สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกที่ลงในพันทิปเลยค่ะ สืบเนื่องมาจากโรคระบาดไวรัสโควิด เราก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องยกเลิกการเดินทางไปเที่ยวที่แพลนมาข้ามปี ก็เป็นเรื่องสุดวิสัยที่เข้าใจได้ ช่วงที่มีเวลาเหลือเยอะเพราะออกไปไหนตามปกติไม่สะดวก ก็เลยเก็บบ้านทำความสะอาด ก็เจอกับแพลนที่วางไว้สำหรับไปเที่ยวฮอกไกโดเมื่อ2 ปีที่แล้ว(มีนาคม 2561) เป็นทริปฮอกไกโดในฤดูหนาว แพลนค่อนข้างละเอียดว่าวันไหนไปไหน เดินทางยังไง ไปทั้งหมด 14 วัน 3คน พ่อ แม่ ลูก(ตอนนั้น 8 ขวบ) เป็นทริปที่ประทับใจมาก วางแผนมานานเพราะตั้งใจรอให้ลูกสาวโตพอมีความอดทนในการเดินนานๆ หรือทานอาหารได้หลากหลายซะก่อน จะได้ไม่เป็นภาระมากเพราะรอบนี้ไปกันนานที่สุดตั้งแต่เคยไปเที่ยวกันมาเลย ทำตามแผนได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็สนุกดีค่ะ ลองมาเปิดดูรูปเก่าๆก็ยังอยู่ เลยคิดว่าไหนๆก็มีเวลา ลองมารีวิวเป็นบันทึกการเดินทางดูบ้างก็น่าจะดี ฮอกไกโดไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก จำได้ว่าตอนหาข้อมูลของเก่า 5 ปีก่อน พอไปจริงก็ยังเหมือนเดิมอยู่เลย และขอออกตัวก่อนนะคะรูปถ่ายก็จากมือถือไอโฟนกับซัมซุง ถ่ายกันในครอบครัวที่ไม่มีใครมีฝีมือในการถ่ายภาพสักคน 55 และไม่ได้คิดว่าจะนำมาใช้ในการรีวิวอาจจะขาดๆเกินๆไปบ้างก็ขออภัยล่วงหน้าเลยนะคะ จะขอปิดหน้าปิดตาพ่อกับแม่สักหน่อย มีความเขินค่ะ ส่วนลูกสาว 2ปีผ่านไปโตขึ้นมาก หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ยกให้เป็นตัวหลักของบันทึกการเดินทางครั้งนี้เลยค่ะ
>>> สายการบิน ไปกับ ANA ต่อเครื่องที่นาริตะค่ะ อยากบินตรงแต่การบินไทยราคาแรงมากสู้ไม่ไหว แอร์เอเชียในตอนนั้นเส้นทางไป Sapporo ยังมีปัญหาบินไม่ได้ ก็เลยเลือก ANA ไฟลท์ที่ไปออกจากสุวรรณภูมิ 0.30 น. ถึงสนามบินชิโตเสะแห่งใหม่(CTS)เวลา 12.15 ของอีกวันค่ะ ออกจากเครื่องผ่านตม.แล้วก็ไปรับกระเป๋าก่อนแล้วเดินไปขึ้นเครื่องใหม่ที่อาคาร domestic เดินไม่ยากค่ะ มีคนรีวิวไว้แล้วตามนั้นเลย ส่วนขากลับกระเป๋าผ่านจาก CTS ถึงBKK เลยค่ะ
>>> เส้นทางการใช้รถไฟ การควบคุมเวลาต่างๆ ดูจากเวบ Hyperdia เป็นหลักเลยค่ะแม่นยำมาก สำหรับการเดินไปสถานที่ต่างๆก็ใช้ google map ค่ะ
>>> ตั๋วเหมาจ่าย เราใช้บัตร JR Hokkaido rail pass แบบ flexible 4 วัน เพราะคำนวณแล้วคุ้มกว่า เลือกใช้เฉพาะเส้นทางยาวๆ และแพลนของเราใช้รถบัสกับ รถประจำทางมากเหมือนกันค่ะ
>>> Wifi ตอนนั้นเช่า pocket wifi ไปค่ะ ไปซื้อในงานท่องเที่ยวมีโปรอะไรจำไม่ได้แล้ว คุ้นๆว่า 13 วัน ประมาณ 1000 บาท
>>> ที่พักส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com กับ japanican.com ค่ะ การเลือกที่พัก เน้นใกล้สถานีรถไฟแบบเดินถึงเป็นหลัก และเลือกที่ราคาไม่สูงนักเพราะค่าที่พักหลายวันก็หนักอยู่ เราเปลี่ยนที่พักแทบทุกวันค่ะ สำหรับเด็ก 8 ขวบ ส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มถ้าพักกับผู้ปกครอง แต่ก็มีบางโรงแรมที่จำเป็นต้องซื้อเตียงเพิ่มหรือให้ใช้ห้อง 3 เตียงค่ะ
