เรียกได้ว่าDysonเป็นแบรนด์ที่เข้ามายืนหนึ่งในใจเราและคนในบ้านกันแล้วทั้งเครื่องดูดฝุ่นและไดร์เป่าผม วันนี้แม่บ้านเลยจะขอมารีวิวเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้เป็นประจำเผื่อใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อDysonมาไว้ใช้งาน
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำก่อนว่า Dyson V11 คือซีรีส์เครื่องดูดฝุ่นล่าสุด ซึ่งมีอีก 2 รุ่นย่อย คือ
* Dyson V11 Absolute คือ เป็นตัวท็อป มีหัวดูดแบบ High Torque สามารถปรับการทำงานอัตโนมัติตามพื้นผิวที่กำลังดูดอยู่ ชุดนี้ราคา 27,900 บาท
* Dyson V11 Fluffy รุ่นที่แม่บ้านมีอยู่ตอนนี้ แรงดูดและทุกอย่างเหมือนตัวท็อป แค่ไม่มีหัว High Torque แต่ที่เราเลือกรุ่นนี้ก็เพราะว่าเราคิดว่าหัวดูดที่มีมาให้ของรุ่นนี้เหมาะและเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานกับบ้านของเราซึ่งเป็นคอนโด และราคาถูกลงเหลือแค่ 25,900 บาท
เอาล่ะ มาดูกันว่าสิ่งที่แม่บ้านประทับใจมีอะไรบ้างจากเจ้าตัวนี้กันนะคะ ขอแยกเป็นข้อๆ และมีวีดีโอสาธิตวิธีการใช้งานให้ดูกันด้วย
1. ดีไซน์ ถือว่าตอบโจทย์แม่บ้านยุคใหม่ที่ชอบความทันสมัย โมเดิร์น กระทัดรัด ขนาดไม่ใหญ่จนกินพื้นที่จนเกินไป เราเก็บโดยวางไว้กับแท่นเสียบเครื่อง มองแล้วดูเป็นระเบียบแถมเหมาะจะวางไว้ในบ้านแบบเก๋ๆได้อีก
2. มีหัวดูด 5 หัว ซึ่งแต่ละหัวเราสามารถใช้งานตามลักษณะแตกต่างกันไปดังนี้
* หัวดูดหลักแบบลูกกลิ้งนุ่ม เหมาะสำหรับพื้นแข็ง ใช้ดูดฝุ่นขนาดเล็กและสิ่งสกปรกขนาดใหญ่
* หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับดูดจับเส้นผมและฝุ่นที่ฝังแน่น
* หัวดูดปากแคบ เหมาะสำหรับดูดจับฝุ่นผงและสารก่อภูมิแพ้ตามมุมต่างๆ
* หัวดูด 2 in 1 มีสองหัวดูดในหนึ่งเดียวเพื่อการทำความสะอาดพร้อมขนแปรงไนลอนแบบแข็งสำหรับดูดฝุ่นที่ฝังแน่น เช่น ใช้ดูดฝุ่นตามซอกขอบประตู
* แปรงปัดฝุ่นขนนุ่ม ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับช่วยในการปัดฝุ่น ขนแปรงแบบนุ่มช่วยปัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ให้หลุดออกมาจากพื้นผิวที่บอบบาง เช่น ดูดฝุ่นจากแจกัน หรือตรงพวกขอบประตู
3. ตัวเครื่องมีสามโหมด ได้แก่ Eco ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด ประหยัดแบต, โหมด Auto ใช้กับหัวดูดทำความสะอาดแรงหมุนสูง และโหมด Boost ทำความสะอาดสิ่งสกปรกฝังแน่นที่ต้องใช้แรงมาก
4. จากข้อสาม เราลองใช้โหมดBoostกับหัวดูดแบบมอเตอร์ขนาดเล็กมาดูดฝุ่นจากเตียงและโซฟาผ้า ปรากฎว่าฝุ่นและเส้นผมติดขึ้นมาเพียบเลย ยิ่งทำให้เรามั่นใจได้ว่าเตียงและโซฟาของเราได้ทำความสะอาดจริงๆ
5. มีหน้าจอLCDด้านหลังเครื่องบอกระยะเวลาที่เหลือของแบตแต่ละโหมด ทำให้เราสามารถประมาณเวลาระหว่างการทำความสะอาดบ้านโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะทิ้งเราไว้กลางทาง
6. เครื่องนี้สามารถกรองฝุ่นได้เล็กขนาด 0.3 ไมครอนได้ 99.97% ยิ่งทำให้มั่นใจเวลาทำความสะอาดบ้านเสร็จ สูดอากาศได้เต็มที่เลย รู้สึกชนะฝุ่นยิ่งขึ้นไปอีก
7. ทิ้งเศษขยะได้ง่ายมาก super simple & easy แค่กดสลัก ฝาที่เก็บฝุ่นไว้ก็จะยื่นลงไปในถังขยะโดยที่เราไม่ต้องมือเปื้อนฝุ่นใดๆทั้งสิ้น
8. สำหรับเรา เสียงของเครื่องดังระดับนึง แต่ขณะใช้งานเสียงไม่ได้เล็ดลอดออกไปภายนอกห้อง หากเทียบกับเจ้าirobotที่เรามีอยู่ เสียงเบากว่าเยอะเลย
9. เครื่องนี้ถือว่าหนักในระดับปานกลาง ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ สามารถถือทำงานได้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเมื่อยมือนัก แต่ก็ต้องพักบ้างหากยื่นขึ้นไปทำความสะอาดพวกเพดานหรือมุมสูงในห้องนานๆ
10. ระยะเวลาชาร์ตแบตเต็มค่อนข้างนานอยู่ที่ประมาณ 4.5 ชม. แต่ก็สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชม.
