สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาเพื่อนไปตามรอย น้องเมย พี่เธียร ในอกเกือบหักหลงรักคุณสามี ที่พม่าค่ะ เราเดินทางช่วงเดือนสิงหาคม ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน โดยในครั้งนี้เราไปเฉพาะครอบครัว 3 คน พ่อ แม่ และ เรา โดยใช้ไกด์ท้องถิ่นที่พม่า การเดินทางเริ่มจาก สุวรรณภูมิ สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ เดินทางสู่สนามบินมัณฑะเลย์ แล้วเดินทางไปยัง พุกาม โดยรถตู้ ใช้เวลาจากมัณฑะเลย์ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ
ถึงแล้วสนามบินมัณฑะเลย์ ไกด์พม่า (แต่พูดภาษาไทย ชัดมาก ) พร้อมคนขับรถ รอรับอยู่ที่สนามบิน พร้อมแล้วก็ออกเดินทางไป พุกามกันเลย
ที่แรกในพุกาม เราแวะที่
เจดีย์วิหารธรรมยาจี (Dhammayangyi Temple)
เป็นวัดที่สร้างไม่เสร็จ และเป็นโบราณสถานที่ใครๆต่างก็กล่าวถึงวิธีการเรียงอิฐที่สวยงามเป็นระเบียบมากที่สุด ไม่มีใครเทียบได้ในอาณาจักรพุกาม
( ตามอ่านประวัติ เจดีย์วิหารธรรมยาจีได้ใน ตอนต่อไป )
แล้วเราก็มาถึงจุดชมวิวทะเลเจดีย์ พอมาถึงเป็นเวลาเย็นแล้ว บรรยากาศโรแมนติกอย่าบอกใคร
จบวันแรกด้วย อาหารมื้อค่ำสุดพิเศษ (เพราะทั้งร้านมีแค่ เรา สามคน ) พร้อมกับโชว์หุ่นกระบอกที่อลังการ ยอมใจมาก แค่ สามคน ก็โชว์นะจ๊ะ ถ่ายรูปกับนักแสดงเป็นที่ระลึก
เช้า วันที่ 2 เราเดินทางไปยัง พระเจดีย์ชเวสิกอง ( Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่นี่ยังเป็นที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายเถรวาท ในพุกาม
ด้านหน้า จะมีสาว ๆ พม่า ถือพวงมาลัยมาขาย สนนราคาที่พวงละ 20 บาท 1 พวง จะมี 4-5 พวงเล็ก
น้องเมย ไม่ช่ายยย นี่คงเป็นแม่น้องเมย ถ่ายรูปกับ พระมหาเจดีย์ เสื้อผ้า กลมกลืนมาก นางจัดไปจากไทยให้เข้ากับสถานที่นะจ๊ะ
พระธาตุที่สามารถมองเห็นทั้งองค์ สะท้อนในผิวน้ำ ด้านหน้า ซึ่งไกด์เล่าให้ฟังว่า เป็นกุศโลบาย ที่ทำให้ พระมหากษัตริย์ ที่เสด็จมาทรงสักการะพระเจดีย์ ต้องทรงถอดเครื่องทรงศรีษะ ออก เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าไม่ทรงถอดเครื่องทรงออก จะไม่สามารถมองเห็นพระเจดีย์ได้
วิหารไม้สัก ที่อยู่ด้านข้างองค์พระเจดีย์
เจดีย์ชเวสิกอง นี้มีความหมายว่า เจดีย์แห่งชัยชนะ ด้วยลักษณะที่เป็นเจดีย์ทองทั้งองค์ และสวยสง่างาม คนทั้งหลายจึงนิยมมาขอพร เพื่อความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน
ทองอลังการมาก สีทองวิบ ๆ วับ ๆ ตลอดองค์พระเจดีย์
เรามาต่อกันที่ วัดอนันดา (Ananda Temple) เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างขึ้นเมื่อปี 1091 ซึ่งเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในพุกาม มีรูปร่างสี่เหลี่ยม จตุรัส สิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้คือ ที่ช่องหลังคา เจาะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนที่องค์พระมีแสงสปอร์ตไลท์ตลอดเวลา
ด้านหน้าวัด จะมีร้านขายหุ่นกระบอก ศิลปะพม่า พบเห็นได้ทั่วไป
พระพุทธรูป ประจำทิศทั้ง 4 ในวิหาร พระพุทธรูป สร้างด้วยไม้สักทั้งต้นแกะสลัก และจะทำช่องให้แสงส่องสว่างเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ของพระองค์นั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา สร้างความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ
ใกล้ๆ วัด มีที่ถ่ายรูป เราก็เลยต้องจัดเสียหน่อย
ไปต่อกันที่ วัดมนุหา (Manuha Temple) หรือที่รู้จักในชื่อ วัดพระอึดอัด
พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์ของมอญได้สร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาเข้าตีเมือง เมืองสะเทิม เมืองหลวงของชาวมอญ แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีได้ถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบา ทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี พ.ศ. 1602 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนูหะ สร้างวัดมนูหะขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล กษัตริย์มอญจึงได้ทรงระบายความรู้สึกในพระราชหฤทัยของพระองค์ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากๆ จนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า “พระอึดอัด” มาจนถึงทุกวันนี้
