ฝ่ายค้าน อภิปรายดุ! รบ.กู้เงิน เยียวยาโควิด ไม่ใช่บุญคุณ ประชาชนใช้หนี้
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4213994
ฝ่ายค้าน อภิปรายดุ! "ส.ส.ครูมานิตย์" ลั่น รัฐบาลกู้เงิน เยียวยาโควิด ไม่ใช่บุญคุณ ประชาชนใช้หนี้ โวย ประเทศนี้คนจนเสียภาษีแล้วไม่ได้คืน เหมือนคนรวย!
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง มีนาย
ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม
เวลา 12.43 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา นาย
ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ก่อนปัญหาโควิด-19 มาถึง ประเทศไทยมีสองปัญหาใหญ่ คือปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้อง บริษัทยักษ์ใหญ่หนี ตึกเซ้งขายธุรกิจปิดกิจการเป็นเพราะรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว อย่าเอาโควิดมาเป็นผู้ร้าย
และปัญหาแฟลชม็อบที่เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษา ให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาประเทศ พอเริ่มเป็นกลุ่มก้อน ปัญหาสะสม เห็นใจนายกฯ ที่ต้องคิดหนัก เข้าใจว่า คงมีมือกฎหมายบอกว่า ใช้แค่ พ.ร.บ.ควบคุมโรคคงไม่ได้ ต้องคุมม็อบด้วย ท่านก็ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที ไม่ได้คิดแก้ปัญหา
จากนั้นก็เรียกให้กระทรวงการคลังเข้ามาเยียวยา สุดท้ายก็ชุลมุน เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดๆๆ หยุดๆๆ ไม่คิดให้ตกผลึก ไม่วางแผน ปิดไว้ก่อน ใช้ยาแรง อ้างโควิด-19 ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย จากนั้นก็มาตามมาด้วยเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์
ส่วนกระทรวงการคลังก็เยียวยาช้า ใครที่บอกว่า รมว.คลังทำงานรวดเร็ว ตนว่าไม่จริง วิกฤตแบบนี้ท่านต้องรีบจ่าย รีบช่วย แต่กลับมีเงื่อนไขมากมาย พออ่านข่าวในหนังสือพิมพ์เลยเชื่อสนิทใจว่าท่านเป็นมหาอุตม์ ขนาดคนในพรรคเองยังบอกว่าท่านช้าในการจ่าย นึกขึ้นได้ว่าท่านชื่ออุตตม เพราะท่านอุดไว้หมด
นาย
ครูมานิตย์ อภิปรายว่า ส่วนการทำงานนายกฯ ก็ใช้แต่ปลัดทำงานใน ศบค. รัฐมนตรีจะตกงานกันหมดแล้ว ส่วน พรก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทอย่าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณ ประกาศว่ารัฐบาลเอาเงินมาให้ นี่มันเงินชาวบ้าน เพราะเงินที่กู้มาทุกคนเป็นหนี้
วันนี้รัฐบาลกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และเงินค้ำประกันตราสารหนี้อีก 9 แสนล้านบาท มันจะกลายเป็นเงินกู้เมื่อคนกู้เบี้ยวหนี ดังนั้นอย่ามาโกหกว่าไม่ใช่เงินกู้ เงินกู้ฉบับหนึ่งล้านล้านบาทตนเต็มใจยกมือให้ เพราะสงสารชาวบ้านเกือบ 7 ล้านคน ที่ทนทุกข์เจ็บปวดทุกเรื่อง โดยที่รัฐบาลยังไม่มีแผนรองรับ
แต่ที่ตนลังเลคือเราต้องใช้หนี้ปีละ 5 หมื่นล้านบาท เป็นการทำลายการพัฒนาประเทศในอนาคตวันข้างหน้า เราอยู่ไม่กี่ผืนผ้า แต่ลูกหลานเราต้องสู้ ส่วนเงินกู้สองฉบับหลังตนคิดหนัก เพราะมีแต่เศรษฐี มีฐานะยังมีทุนอยู่ จึงอยากให้บันทึกไว้ว่าเป็นความสับสนแต่ตนจำใจ เพราะรัฐบาลเอาเงินเป็นตัวตั้ง เอาประชาชนมาเป็นเชลยในการขัง
เงินนี้ทุกบาททุกสตางค์เป็นสมบัติของประชาชน เราจะต้องชดใช้หนี้ตราบที่เรามีลมหายใจ คนจนในประเทศนี้เสียภาษีมากกว่าคนรวย เพราะเสียแล้วเสียเลย แต่คนรวยเสียภาษียังได้คืน ทำอย่างไรได้เมื่อเรามาเจอรัฐบาลแบบนี้ บริหารแบบนี้ เอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน
ส.ส.ก้าวไกล ลุกซัดรบ. คกก.กลั่นกรองเงินกู้ ไร้คนเชี่ยวชาญสธ.-ตัวแทนปชช. เข้าร่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2205848
ส.ส.ก้าวไกล ลุกซัดรบ. เก่งแต่ตั้งการ์ดรอวัคซีน ไม่มีหมัดสวน จี้ เปิดแบบมีกลยุทธ ต้องพร้อมเปิด-ปิดตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา บรรยากาศการอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน แก้วิกฤตโควิด นพ.