11. เกี่ยวมั้ย >< ใช้แล้วรู้สึกอินกับซีรีย์เกาหลีมากขึ้น เห็นในซีรีย์บางเรื่องก็มีเข้าฉากร่วมด้วย เลยเป็นอินเนอร์ทางใจแม่บ้านล้วนๆ อันยอง ><
———————-
ฝากไว้เพิ่มเติม : ด้วยเพราะเป็นแบรนด์ Dyson ราคาอาจจะค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้รับและเราได้นำมาใช้งานจริงๆเป็นประจำ แม่บ้านว่าคุ้มค่ะ เราเองเป็นคนที่อยู่คอนโด พื้นที่ไม่ใหญ่มากเลยคิดว่าค่อนข้างจะตอบโจทย์ตอนใช้งาน เพราะหยิบจับมาใช้งานสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องลากสายไปมา เช่น เราทำเศษขยะหล่นลงพื้น แค่ไปหยิบคุณDysonมาดูด แปปเดียวก็สะอาดแล้ว หากเราถนอมและเก็บรักษาเครื่องดีๆ เครื่องนี้ก็จะอยู่กับเราไปนานแน่นอน : )
ส่งท้าย : สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ แนะนำให้ลองหยิบจับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมตามห้างทั่วไปในเครือเดอะมอลล์ และเซนทรัล จะมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จะเจอบูทของDysonอยู่ หรือใครสายช้อปOnlineแบบแม่บ้านก็มีใน Central Online / Lazada เพราะโปรดีๆรอคุณอยู่ในนั้น : )
หากใครอยากดูวิธีการใช้เครื่องดูดฝุ่นก็สามารถดูได้คลิปนี้เลยจ้า
[CR] แม่บ้านไดอารี่: Dyson V11 Fluffy เครื่องดูดฝุ่นในยอดเยี่ยมประจำใจของแม่บ้าน
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำก่อนว่า Dyson V11 คือซีรีส์เครื่องดูดฝุ่นล่าสุด ซึ่งมีอีก 2 รุ่นย่อย คือ
* Dyson V11 Absolute คือ เป็นตัวท็อป มีหัวดูดแบบ High Torque สามารถปรับการทำงานอัตโนมัติตามพื้นผิวที่กำลังดูดอยู่ ชุดนี้ราคา 27,900 บาท
* Dyson V11 Fluffy รุ่นที่แม่บ้านมีอยู่ตอนนี้ แรงดูดและทุกอย่างเหมือนตัวท็อป แค่ไม่มีหัว High Torque แต่ที่เราเลือกรุ่นนี้ก็เพราะว่าเราคิดว่าหัวดูดที่มีมาให้ของรุ่นนี้เหมาะและเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานกับบ้านของเราซึ่งเป็นคอนโด และราคาถูกลงเหลือแค่ 25,900 บาท
เอาล่ะ มาดูกันว่าสิ่งที่แม่บ้านประทับใจมีอะไรบ้างจากเจ้าตัวนี้กันนะคะ ขอแยกเป็นข้อๆ และมีวีดีโอสาธิตวิธีการใช้งานให้ดูกันด้วย
1. ดีไซน์ ถือว่าตอบโจทย์แม่บ้านยุคใหม่ที่ชอบความทันสมัย โมเดิร์น กระทัดรัด ขนาดไม่ใหญ่จนกินพื้นที่จนเกินไป เราเก็บโดยวางไว้กับแท่นเสียบเครื่อง มองแล้วดูเป็นระเบียบแถมเหมาะจะวางไว้ในบ้านแบบเก๋ๆได้อีก
2. มีหัวดูด 5 หัว ซึ่งแต่ละหัวเราสามารถใช้งานตามลักษณะแตกต่างกันไปดังนี้
* หัวดูดหลักแบบลูกกลิ้งนุ่ม เหมาะสำหรับพื้นแข็ง ใช้ดูดฝุ่นขนาดเล็กและสิ่งสกปรกขนาดใหญ่
* หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับดูดจับเส้นผมและฝุ่นที่ฝังแน่น
* หัวดูดปากแคบ เหมาะสำหรับดูดจับฝุ่นผงและสารก่อภูมิแพ้ตามมุมต่างๆ
* หัวดูด 2 in 1 มีสองหัวดูดในหนึ่งเดียวเพื่อการทำความสะอาดพร้อมขนแปรงไนลอนแบบแข็งสำหรับดูดฝุ่นที่ฝังแน่น เช่น ใช้ดูดฝุ่นตามซอกขอบประตู
* แปรงปัดฝุ่นขนนุ่ม ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับช่วยในการปัดฝุ่น ขนแปรงแบบนุ่มช่วยปัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ให้หลุดออกมาจากพื้นผิวที่บอบบาง เช่น ดูดฝุ่นจากแจกัน หรือตรงพวกขอบประตู
