สังขละบุรี อยากไปมานานแล้ว
ร้อยเรื่องเล่า ร้อยเรื่องราว ที่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ช่างน่าสนใจนัก เมื่อมีเวลาจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก 3 วัน 2 คืน เวลาไม่ได้มากมายเท่าไหร่ ช่วงที่ผมไปคือช่วง 8 - 10 มกราคม 2563 เอาจริง ๆ วันที่ 8 วันแรกของผมไม่รู้ว่าจะนับด้วยหรือเปล่า เพราะการเดินทางมันยาวนานมากจริง ๆ มาถึงก็เย็นเกือบจะค่ำแล้ว เก็บของออกจากห้องก็มืดพอดี ผมพักที่ สามประสบ ด้วยทำเลที่สวยงาม และทิวทัศน์จากห้องพัก ผมจึงตัดสินใจเลือกที่นี่ . . . จบคืนแรก
เช้าวันใหม่ เช้าแรกที่สังขละบุรี ตื่นเช้าไม่รอช้า ผมรีบข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งมอญ ผมออกจากห้องตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ระหว่างเดินข้ามสะพาน ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาอมชมพู
มองย้อนกลับไปที่พัก วันนั้น มีหมอกหนาจัด สวยงามไปอีกแบบ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าจะมีการเดินบิณฑบาตรบนสะพาน แอบผิดหวังเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร การใส่บาตรหน้าบ้านชาวบ้านก็ทำให้ได้บรรยากาศที่ดีในอีกรูปแบบหนึ่ง
ผู้คนเริ่มออกมากขึ้น เหมือนแสงสว่างที่ค่อย ๆ สว่างขึ้น
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว หมอกยังคงหนาอยู่ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ นะผมว่า
พระอาทิตย์เริ่มแจ่มชัดขึ้น ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น แต่น้ำยังค่อนข้างนิ่งอยู่
สะพานมอญ
รายละเอียดสถานที่ผมขอไม่ลงเยอะนะครับ เพราะหลาย ๆ ท่านที่เคยไปมาได้ลงรายละเอียดไว้ดีมาก ๆ แล้ว ผมขอเล่าอะไรที่เป็นเรื่องราวของผมแล้วกันนะครับ ^^
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว ผมมาถ่ายภาพเล่นบริเวณทานอาหารเช้าที่พัก สามประสบครับ ทำเลดีทีเดียว ลองดูครับ มุมจากที่พัก
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เตรียมตัวไปลงเรือกันครับ จุดนัดพบ
ผมได้ทำการจองเรือ 1 ลำสำหรับครอบครัว 5 คน กับเจ้าของบ้านที่ขายของใส่บาตรเมื่อตอนเช้าครับ ที่สังขละบุรี มีเรือหลายเจ้าครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่ได้ครับ ราคามาตฐาน 500 บาท สำหรับชม 3 วัด ครับ
หอระฆัง ของ วัดวังก์วิเวการาม(วัดชาวมอญ) วัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพ ชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญได้ร่วมก้นสร้างขึ้น
โบสถ์วัดวังก์วิเวการาม ช่วงที่มาน้ำยังมากอยู่ และตัวโบสถ์ก็พังไปมากแล้วจากกระแสน้ำที่พัดเข้าใส่
ใครที่สนใจสถาที่แห่งนี้รีบมาหน่อยก็ดีครับ
แล้วเรือก็พามาจอดยังที่ถัดไป
วัดสมเด็จ ทางขึ้นสูงเล็กน้อยเพราะตั้งอยู่บนเนินเขา พอให้ได้เหงื่อ
จบการเดินทางโดยเรือครับ ถ้าได้มาช่วงน้ำลดคงสนุกกว่านี้นะครับ
