สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของตัวเราเอง เหตุพึ่งเกิดมาได้ไม่นานนี้เองค่ะ (เหตุการณ์จะย่อหน้าเอาไว้นะคะ สามารถเลือกอ่านแต่ละเหตุการณ์ โดยไม่อ่านตั้งแต่ต้นได้เลยค่ะ)
- เรื่องมีอยู่ประมาณต้นเดือนมีนาคม เราได้ลงสมัครออนไลน์กับทางโลตัสเอ็กเพลส เพราะตอนนั้นอยากได้งานมากๆ พอมาช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ได้มีโทรศัพท์ติดต่อมาจากทางฝ่ายบุคคลของโลตัสเอ็กเพลส ให้เราเข้าไปสัมภาษณ์ในวันถัดไป ตัวเราก็สองจิตสองใจ ว่าจะไปดีรึเปล่า แต่เราก็ได้ตัดสินใจที่จะไปค่ะ ไปถึงก็กรอกใบสมัครพร้อมเซ็นสัญญา พี่คนที่สัมภาษณ์ก็บอกว่าเราได้ตำแหน่งพนักงานแคชเชียร์นะ สะดวกเริ่มงานวันไหนคะ เราก็ตอบไปว่าพร้อมเริ่มงานวันที่ 2 ค่ะ เขาก็บอกว่านานจัง เราก็เลยถามกับไปว่า พี่อยากให้หนูเริ่มงานตอนไหนคะ ทางนั้นก็ตอบเรามาว่า พรุ่งนี้เลยได้ไหม ไอ้เราก็ตอบตกลงไปทันที จากนั้นเขาก็ได้อธิบายงานให้เราฟัง ว่าการเป็นพนักงานแคชเชียร์ของที่นี่ ต้องแต่งหน้ามาทำงานนะคะ แล้วต้องคอยต้อนรับลูกค้าแบบนี้ๆ เราก็รับทราบทุกการแนะนำ และเขาก็ได้ต่อท้ายมาว่า จะมีการอบรมก่อนเริ่มงานนะคะ ให้เตรียมโทรศัพท์มือถือที่มีอินเทอร์เน็ตมาด้วย พออบรมเสร็จก็จะมีการสอนงานเกิดขึ้น พรุ่งนี้เจอกันตอน 07.00 น. นะคะ จากนั้นเราก็ได้ไปเตรียมตัวซื้อชุดเสื้อผ้า แต่งหน้าไปเรียบร้อย พอเช้าวันรุ่งขึ้น เราได้เดินทางไปทำงาน พี่ที่เข้ากะคนนึงก็บอกให้เรามาลงเครื่อง เราก็งง เลยเดินเก้ๆกังๆเข้าไป สักพักเขาก็หันมาบอก ให้น้องเด็กฝึกงานพาเราเอากระเป๋าไปเก็บก่อน พอหลังจากนั้นเราก็เดินออกมา ไปยืนแถวๆตรงโซนแคชเชียร์ พี่เขาก็ไม่พูดอะไร เดินทำงานของตัวเองต่อ สักพักผู้จัดการก็เดินมาบอกเรา ว่าให้เราไปถามน้อง ให้น้องพาทำงาน ตลอดทั้งวันเราก็ทำงาน ยกของ ยกลัง เติมสินค้านู้นนี่นั่น แต่ด้วยความที่ไม่เคยยืนทำงานมาก่อน เล่นเอาร้าวไปทั้งตัวเลยค่ะ
- แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้ค่ะ เรางงมาก ว่าทำไมพอมาจริงๆแล้ว ไม่เห็นเหมือนกับที่เขาบอกเราเลย ไม่มีการอบรม ไม่มีการสอนงาน และไม่มีใครมาอธิบาย เวลาเลิกงาน หรือเข้างานให้เราฟังเลย เพราะทางคนที่สัมภาษณ์เรา เขาได้บอกว่า พี่ผู้จัดการจะจัดตารางการทำงานให้นะคะ เราไม่รู้เลยว่าควรทำตัวยังไง หรือต้องถามอะไรใคร แต่เรารู้แค่ว่า เราเหนื่อยและท้อมาก พยายามบอกให้ตัวเองอดทนๆ แต่ร่างกายเราไม่โอเค บวกกับพอเราได้มาทำงานจริง เราไม่ชอบในงานนี้เลย
- พูดถึงเรื่องการพักเบรค ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ เราก็ไม่กล้าพักนาน เพราะกลัวโดนว่า ด้วยความที่ไม่เห็นพี่ๆเขาพักกัน เราก็ได้มาพักกินข้าวแค่ 10 นาที แล้วก็ไปทำงานต่อเลย