เอกภพ เพียรวิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า
การต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการตั้งการ์ดอย่างเดียวจนถึงยก 12 เพื่อรอหมัดน็อคจากวัคซีนมารักษา ตนมองว่า อาจจะแพ้ในวันสุดท้ายได้ เพราะงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทที่จะจัดสรรให้งานด้านสาธารณสุข แม้จะเท่ากับงบลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขถึง 4 ปี แต่หากเทียบกับวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.5% เท่านั้น ซึ่งในรายละเอียดเงินก้อนดังกล่าวก็มีเพียง 5 บรรทัดเท่านั้น ที่สำคัญคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้นั้น ไม่มีคนที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขและไม่มีตัวแทนจากประชาชนอยู่เลย ทั้งๆที่เป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทำไมไม่ให้ประชาชนและผู้แทนประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ส่วนการรับมือการปิดเมืองจำเป็นต้องมาพร้อมกับศักยภาพของสาธารณสุข เพื่อรับมือกับจำนวนคนไข้ที่อาจเพิ่มขึ้น โดยต้องมีการวางแผนให้กิจกรรมทางธุรกิจ สามารถเปิดได้อีกครั้ง และเมื่อมีการระบาดมากขึ้น ต้องมีความสามารถปิดเมืองได้อย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่การยืนหลังพิงเชือกตั้งการ์ดรอวันโดนน็อก แต่ต้องเป็นการตั้งการ์ดเพื่อรอวันออกหมัดสวน ดังนั้น การมีจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างที่สาธารณสุขรับมือไหว ไม่ถือว่ามีความผิดปกติ
JJNY : กู้เงินเยียวยาไม่ใช่บุญคุณ/ก้าวไกลซัดคกก.ไร้คนเชี่ยวชาญ/หมอเรวัติไล่เอารายละเอียดมา/ไทยชนะเข้าถึงรูป-ไฟล์บุคคล
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4213994
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม
เวลา 12.43 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ก่อนปัญหาโควิด-19 มาถึง ประเทศไทยมีสองปัญหาใหญ่ คือปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้อง บริษัทยักษ์ใหญ่หนี ตึกเซ้งขายธุรกิจปิดกิจการเป็นเพราะรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว อย่าเอาโควิดมาเป็นผู้ร้าย
และปัญหาแฟลชม็อบที่เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษา ให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาประเทศ พอเริ่มเป็นกลุ่มก้อน ปัญหาสะสม เห็นใจนายกฯ ที่ต้องคิดหนัก เข้าใจว่า คงมีมือกฎหมายบอกว่า ใช้แค่ พ.ร.บ.ควบคุมโรคคงไม่ได้ ต้องคุมม็อบด้วย ท่านก็ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที ไม่ได้คิดแก้ปัญหา
จากนั้นก็เรียกให้กระทรวงการคลังเข้ามาเยียวยา สุดท้ายก็ชุลมุน เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดๆๆ หยุดๆๆ ไม่คิดให้ตกผลึก ไม่วางแผน ปิดไว้ก่อน ใช้ยาแรง อ้างโควิด-19 ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย จากนั้นก็มาตามมาด้วยเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์
ส่วนกระทรวงการคลังก็เยียวยาช้า ใครที่บอกว่า รมว.คลังทำงานรวดเร็ว ตนว่าไม่จริง วิกฤตแบบนี้ท่านต้องรีบจ่าย รีบช่วย แต่กลับมีเงื่อนไขมากมาย พออ่านข่าวในหนังสือพิมพ์เลยเชื่อสนิทใจว่าท่านเป็นมหาอุตม์ ขนาดคนในพรรคเองยังบอกว่าท่านช้าในการจ่าย นึกขึ้นได้ว่าท่านชื่ออุตตม เพราะท่านอุดไว้หมด