เริ่มออกเดินทางย้อนเวลากันไปเลยค่า
Day1 Sapporo
ที่สนามบิน New Chitose หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็มองหา JR information desk เพื่อแลกบัตร JR pass ซึ่งเราซื้อมาแล้วจากเมืองไทย และทำการจองที่นั่งตามแผนที่วางไว้สำหรับวันอื่นๆ ถ้าจองไว้ก่อนเราจะได้มีที่นั่งแน่ๆ และได้นั่งใกล้ๆกันค่ะ เสร็จแล้วก็ออกมาขึ้นรถไฟเพื่อเข้าสู่ Sapporo ตามแผนคือ เข้าโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋าก่อน >>>แล้วจะไป ภูเขา Moiwa กันต่อ แต่เราก็หลงกันตั้งแต่วันแรกเลย 55
ออกจาก JR Sapporo แล้ว เราหาโรงแรมไม่เจอค่ะ คืนแรกเราจองห้องพักไว้ที่
Toyoko inn Hokkaido Sapporo eki minami guchi (ชื่อยาวมาก) มันต้องอยู่ในระยะเดินถึงแต่เรางงทิศทางไปหมด สุดท้ายเรียกแทกซี่ พอไปถึงไม่แปลกใจเลยที่หาไม่เจอ มันไม่มีป้ายใดๆเลย เป็นตึกที่มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นโรงแรม แต่ที่นี่ราคาไม่แพงและทุกอย่างก็ตามมาตรฐานของ toyoko inn ค่ะ ห้องเล็กแต่ก็ครบ เราอยู่ได้ไม่มีปัญหา ก็จัดการถ่ายรูปทำบัตรสมาชิกให้เรียบร้อย เพื่อไว้เป็นส่วนลดในการเข้าพักโรงแรมเครือนี้ในครั้งต่อไป เจ้าหน้าที่ก็ใจดีเหมือนจะรู้ว่าเราหลงทางก็ให้แผนที่มาแล้วบอกว่าจะเดินกลับไป JR Sapporo ยังไง
สรุปวันนี้เปลี่ยนแผนเพราะไป Moiwa Mt ไม่ทันแล้ว เพราะเรายังต้องไปย่าน Tanuki Koji เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นกันก่อน และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง วันนี้จึงนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Susukino แล้วเดินไปทานราเม็งที่ตรอกราเม็ง ซึ่งมีร้านราเม็งอยู่ติดๆกันหลายร้านเราก็เลือกเข้าร้านนึงดูตามรูปหน้าร้านแล้วก็เข้าไปเลย แต่เดิมเคยคิดเองว่าราเม็งที่ไหนน่าจะเหมือนๆกันแหละ ไม่น่าจะต่างกันเท่าไร แต่ไม่น่าเชื่อว่าราเม็งที่นี่รสชาติดีจริงๆ เราไม่ใช่คนชอบราเม็งขนาดนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่เคยกินในเมืองไทยอย่างชัดเจนเลย
จากนั้นก็ถึงเวลาช้อปปิ้ง เราตั้งใจมาซื้อรองเท้าบูทของพ่อกับแม่เพราะใส่ผ้าใบกันมาน่าจะเอาไม่อยู่ หนาวค่ะ (ส่วนของลูกมีมาจากเมืองไทยแล้ว) ครีมทาหน้า ลิปมัน แผ่นให้ความร้อน แมสก์ (ตอนนั้นจะใช้กันหนาวกันลม คนละเหตุผลกับช่วงเวลานี้เลยค่ะ) ซึ่งคิดว่ามาซื้อที่นี่จะถูกกว่า ได้ของแบบที่คนพื้นที่ใช้กัน ซื้อแล้วใช้เลย
ย่านทานุกิโคจิมีอยู่ด้วยกัน7 โซน ขายของแยกตามประเภทและมีร้านค้าดังๆอยู่หลายร้าน อย่าง Don Quijote , Matsumoto Kiyoshi (ปัจจุบันก็มาเปิดในเมืองไทยกันเรียบร้อย) เราช้อปและกินขนมกันไป หนาวขนาดไหน ก็ต้องกินไอติม soft cream นะคะ ฟินมาก จากนั้นก็กลับโรงแรมแล้วรอเริ่มผจญภัยใหม่ในวันรุ่งขึ้นค่ะ
[CR] 3 คน พ่อแม่ลูก กับฮอกไกโดในฤดูหนาว