3. ตัวเครื่องมีสามโหมด ได้แก่ Eco ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด ประหยัดแบต, โหมด Auto ใช้กับหัวดูดทำความสะอาดแรงหมุนสูง และโหมด Boost ทำความสะอาดสิ่งสกปรกฝังแน่นที่ต้องใช้แรงมาก
4. จากข้อสาม เราลองใช้โหมดBoostกับหัวดูดแบบมอเตอร์ขนาดเล็กมาดูดฝุ่นจากเตียงและโซฟาผ้า ปรากฎว่าฝุ่นและเส้นผมติดขึ้นมาเพียบเลย ยิ่งทำให้เรามั่นใจได้ว่าเตียงและโซฟาของเราได้ทำความสะอาดจริงๆ
5. มีหน้าจอLCDด้านหลังเครื่องบอกระยะเวลาที่เหลือของแบตแต่ละโหมด ทำให้เราสามารถประมาณเวลาระหว่างการทำความสะอาดบ้านโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะทิ้งเราไว้กลางทาง
6. เครื่องนี้สามารถกรองฝุ่นได้เล็กขนาด 0.3 ไมครอนได้ 99.97% ยิ่งทำให้มั่นใจเวลาทำความสะอาดบ้านเสร็จ สูดอากาศได้เต็มที่เลย รู้สึกชนะฝุ่นยิ่งขึ้นไปอีก
7. ทิ้งเศษขยะได้ง่ายมาก super simple & easy แค่กดสลัก ฝาที่เก็บฝุ่นไว้ก็จะยื่นลงไปในถังขยะโดยที่เราไม่ต้องมือเปื้อนฝุ่นใดๆทั้งสิ้น
8. สำหรับเรา เสียงของเครื่องดังระดับนึง แต่ขณะใช้งานเสียงไม่ได้เล็ดลอดออกไปภายนอกห้อง หากเทียบกับเจ้าirobotที่เรามีอยู่ เสียงเบากว่าเยอะเลย
9. เครื่องนี้ถือว่าหนักในระดับปานกลาง ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ สามารถถือทำงานได้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเมื่อยมือนัก แต่ก็ต้องพักบ้างหากยื่นขึ้นไปทำความสะอาดพวกเพดานหรือมุมสูงในห้องนานๆ
10. ระยะเวลาชาร์ตแบตเต็มค่อนข้างนานอยู่ที่ประมาณ 4.5 ชม. แต่ก็สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 1 ชม.
11. เกี่ยวมั้ย >< ใช้แล้วรู้สึกอินกับซีรีย์เกาหลีมากขึ้น เห็นในซีรีย์บางเรื่องก็มีเข้าฉากร่วมด้วย เลยเป็นอินเนอร์ทางใจแม่บ้านล้วนๆ อันยอง ><
———————-
ฝากไว้เพิ่มเติม : ด้วยเพราะเป็นแบรนด์ Dyson ราคาอาจจะค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้รับและเราได้นำมาใช้งานจริงๆเป็นประจำ แม่บ้านว่าคุ้มค่ะ เราเองเป็นคนที่อยู่คอนโด พื้นที่ไม่ใหญ่มากเลยคิดว่าค่อนข้างจะตอบโจทย์ตอนใช้งาน เพราะหยิบจับมาใช้งานสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องลากสายไปมา เช่น เราทำเศษขยะหล่นลงพื้น แค่ไปหยิบคุณDysonมาดูด แปปเดียวก็สะอาดแล้ว หากเราถนอมและเก็บรักษาเครื่องดีๆ เครื่องนี้ก็จะอยู่กับเราไปนานแน่นอน : )
ส่งท้าย : สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ แนะนำให้ลองหยิบจับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมตามห้างทั่วไปในเครือเดอะมอลล์ และเซนทรัล จะมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จะเจอบูทของDysonอยู่ หรือใครสายช้อปOnlineแบบแม่บ้านก็มีใน Central Online / Lazada เพราะโปรดีๆรอคุณอยู่ในนั้น : )
หากใครอยากดูวิธีการใช้เครื่องดูดฝุ่นก็สามารถดูได้คลิปนี้เลยจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้