นายครูมานิตย์ อภิปรายว่า ส่วนการทำงานนายกฯ ก็ใช้แต่ปลัดทำงานใน ศบค. รัฐมนตรีจะตกงานกันหมดแล้ว ส่วน พรก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทอย่าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณ ประกาศว่ารัฐบาลเอาเงินมาให้ นี่มันเงินชาวบ้าน เพราะเงินที่กู้มาทุกคนเป็นหนี้
วันนี้รัฐบาลกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และเงินค้ำประกันตราสารหนี้อีก 9 แสนล้านบาท มันจะกลายเป็นเงินกู้เมื่อคนกู้เบี้ยวหนี ดังนั้นอย่ามาโกหกว่าไม่ใช่เงินกู้ เงินกู้ฉบับหนึ่งล้านล้านบาทตนเต็มใจยกมือให้ เพราะสงสารชาวบ้านเกือบ 7 ล้านคน ที่ทนทุกข์เจ็บปวดทุกเรื่อง โดยที่รัฐบาลยังไม่มีแผนรองรับ
แต่ที่ตนลังเลคือเราต้องใช้หนี้ปีละ 5 หมื่นล้านบาท เป็นการทำลายการพัฒนาประเทศในอนาคตวันข้างหน้า เราอยู่ไม่กี่ผืนผ้า แต่ลูกหลานเราต้องสู้ ส่วนเงินกู้สองฉบับหลังตนคิดหนัก เพราะมีแต่เศรษฐี มีฐานะยังมีทุนอยู่ จึงอยากให้บันทึกไว้ว่าเป็นความสับสนแต่ตนจำใจ เพราะรัฐบาลเอาเงินเป็นตัวตั้ง เอาประชาชนมาเป็นเชลยในการขัง
เงินนี้ทุกบาททุกสตางค์เป็นสมบัติของประชาชน เราจะต้องชดใช้หนี้ตราบที่เรามีลมหายใจ คนจนในประเทศนี้เสียภาษีมากกว่าคนรวย เพราะเสียแล้วเสียเลย แต่คนรวยเสียภาษียังได้คืน ทำอย่างไรได้เมื่อเรามาเจอรัฐบาลแบบนี้ บริหารแบบนี้ เอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน
ส.ส.ก้าวไกล ลุกซัดรบ. คกก.กลั่นกรองเงินกู้ ไร้คนเชี่ยวชาญสธ.-ตัวแทนปชช. เข้าร่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2205848
ส.ส.ก้าวไกล ลุกซัดรบ. เก่งแต่ตั้งการ์ดรอวัคซีน ไม่มีหมัดสวน จี้ เปิดแบบมีกลยุทธ ต้องพร้อมเปิด-ปิดตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา บรรยากาศการอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน แก้วิกฤตโควิด นพ.เอกภพ เพียรวิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า
การต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการตั้งการ์ดอย่างเดียวจนถึงยก 12 เพื่อรอหมัดน็อคจากวัคซีนมารักษา ตนมองว่า อาจจะแพ้ในวันสุดท้ายได้ เพราะงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทที่จะจัดสรรให้งานด้านสาธารณสุข แม้จะเท่ากับงบลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขถึง 4 ปี แต่หากเทียบกับวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.5% เท่านั้น ซึ่งในรายละเอียดเงินก้อนดังกล่าวก็มีเพียง 5 บรรทัดเท่านั้น ที่สำคัญคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้นั้น ไม่มีคนที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขและไม่มีตัวแทนจากประชาชนอยู่เลย ทั้งๆที่เป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทำไมไม่ให้ประชาชนและผู้แทนประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ส่วนการรับมือการปิดเมืองจำเป็นต้องมาพร้อมกับศักยภาพของสาธารณสุข เพื่อรับมือกับจำนวนคนไข้ที่อาจเพิ่มขึ้น โดยต้องมีการวางแผนให้กิจกรรมทางธุรกิจ สามารถเปิดได้อีกครั้ง และเมื่อมีการระบาดมากขึ้น ต้องมีความสามารถปิดเมืองได้อย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่การยืนหลังพิงเชือกตั้งการ์ดรอวันโดนน็อก แต่ต้องเป็นการตั้งการ์ดเพื่อรอวันออกหมัดสวน ดังนั้น การมีจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างที่สาธารณสุขรับมือไหว ไม่ถือว่ามีความผิดปกติ