน เมื่อก่อนอาจจะไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้หลังจากได้รับอนุญาตจากแม่เกี้ยว เธอสามารถบินด้วยปีกของเธอได้เองแล้ว เลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเองด้วย เอ็นดูพัฒนาการของพวกรุ่นเล็กจัง
2. ปิ่น ชีวิตที่ผ่านมามีแต่สิบทิศกับครอบครัว พยายามเป็นช้างเท้าหลังที่ดีมาโดยตลอด ยอมออกจากงานก็เพราะสามีและครอบครัว อีพีนี้ได้เห็นมุมเติบโตของปิ่นที่ก้าวออกมาจากบ้านสิบทิศ พ่อสามี แม่สามี และอยู่ด้วยตัวเอง อย่างที่ปิ่นกล่าวไว้ "ปิ่นอาจจะไม่ใช่คนแข็งแรงนะคะ แต่ปิ่นไม่ได้อ่อนแอค่ะ" และยังเผยมุมที่เคยถูกหลายคนวิจารณ์ว่าไม่ยอมดูแลลูกเพียงพันแสง ด้วยฉากว่าจริงๆ แล้วปิ่นก็ดูแลเด็กอย่างดีด้วยการออกจากบ้านมาเพื่อไม่ให้ตัวเองเครียดและกินอาหารดีๆ อีก
3. เกี้ยว ด้วยประโยคสำคัญของอีพีนี้ "ฉันไม่ได้รัก แต่แค่ไม่เคยลืม" มัน touch ใจหลายๆ คนที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน ก็ได้รับการปลด lock ด้วยวิธีการพูดของนักการทูตสาขาจิตวิทยาอันดับหนึ่งอย่างเพียงพันแสง "ชีวิตคนเรามันก็แพ้กันทุกคน แต่มันต้องมีสักครั้งนึงที่แกจะต้องชนะตัวเองบ้าง" นี่คือประโยคที่ปลอบเหล่า perfectionist ได้ดีประโยคหนึ่งเลย มันได้เปลี่ยน mindset ของการเป็น perfectionist แบบเกี้ยวที่แพ้ไม่ได้ว่าจริงๆ แพ้บ้างก็ได้ และการยอมรับว่าตัวเองแพ้ ก็คือการชนะอย่างที่ perfectionist ชอบเลย แต่ไม่ใช่การชนะใครนอกจากชนะตัวเอง และด้วยวาจาโน้มน้าวของนักการทูตอย่างเจ้เพียง เกี้ยวถึงขนาดยอมลดทิฐิไปหาปิ่น (รอดูอีพีต่อไปไม่ไหวแล้ว)
4. เพียงพันแสง มันไม่ใช่การเติบโตหลังจากการเสียเจ้าพ่อผู้ซึ่งเพียงและหลายคนเข้าใจมาตลอดว่าเป็นอุปสรรคไม่สามารถทำให้เพียงสามารถแสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่มันคือการเติบโตเมื่อได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว เจ้าพ่อรู้มาตลอดว่าเพียงมีรสนิยมทางเพศอย่างไรและเจ้าพ่อรับทุกอย่างที่เพียงเป็นได้มานานแล้ว เราคิดว่าการปลดล็อคจากการที่เจ้าพ่อพูดกับเพียงว่าให้ทำเพื่อตัวเองบ้าง นำไปสู่การตัดสินใจอยู่บ้านเจ้าพ่อต่อ เพื่อเผชิญหน้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่าง แทนที่จะไปต่างประเทศที่บริบททางสังคมเอื้อให้กับการแสดงตัวตนอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่เพียงบอกเกี้ยวว่าเจ้าพ่อสิ้นแล้ว ไม่มีใครว่าถ้าจะอยู่กับบ๊อบที่เมืองไทยหรอก เพราะบริบทครอบครัวจากชนชั้นสูง ญาติๆ ก็ยังบีบให้เพียงต้อง keep look ชายต่อไปอยู่ดี อีพีนี้คือพัฒนาการที่ดีจริงๆ ของตัวละครนี้ เสียดายอย่างเดียว ถ้าจะต้องลาออก เราคงเสียหนึ่งในนักการทูตที่ดีที่สุดไป เราจินตนาการไปถึงว่า ถ้าเพียงพูดให้เกี้ยวนิสัยดีขึ้นได้ มีส่วนช่วยพูดให้สิบทิศกับปิ่นเข้าใจกันได้ ก็คงพูดในที่ประชุมยูเอ็นให้สงครามระหว่างประเทศยุติได้เช่นกัน
5. สิบทิศ จาก mindset ของปิตาธิปไตยที่ว่าตนต้องเป็นช้างเท้าหน้าดูแลครอบครัว ต้องทำงานหาเงินมาให้พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว แบกความเครียดเอาไว้ อีพีนี้สิบทิศจะได้รู้ว่า ปิ่นก็มีความคิดจิตใจของตัวเอง มีมุมมองของตัวเองเหมือนกัน ตัวละครนี้ไม่พูดมากเพราะเกลียดสิบทิศ แต่รักพี่ป้องนะ
ใจนึงก็อยากดูตอนต่อไป อีกใจนึงก็ไม่อยากให้ละครเรื่องนี้จบเลย
อุ้มรักเกมลวง # ตั้งแต่ดูมา ชอบep เมื่อคืนที่สุดเลย ep แห่งการลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเอง
1. ทีมเด็กๆ เติบโตด้วยการทำงาน ได้รันงานกองต่อโดยไม่มีพี่ๆ เป็น head นนท์ที่ดูเหมือนไม่เป็นโล้เป็นพายที่สุด กลับเป็นคนฉุดทั้งโตเกียวและอาเธอร์ให้มาทำงานด้วยกัน ความ mature ของนนท์ผ่านประโยคอย่าง "ถ้าไม่พวกพี่ทิศ พี่เกี้ยว พวกเราก็ไม่ใช่เด็กกันแล้วใช่ไหม" และการคิดถึงทีมงาน มันทำให้นนท์ดูโตขึ้นอีกเป็นตั้ง โตเกียวที่แต่เดิมฟังแต่ปิ่น ก็ยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนผิดต่อเกี้ยว ยิ่งโดยเฉพาะอาเธอร์ จากลูกนกที่เพิ่งหัดบิน เมื่อก่อนอาจจะไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้หลังจากได้รับอนุญาตจากแม่เกี้ยว เธอสามารถบินด้วยปีกของเธอได้เองแล้ว เลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเองด้วย เอ็นดูพัฒนาการของพวกรุ่นเล็กจัง
2. ปิ่น ชีวิตที่ผ่านมามีแต่สิบทิศกับครอบครัว พยายามเป็นช้างเท้าหลังที่ดีมาโดยตลอด ยอมออกจากงานก็เพราะสามีและครอบครัว อีพีนี้ได้เห็นมุมเติบโตของปิ่นที่ก้าวออกมาจากบ้านสิบทิศ พ่อสามี แม่สามี และอยู่ด้วยตัวเอง อย่างที่ปิ่นกล่าวไว้ "ปิ่นอาจจะไม่ใช่คนแข็งแรงนะคะ แต่ปิ่นไม่ได้อ่อนแอค่ะ" และยังเผยมุมที่เคยถูกหลายคนวิจารณ์ว่าไม่ยอมดูแลลูกเพียงพันแสง ด้วยฉากว่าจริงๆ แล้วปิ่นก็ดูแลเด็กอย่างดีด้วยการออกจากบ้านมาเพื่อไม่ให้ตัวเองเครียดและกินอาหารดีๆ อีก
3. เกี้ยว ด้วยประโยคสำคัญของอีพีนี้ "ฉันไม่ได้รัก แต่แค่ไม่เคยลืม" มัน touch ใจหลายๆ คนที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน ก็ได้รับการปลด lock ด้วยวิธีการพูดของนักการทูตสาขาจิตวิทยาอันดับหนึ่งอย่างเพียงพันแสง "ชีวิตคนเรามันก็แพ้กันทุกคน แต่มันต้องมีสักครั้งนึงที่แกจะต้องชนะตัวเองบ้าง" นี่คือประโยคที่ปลอบเหล่า perfectionist ได้ดีประโยคหนึ่งเลย มันได้เปลี่ยน mindset ของการเป็น perfectionist แบบเกี้ยวที่แพ้ไม่ได้ว่าจริงๆ แพ้บ้างก็ได้ และการยอมรับว่าตัวเองแพ้ ก็คือการชนะอย่างที่ perfectionist ชอบเลย แต่ไม่ใช่การชนะใครนอกจากชนะตัวเอง และด้วยวาจาโน้มน้าวของนักการทูตอย่างเจ้เพียง เกี้ยวถึงขนาดยอมลดทิฐิไปหาปิ่น (รอดูอีพีต่อไปไม่ไหวแล้ว)
4. เพียงพันแสง มันไม่ใช่การเติบโตหลังจากการเสียเจ้าพ่อผู้ซึ่งเพียงและหลายคนเข้าใจมาตลอดว่าเป็นอุปสรรคไม่สามารถทำให้เพียงสามารถแสดงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่มันคือการเติบโตเมื่อได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว เจ้าพ่อรู้มาตลอดว่าเพียงมีรสนิยมทางเพศอย่างไรและเจ้าพ่อรับทุกอย่างที่เพียงเป็นได้มานานแล้ว เราคิดว่าการปลดล็อคจากการที่เจ้าพ่อพูดกับเพียงว่าให้ทำเพื่อตัวเองบ้าง นำไปสู่การตัดสินใจอยู่บ้านเจ้าพ่อต่อ เพื่อเผชิญหน้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่าง แทนที่จะไปต่างประเทศที่บริบททางสังคมเอื้อให้กับการแสดงตัวตนอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่เพียงบอกเกี้ยวว่าเจ้าพ่อสิ้นแล้ว ไม่มีใครว่าถ้าจะอยู่กับบ๊อบที่เมืองไทยหรอก เพราะบริบทครอบครัวจากชนชั้นสูง ญาติๆ ก็ยังบีบให้เพียงต้อง keep look ชายต่อไปอยู่ดี อีพีนี้คือพัฒนาการที่ดีจริงๆ ของตัวละครนี้ เสียดายอย่างเดียว ถ้าจะต้องลาออก เราคงเสียหนึ่งในนักการทูตที่ดีที่สุดไป เราจินตนาการไปถึงว่า ถ้าเพียงพูดให้เกี้ยวนิสัยดีขึ้นได้ มีส่วนช่วยพูดให้สิบทิศกับปิ่นเข้าใจกันได้ ก็คงพูดในที่ประชุมยูเอ็นให้สงครามระหว่างประเทศยุติได้เช่นกัน
5. สิบทิศ จาก mindset ของปิตาธิปไตยที่ว่าตนต้องเป็นช้างเท้าหน้าดูแลครอบครัว ต้องทำงานหาเงินมาให้พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว แบกความเครียดเอาไว้ อีพีนี้สิบทิศจะได้รู้ว่า ปิ่นก็มีความคิดจิตใจของตัวเอง มีมุมมองของตัวเองเหมือนกัน ตัวละครนี้ไม่พูดมากเพราะเกลียดสิบทิศ แต่รักพี่ป้องนะ
ใจนึงก็อยากดูตอนต่อไป อีกใจนึงก็ไม่อยากให้ละครเรื่องนี้จบเลย