นี่เป็นกระทู้แรกที่ลงในพันทิปเลยค่ะ สืบเนื่องมาจากโรคระบาดไวรัสโควิด เราก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องยกเลิกการเดินทางไปเที่ยวที่แพลนมาข้ามปี ก็เป็นเรื่องสุดวิสัยที่เข้าใจได้ ช่วงที่มีเวลาเหลือเยอะเพราะออกไปไหนตามปกติไม่สะดวก ก็เลยเก็บบ้านทำความสะอาด ก็เจอกับแพลนที่วางไว้สำหรับไปเที่ยวฮอกไกโดเมื่อ2 ปีที่แล้ว(มีนาคม 2561) เป็นทริปฮอกไกโดในฤดูหนาว แพลนค่อนข้างละเอียดว่าวันไหนไปไหน เดินทางยังไง ไปทั้งหมด 14 วัน 3คน พ่อ แม่ ลูก(ตอนนั้น 8 ขวบ) เป็นทริปที่ประทับใจมาก วางแผนมานานเพราะตั้งใจรอให้ลูกสาวโตพอมีความอดทนในการเดินนานๆ หรือทานอาหารได้หลากหลายซะก่อน จะได้ไม่เป็นภาระมากเพราะรอบนี้ไปกันนานที่สุดตั้งแต่เคยไปเที่ยวกันมาเลย ทำตามแผนได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็สนุกดีค่ะ ลองมาเปิดดูรูปเก่าๆก็ยังอยู่ เลยคิดว่าไหนๆก็มีเวลา ลองมารีวิวเป็นบันทึกการเดินทางดูบ้างก็น่าจะดี ฮอกไกโดไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมากนัก จำได้ว่าตอนหาข้อมูลของเก่า 5 ปีก่อน พอไปจริงก็ยังเหมือนเดิมอยู่เลย และขอออกตัวก่อนนะคะรูปถ่ายก็จากมือถือไอโฟนกับซัมซุง ถ่ายกันในครอบครัวที่ไม่มีใครมีฝีมือในการถ่ายภาพสักคน 55 และไม่ได้คิดว่าจะนำมาใช้ในการรีวิวอาจจะขาดๆเกินๆไปบ้างก็ขออภัยล่วงหน้าเลยนะคะ จะขอปิดหน้าปิดตาพ่อกับแม่สักหน่อย มีความเขินค่ะ ส่วนลูกสาว 2ปีผ่านไปโตขึ้นมาก หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ยกให้เป็นตัวหลักของบันทึกการเดินทางครั้งนี้เลยค่ะ
>>> สายการบิน ไปกับ ANA ต่อเครื่องที่นาริตะค่ะ อยากบินตรงแต่การบินไทยราคาแรงมากสู้ไม่ไหว แอร์เอเชียในตอนนั้นเส้นทางไป Sapporo ยังมีปัญหาบินไม่ได้ ก็เลยเลือก ANA ไฟลท์ที่ไปออกจากสุวรรณภูมิ 0.30 น. ถึงสนามบินชิโตเสะแห่งใหม่(CTS)เวลา 12.15 ของอีกวันค่ะ ออกจากเครื่องผ่านตม.แล้วก็ไปรับกระเป๋าก่อนแล้วเดินไปขึ้นเครื่องใหม่ที่อาคาร domestic เดินไม่ยากค่ะ มีคนรีวิวไว้แล้วตามนั้นเลย ส่วนขากลับกระเป๋าผ่านจาก CTS ถึงBKK เลยค่ะ
>>> เส้นทางการใช้รถไฟ การควบคุมเวลาต่างๆ ดูจากเวบ Hyperdia เป็นหลักเลยค่ะแม่นยำมาก สำหรับการเดินไปสถานที่ต่างๆก็ใช้ google map ค่ะ
>>> ตั๋วเหมาจ่าย เราใช้บัตร JR Hokkaido rail pass แบบ flexible 4 วัน เพราะคำนวณแล้วคุ้มกว่า เลือกใช้เฉพาะเส้นทางยาวๆ และแพลนของเราใช้รถบัสกับ รถประจำทางมากเหมือนกันค่ะ
>>> Wifi ตอนนั้นเช่า pocket wifi ไปค่ะ ไปซื้อในงานท่องเที่ยวมีโปรอะไรจำไม่ได้แล้ว คุ้นๆว่า 13 วัน ประมาณ 1000 บาท
>>> ที่พักส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com กับ japanican.com ค่ะ การเลือกที่พัก เน้นใกล้สถานีรถไฟแบบเดินถึงเป็นหลัก และเลือกที่ราคาไม่สูงนักเพราะค่าที่พักหลายวันก็หนักอยู่ เราเปลี่ยนที่พักแทบทุกวันค่ะ สำหรับเด็ก 8 ขวบ ส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มถ้าพักกับผู้ปกครอง แต่ก็มีบางโรงแรมที่จำเป็นต้องซื้อเตียงเพิ่มหรือให้ใช้ห้อง 3 เตียงค่ะ