ผมเดินกลับที่พัก แล้วขับรถออกจากที่พักไปชม วัดวังก์วิเวการาม กับพระเจดีย์ทรงพุทธคยา ต่อครับ
ผมออกจากเมืองสังขละบุรีมุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ ไปจอดรถได้คุยกับคนแถวนั้น สรุปได้ไปพม่าเฉยเลยครับ ^^
จ่ายเงินทีเดียว เจ้าหน้าที่จัดการเรื่องการผ่านแดนให้หมดครับ
วัดเสาร้อยต้น
วัดเจดีย์ทอง
วัดพระนอน
และปิดท้ายด้วยตลาดครับ ใครสายบุญก็จัดได้ครับ
กลับมาพระเจดีย์สามองค์
ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ "หินสามกอง" เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย - พม่า
กลับมาริมน้ำ ช่วงเย็น ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า สวยงามมาก ๆ ครับ
ฟ้าสวย ๆ กับบรรยากาศบนสะพานไม้ครับ
เริ่มมืดแล้ว ลาค่ำคืนนี้ที่ริมแม่น้ำครับ
เช้าวันสุดท้ายก่อนกลับ เช้านี้ผมตั้งใจอยากไปเก็บบรรยากาศบนสะพานสังขละบุรีแล้วมองย้อนมาดู สะพานไม้ครับ ไม่ผิดหวังที่ตื่นเช้าแน่ ๆ ครับ
หมดแล้วครับ ที่ผมได้ไปสัมผัสสังขละบุรีมาก็จะประมาณนี้ครับ ผมเดินไปกลับบนสะพานไม้หลายรอบมาก ๆ เพราะที่พักอยู่ฝั่งนึง ไปหาของกินอีกฝั่งนึง 55 ได้เหงื่อ ๆ
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามานะครับ ขอบคุณครับ
ลาก่อน สังขละบุรี เมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ บางเวลาก็เต็มไปด้วยผู้คน
หมด โควิค 19 ไว้พบกันใหม่นะครับ สู้ ๆ นะครับ
[CR] Sangkhlaburi :: พาชมสังขละบุรีก่อนโควิค19มาเยือน โดย LMC
สังขละบุรี อยากไปมานานแล้ว
ร้อยเรื่องเล่า ร้อยเรื่องราว ที่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ช่างน่าสนใจนัก เมื่อมีเวลาจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก 3 วัน 2 คืน เวลาไม่ได้มากมายเท่าไหร่ ช่วงที่ผมไปคือช่วง 8 - 10 มกราคม 2563 เอาจริง ๆ วันที่ 8 วันแรกของผมไม่รู้ว่าจะนับด้วยหรือเปล่า เพราะการเดินทางมันยาวนานมากจริง ๆ มาถึงก็เย็นเกือบจะค่ำแล้ว เก็บของออกจากห้องก็มืดพอดี ผมพักที่ สามประสบ ด้วยทำเลที่สวยงาม และทิวทัศน์จากห้องพัก ผมจึงตัดสินใจเลือกที่นี่ . . . จบคืนแรก
เช้าวันใหม่ เช้าแรกที่สังขละบุรี ตื่นเช้าไม่รอช้า ผมรีบข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งมอญ ผมออกจากห้องตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ระหว่างเดินข้ามสะพาน ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาอมชมพู
มองย้อนกลับไปที่พัก วันนั้น มีหมอกหนาจัด สวยงามไปอีกแบบ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าจะมีการเดินบิณฑบาตรบนสะพาน แอบผิดหวังเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร การใส่บาตรหน้าบ้านชาวบ้านก็ทำให้ได้บรรยากาศที่ดีในอีกรูปแบบหนึ่ง
ผู้คนเริ่มออกมากขึ้น เหมือนแสงสว่างที่ค่อย ๆ สว่างขึ้น
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว หมอกยังคงหนาอยู่ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ นะผมว่า