พอกลับบ้าน เราตัดสินใจที่จะลาออก บอกครอบครัวให้รับทราบ และหาอ่านตามกระทู้ต่างๆเรื่องของการลาออกจากงานภายใน 1 วัน จนเราตัดสินใจที่จะลาออกแบบจริงจัง
- เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปที่ทำงานแต่เช้า เพื่อที่จะไปลาออก และวันนั้น พี่ผู้จัดการเขาดันลาหยุด เราเลยไปขอเบอร์จากพี่ๆคนอื่น จากนั้นเราก็โทรลาออก และพี่เขาก็บอกกับเราว่า หนูไม่ได้เงินนะ เพราะอยู่ในช่วงฝึกงาน จากนั้นเราก็บอกขอโทษพี่เขาไปด้วย เพราะเรารู้สึกผิดจริงๆ ตอนแรกพี่ผู้จัดการเขาบอกให้เรากลับบ้านได้เลย แต่เราเห็นพี่คนอื่นๆ ยกของหนัก เราเลยอยู่ช่วยพี่ๆเขาก่อน จะไปทั้งอย่างนั้นก็แปลกๆอยู่ ตอนแรกเราว่าจะกลับก่อนที่รองผู้จัดการจะมา เพราะเรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่
- เราอยู่ช่วยพี่ๆเขา จนรองผู้จัดการมาถึง ก่อนหน้านั้นเราถามพี่คนนึงว่า หนูกลับได้ตอนไหนคะพี่ พี่เขาก็บอกว่าอย่ามาถามพี่เลย ไปถามพี่อีกคนดีกว่า ซึ่งก็คือรองผู้จัดการนั่นแหละค่ะ จากนั้นเราก็เดินไปถามพี่รองผู้จัดการ
เรา : พี่คะ หนูลาออกแล้ว สามารถกลับได้ตอนไหนคะ
รผจก. : ลาออกเมื่อไหร่
เรา : เมื่อเช้าค่ะ ประมาณ 07.00 น. โทรบอกพี่ผู้จัดการแล้วค่ะ
รผจก. : ก็ต้องทำจนเลิกงาน ถ้าจะไม่มาทำ ก็ต้องลาออกจากที่บ้าน ไม่ใช่มาทำงานแล้วจะออก (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
เรา : ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ
- หลังจากนั้น ได้มีสายโทรเข้ามาจากพ่อของเราช่วง 09.00 น. ว่าแม่อยู่โรงพยาบาล รีบมาด่วน เราตกใจมาก เลยรีบเดินไปบอกพี่รองผู้จัดการ
เรา : พี่คะ
รผจก. : ว่าไง (พอหันมาเห็นหน้าเรา ก็หันกลับไปทันที)
เรา : แม่หนูเข้าโรงพยาบาล ขอกลับก่อนได้ไหมคะ (ยกมือขึ้นไหว้เพื่อขออนุญาติ)
รผจก. : ได้ กลับเลย (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ พร้อมกับไม่หันมามองหน้ากันเหมือนเดิม)
เรา : พี่จะตรวจกระเป๋าหนูก่อนออกไหมคะ (เรารอคำตอบเขาอยู่นานพอสมควร)
รผจก. : ไม่ต้อง ไปได้เลย (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ)
เรา : ขอบคุณค่ะ (ยกมือไห้ว แล้วรีบวิ่งมาเอาของออกไปเลย)
ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือ ทำไมต้องทำแบบนี้กับเรา เราเป็นเด็กไม่มีมารยาทมากพอหรือว่าอะไร แต่คนในครอบครัวเราประสบอุบัติเหตุเลยนะ เขาจะไม่เข้าใจกันเลยหรอ
เป็นยังไงบางคะ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครรึเปล่า แต่มันเป็นประสบการณ์ชีวิตของเราเลย (เราไม่ได้เงินนะคะ แต่ไปหาดูในยูทูป เขาบอกว่า ถึงเราจะทำงานวันเดียว นายจ้างก็ต้องจ่าย แต่เราไม่ติดใจอะไร เพราะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ที่ออกกระทันหัน)