เริ่มออกเดินทางย้อนเวลากันไปเลยค่า
Day1 Sapporo
ที่สนามบิน New Chitose หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็มองหา JR information desk เพื่อแลกบัตร JR pass ซึ่งเราซื้อมาแล้วจากเมืองไทย และทำการจองที่นั่งตามแผนที่วางไว้สำหรับวันอื่นๆ ถ้าจองไว้ก่อนเราจะได้มีที่นั่งแน่ๆ และได้นั่งใกล้ๆกันค่ะ เสร็จแล้วก็ออกมาขึ้นรถไฟเพื่อเข้าสู่ Sapporo ตามแผนคือ เข้าโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋าก่อน >>>แล้วจะไป ภูเขา Moiwa กันต่อ แต่เราก็หลงกันตั้งแต่วันแรกเลย 55
ออกจาก JR Sapporo แล้ว เราหาโรงแรมไม่เจอค่ะ คืนแรกเราจองห้องพักไว้ที่ Toyoko inn Hokkaido Sapporo eki minami guchi (ชื่อยาวมาก) มันต้องอยู่ในระยะเดินถึงแต่เรางงทิศทางไปหมด สุดท้ายเรียกแทกซี่ พอไปถึงไม่แปลกใจเลยที่หาไม่เจอ มันไม่มีป้ายใดๆเลย เป็นตึกที่มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นโรงแรม แต่ที่นี่ราคาไม่แพงและทุกอย่างก็ตามมาตรฐานของ toyoko inn ค่ะ ห้องเล็กแต่ก็ครบ เราอยู่ได้ไม่มีปัญหา ก็จัดการถ่ายรูปทำบัตรสมาชิกให้เรียบร้อย เพื่อไว้เป็นส่วนลดในการเข้าพักโรงแรมเครือนี้ในครั้งต่อไป เจ้าหน้าที่ก็ใจดีเหมือนจะรู้ว่าเราหลงทางก็ให้แผนที่มาแล้วบอกว่าจะเดินกลับไป JR Sapporo ยังไง
สรุปวันนี้เปลี่ยนแผนเพราะไป Moiwa Mt ไม่ทันแล้ว เพราะเรายังต้องไปย่าน Tanuki Koji เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นกันก่อน และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง วันนี้จึงนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Susukino แล้วเดินไปทานราเม็งที่ตรอกราเม็ง ซึ่งมีร้านราเม็งอยู่ติดๆกันหลายร้านเราก็เลือกเข้าร้านนึงดูตามรูปหน้าร้านแล้วก็เข้าไปเลย แต่เดิมเคยคิดเองว่าราเม็งที่ไหนน่าจะเหมือนๆกันแหละ ไม่น่าจะต่างกันเท่าไร แต่ไม่น่าเชื่อว่าราเม็งที่นี่รสชาติดีจริงๆ เราไม่ใช่คนชอบราเม็งขนาดนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่เคยกินในเมืองไทยอย่างชัดเจนเลย
จากนั้นก็ถึงเวลาช้อปปิ้ง เราตั้งใจมาซื้อรองเท้าบูทของพ่อกับแม่เพราะใส่ผ้าใบกันมาน่าจะเอาไม่อยู่ หนาวค่ะ (ส่วนของลูกมีมาจากเมืองไทยแล้ว) ครีมทาหน้า ลิปมัน แผ่นให้ความร้อน แมสก์ (ตอนนั้นจะใช้กันหนาวกันลม คนละเหตุผลกับช่วงเวลานี้เลยค่ะ) ซึ่งคิดว่ามาซื้อที่นี่จะถูกกว่า ได้ของแบบที่คนพื้นที่ใช้กัน ซื้อแล้วใช้เลย
ย่านทานุกิโคจิมีอยู่ด้วยกัน7 โซน ขายของแยกตามประเภทและมีร้านค้าดังๆอยู่หลายร้าน อย่าง Don Quijote , Matsumoto Kiyoshi (ปัจจุบันก็มาเปิดในเมืองไทยกันเรียบร้อย) เราช้อปและกินขนมกันไป หนาวขนาดไหน ก็ต้องกินไอติม soft cream นะคะ ฟินมาก จากนั้นก็กลับโรงแรมแล้วรอเริ่มผจญภัยใหม่ในวันรุ่งขึ้นค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้