พระอาทิตย์เริ่มแจ่มชัดขึ้น ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น แต่น้ำยังค่อนข้างนิ่งอยู่
สะพานมอญ
รายละเอียดสถานที่ผมขอไม่ลงเยอะนะครับ เพราะหลาย ๆ ท่านที่เคยไปมาได้ลงรายละเอียดไว้ดีมาก ๆ แล้ว ผมขอเล่าอะไรที่เป็นเรื่องราวของผมแล้วกันนะครับ ^^
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว ผมมาถ่ายภาพเล่นบริเวณทานอาหารเช้าที่พัก สามประสบครับ ทำเลดีทีเดียว ลองดูครับ มุมจากที่พัก
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เตรียมตัวไปลงเรือกันครับ จุดนัดพบ
ผมได้ทำการจองเรือ 1 ลำสำหรับครอบครัว 5 คน กับเจ้าของบ้านที่ขายของใส่บาตรเมื่อตอนเช้าครับ ที่สังขละบุรี มีเรือหลายเจ้าครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่ได้ครับ ราคามาตฐาน 500 บาท สำหรับชม 3 วัด ครับ
หอระฆัง ของ วัดวังก์วิเวการาม(วัดชาวมอญ) วัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพ ชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญได้ร่วมก้นสร้างขึ้น
โบสถ์วัดวังก์วิเวการาม ช่วงที่มาน้ำยังมากอยู่ และตัวโบสถ์ก็พังไปมากแล้วจากกระแสน้ำที่พัดเข้าใส่
ใครที่สนใจสถาที่แห่งนี้รีบมาหน่อยก็ดีครับ
แล้วเรือก็พามาจอดยังที่ถัดไป
วัดสมเด็จ ทางขึ้นสูงเล็กน้อยเพราะตั้งอยู่บนเนินเขา พอให้ได้เหงื่อ
จบการเดินทางโดยเรือครับ ถ้าได้มาช่วงน้ำลดคงสนุกกว่านี้นะครับ
ผมเดินกลับที่พัก แล้วขับรถออกจากที่พักไปชม วัดวังก์วิเวการาม กับพระเจดีย์ทรงพุทธคยา ต่อครับ
ผมออกจากเมืองสังขละบุรีมุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ ไปจอดรถได้คุยกับคนแถวนั้น สรุปได้ไปพม่าเฉยเลยครับ ^^
จ่ายเงินทีเดียว เจ้าหน้าที่จัดการเรื่องการผ่านแดนให้หมดครับ
วัดเสาร้อยต้น
วัดเจดีย์ทอง
วัดพระนอน
และปิดท้ายด้วยตลาดครับ ใครสายบุญก็จัดได้ครับ
กลับมาพระเจดีย์สามองค์
ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ "หินสามกอง" เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย - พม่า
กลับมาริมน้ำ ช่วงเย็น ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า สวยงามมาก ๆ ครับ
ฟ้าสวย ๆ กับบรรยากาศบนสะพานไม้ครับ
เริ่มมืดแล้ว ลาค่ำคืนนี้ที่ริมแม่น้ำครับ
เช้าวันสุดท้ายก่อนกลับ เช้านี้ผมตั้งใจอยากไปเก็บบรรยากาศบนสะพานสังขละบุรีแล้วมองย้อนมาดู สะพานไม้ครับ ไม่ผิดหวังที่ตื่นเช้าแน่ ๆ ครับ
หมดแล้วครับ ที่ผมได้ไปสัมผัสสังขละบุรีมาก็จะประมาณนี้ครับ ผมเดินไปกลับบนสะพานไม้หลายรอบมาก ๆ เพราะที่พักอยู่ฝั่งนึง ไปหาของกินอีกฝั่งนึง 55 ได้เหงื่อ ๆ
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามานะครับ ขอบคุณครับ
ลาก่อน สังขละบุรี เมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ บางเวลาก็เต็มไปด้วยผู้คน
หมด โควิค 19 ไว้พบกันใหม่นะครับ สู้ ๆ นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้