#สาเหตุที่ออก เพราะต้องย้ายบ้านกระทันหัน และพ่อพึ่งโทรมาบอกให้รู้เมื่อตอนเย็นที่เราเลิกงานมาพอดี แถมแม่ยังเข้าโรงพยาบาลอีก#
ประสบการณ์ทำงานโลตัสเอ็กเพลส และลาออกภายในหนึ่งวัน
- เรื่องมีอยู่ประมาณต้นเดือนมีนาคม เราได้ลงสมัครออนไลน์กับทางโลตัสเอ็กเพลส เพราะตอนนั้นอยากได้งานมากๆ พอมาช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ได้มีโทรศัพท์ติดต่อมาจากทางฝ่ายบุคคลของโลตัสเอ็กเพลส ให้เราเข้าไปสัมภาษณ์ในวันถัดไป ตัวเราก็สองจิตสองใจ ว่าจะไปดีรึเปล่า แต่เราก็ได้ตัดสินใจที่จะไปค่ะ ไปถึงก็กรอกใบสมัครพร้อมเซ็นสัญญา พี่คนที่สัมภาษณ์ก็บอกว่าเราได้ตำแหน่งพนักงานแคชเชียร์นะ สะดวกเริ่มงานวันไหนคะ เราก็ตอบไปว่าพร้อมเริ่มงานวันที่ 2 ค่ะ เขาก็บอกว่านานจัง เราก็เลยถามกับไปว่า พี่อยากให้หนูเริ่มงานตอนไหนคะ ทางนั้นก็ตอบเรามาว่า พรุ่งนี้เลยได้ไหม ไอ้เราก็ตอบตกลงไปทันที จากนั้นเขาก็ได้อธิบายงานให้เราฟัง ว่าการเป็นพนักงานแคชเชียร์ของที่นี่ ต้องแต่งหน้ามาทำงานนะคะ แล้วต้องคอยต้อนรับลูกค้าแบบนี้ๆ เราก็รับทราบทุกการแนะนำ และเขาก็ได้ต่อท้ายมาว่า จะมีการอบรมก่อนเริ่มงานนะคะ ให้เตรียมโทรศัพท์มือถือที่มีอินเทอร์เน็ตมาด้วย พออบรมเสร็จก็จะมีการสอนงานเกิดขึ้น พรุ่งนี้เจอกันตอน 07.00 น. นะคะ จากนั้นเราก็ได้ไปเตรียมตัวซื้อชุดเสื้อผ้า แต่งหน้าไปเรียบร้อย พอเช้าวันรุ่งขึ้น เราได้เดินทางไปทำงาน พี่ที่เข้ากะคนนึงก็บอกให้เรามาลงเครื่อง เราก็งง เลยเดินเก้ๆกังๆเข้าไป สักพักเขาก็หันมาบอก ให้น้องเด็กฝึกงานพาเราเอากระเป๋าไปเก็บก่อน พอหลังจากนั้นเราก็เดินออกมา ไปยืนแถวๆตรงโซนแคชเชียร์ พี่เขาก็ไม่พูดอะไร เดินทำงานของตัวเองต่อ สักพักผู้จัดการก็เดินมาบอกเรา ว่าให้เราไปถามน้อง ให้น้องพาทำงาน ตลอดทั้งวันเราก็ทำงาน ยกของ ยกลัง เติมสินค้านู้นนี่นั่น แต่ด้วยความที่ไม่เคยยืนทำงานมาก่อน เล่นเอาร้าวไปทั้งตัวเลยค่ะ
- แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้ค่ะ เรางงมาก ว่าทำไมพอมาจริงๆแล้ว ไม่เห็นเหมือนกับที่เขาบอกเราเลย ไม่มีการอบรม ไม่มีการสอนงาน และไม่มีใครมาอธิบาย เวลาเลิกงาน หรือเข้างานให้เราฟังเลย เพราะทางคนที่สัมภาษณ์เรา เขาได้บอกว่า พี่ผู้จัดการจะจัดตารางการทำงานให้นะคะ เราไม่รู้เลยว่าควรทำตัวยังไง หรือต้องถามอะไรใคร แต่เรารู้แค่ว่า เราเหนื่อยและท้อมาก พยายามบอกให้ตัวเองอดทนๆ แต่ร่างกายเราไม่โอเค บวกกับพอเราได้มาทำงานจริง เราไม่ชอบในงานนี้เลย
- พูดถึงเรื่องการพักเบรค ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ เราก็ไม่กล้าพักนาน เพราะกลัวโดนว่า ด้วยความที่ไม่เห็นพี่ๆเขาพักกัน เราก็ได้มาพักกินข้าวแค่ 10 นาที แล้วก็ไปทำงานต่อเลย
พอกลับบ้าน เราตัดสินใจที่จะลาออก บอกครอบครัวให้รับทราบ และหาอ่านตามกระทู้ต่างๆเรื่องของการลาออกจากงานภายใน 1 วัน จนเราตัดสินใจที่จะลาออกแบบจริงจัง
- เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปที่ทำงานแต่เช้า เพื่อที่จะไปลาออก และวันนั้น พี่ผู้จัดการเขาดันลาหยุด เราเลยไปขอเบอร์จากพี่ๆคนอื่น จากนั้นเราก็โทรลาออก และพี่เขาก็บอกกับเราว่า หนูไม่ได้เงินนะ เพราะอยู่ในช่วงฝึกงาน จากนั้นเราก็บอกขอโทษพี่เขาไปด้วย เพราะเรารู้สึกผิดจริงๆ ตอนแรกพี่ผู้จัดการเขาบอกให้เรากลับบ้านได้เลย แต่เราเห็นพี่คนอื่นๆ ยกของหนัก เราเลยอยู่ช่วยพี่ๆเขาก่อน จะไปทั้งอย่างนั้นก็แปลกๆอยู่ ตอนแรกเราว่าจะกลับก่อนที่รองผู้จัดการจะมา เพราะเรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่
- เราอยู่ช่วยพี่ๆเขา จนรองผู้จัดการมาถึง ก่อนหน้านั้นเราถามพี่คนนึงว่า หนูกลับได้ตอนไหนคะพี่ พี่เขาก็บอกว่าอย่ามาถามพี่เลย ไปถามพี่อีกคนดีกว่า ซึ่งก็คือรองผู้จัดการนั่นแหละค่ะ จากนั้นเราก็เดินไปถามพี่รองผู้จัดการ
เรา : พี่คะ หนูลาออกแล้ว สามารถกลับได้ตอนไหนคะ
รผจก. : ลาออกเมื่อไหร่
เรา : เมื่อเช้าค่ะ ประมาณ 07.00 น. โทรบอกพี่ผู้จัดการแล้วค่ะ
รผจก. : ก็ต้องทำจนเลิกงาน ถ้าจะไม่มาทำ ก็ต้องลาออกจากที่บ้าน ไม่ใช่มาทำงานแล้วจะออก (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
เรา : ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ
- หลังจากนั้น ได้มีสายโทรเข้ามาจากพ่อของเราช่วง 09.00 น. ว่าแม่อยู่โรงพยาบาล รีบมาด่วน เราตกใจมาก เลยรีบเดินไปบอกพี่รองผู้จัดการ
เรา : พี่คะ
รผจก. : ว่าไง (พอหันมาเห็นหน้าเรา ก็หันกลับไปทันที)
เรา : แม่หนูเข้าโรงพยาบาล ขอกลับก่อนได้ไหมคะ (ยกมือขึ้นไหว้เพื่อขออนุญาติ)
รผจก. : ได้ กลับเลย (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ พร้อมกับไม่หันมามองหน้ากันเหมือนเดิม)
เรา : พี่จะตรวจกระเป๋าหนูก่อนออกไหมคะ (เรารอคำตอบเขาอยู่นานพอสมควร)
รผจก. : ไม่ต้อง ไปได้เลย (พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ)
เรา : ขอบคุณค่ะ (ยกมือไห้ว แล้วรีบวิ่งมาเอาของออกไปเลย)
ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือ ทำไมต้องทำแบบนี้กับเรา เราเป็นเด็กไม่มีมารยาทมากพอหรือว่าอะไร แต่คนในครอบครัวเราประสบอุบัติเหตุเลยนะ เขาจะไม่เข้าใจกันเลยหรอ
เป็นยังไงบางคะ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครรึเปล่า แต่มันเป็นประสบการณ์ชีวิตของเราเลย (เราไม่ได้เงินนะคะ แต่ไปหาดูในยูทูป เขาบอกว่า ถึงเราจะทำงานวันเดียว นายจ้างก็ต้องจ่าย แต่เราไม่ติดใจอะไร เพราะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ที่ออกกระทันหัน)
#สาเหตุที่ออก เพราะต้องย้ายบ้านกระทันหัน และพ่อพึ่งโทรมาบอกให้รู้เมื่อตอนเย็นที่เราเลิกงานมาพอดี แถมแม่ยังเข้าโรงพยาบาลอีก#