ไกด์ชาวพม่าเล่าว่า ถ้ามองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ในระยะไกลๆ คือ จากด้านพระบาทของพระพุทธรูปไปยังพระพักต์ จะเห็นเหมือนพระพุทธรูปแย้มพระสรวล (ยิ้ม) แต่เมื่อเดินไปใกล้ๆจะเห็นเหมือนพระพุทธรูปทรงพระกรรณแสง (ร้องไห้) สะท้อนให้เห็นถึงกษัตริย์ผู้สร้าง คือ พระเจ้ามนูหะ(King Manuha) กษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยนั่นเอง
เดี๋ยวมาต่อ ภาค 2 นะจ๊ะ
ติดตาม EP 2 ต่อที่นี่ได้เลยจ้า
ตามรอย อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ไหว้พระขอพร มัณฑะเลย์ พุกาม EP 2
ตามรอย อกเกือบหักหลงรักคุณสามี ไหว้พระขอพร มัณฑะเลย์ พุกาม EP 1
ถึงแล้วสนามบินมัณฑะเลย์ ไกด์พม่า (แต่พูดภาษาไทย ชัดมาก ) พร้อมคนขับรถ รอรับอยู่ที่สนามบิน พร้อมแล้วก็ออกเดินทางไป พุกามกันเลย
ที่แรกในพุกาม เราแวะที่
เจดีย์วิหารธรรมยาจี (Dhammayangyi Temple)
เป็นวัดที่สร้างไม่เสร็จ และเป็นโบราณสถานที่ใครๆต่างก็กล่าวถึงวิธีการเรียงอิฐที่สวยงามเป็นระเบียบมากที่สุด ไม่มีใครเทียบได้ในอาณาจักรพุกาม
( ตามอ่านประวัติ เจดีย์วิหารธรรมยาจีได้ใน ตอนต่อไป )
แล้วเราก็มาถึงจุดชมวิวทะเลเจดีย์ พอมาถึงเป็นเวลาเย็นแล้ว บรรยากาศโรแมนติกอย่าบอกใคร
จบวันแรกด้วย อาหารมื้อค่ำสุดพิเศษ (เพราะทั้งร้านมีแค่ เรา สามคน ) พร้อมกับโชว์หุ่นกระบอกที่อลังการ ยอมใจมาก แค่ สามคน ก็โชว์นะจ๊ะ ถ่ายรูปกับนักแสดงเป็นที่ระลึก
เช้า วันที่ 2 เราเดินทางไปยัง พระเจดีย์ชเวสิกอง ( Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่นี่ยังเป็นที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายเถรวาท ในพุกาม
ด้านหน้า จะมีสาว ๆ พม่า ถือพวงมาลัยมาขาย สนนราคาที่พวงละ 20 บาท 1 พวง จะมี 4-5 พวงเล็ก
น้องเมย ไม่ช่ายยย นี่คงเป็นแม่น้องเมย ถ่ายรูปกับ พระมหาเจดีย์ เสื้อผ้า กลมกลืนมาก นางจัดไปจากไทยให้เข้ากับสถานที่นะจ๊ะ
พระธาตุที่สามารถมองเห็นทั้งองค์ สะท้อนในผิวน้ำ ด้านหน้า ซึ่งไกด์เล่าให้ฟังว่า เป็นกุศโลบาย ที่ทำให้ พระมหากษัตริย์ ที่เสด็จมาทรงสักการะพระเจดีย์ ต้องทรงถอดเครื่องทรงศรีษะ ออก เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าไม่ทรงถอดเครื่องทรงออก จะไม่สามารถมองเห็นพระเจดีย์ได้
วิหารไม้สัก ที่อยู่ด้านข้างองค์พระเจดีย์
เจดีย์ชเวสิกอง นี้มีความหมายว่า เจดีย์แห่งชัยชนะ ด้วยลักษณะที่เป็นเจดีย์ทองทั้งองค์ และสวยสง่างาม คนทั้งหลายจึงนิยมมาขอพร เพื่อความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน
ทองอลังการมาก สีทองวิบ ๆ วับ ๆ ตลอดองค์พระเจดีย์
เรามาต่อกันที่ วัดอนันดา (Ananda Temple) เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างขึ้นเมื่อปี 1091 ซึ่งเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในพุกาม มีรูปร่างสี่เหลี่ยม จตุรัส สิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้คือ ที่ช่องหลังคา เจาะเป็นช่องเล็ก ๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนที่องค์พระมีแสงสปอร์ตไลท์ตลอดเวลา
ด้านหน้าวัด จะมีร้านขายหุ่นกระบอก ศิลปะพม่า พบเห็นได้ทั่วไป
พระพุทธรูป ประจำทิศทั้ง 4 ในวิหาร พระพุทธรูป สร้างด้วยไม้สักทั้งต้นแกะสลัก และจะทำช่องให้แสงส่องสว่างเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ของพระองค์นั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา สร้างความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ
ใกล้ๆ วัด มีที่ถ่ายรูป เราก็เลยต้องจัดเสียหน่อย
ไปต่อกันที่ วัดมนุหา (Manuha Temple) หรือที่รู้จักในชื่อ วัดพระอึดอัด
พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์ของมอญได้สร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เมื่อพระองค์ตกเป็นเชลยของพระเจ้าอโนรธา เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาเข้าตีเมือง เมืองสะเทิม เมืองหลวงของชาวมอญ แล้วกวาดต้อนผู้คนมาที่พุกาม พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีได้ถูกคุมขังไว้ที่ มยินกาบา ทางใต้ของพุกาม และ ณ ที่นั้น ในปี พ.ศ. 1602 พระเจ้าอโนรธาทรงมีพระราชานุญาติให้พระเจ้ามนูหะ สร้างวัดมนูหะขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศล กษัตริย์มอญจึงได้ทรงระบายความรู้สึกในพระราชหฤทัยของพระองค์ในระหว่างที่ทรงถูกคุมขัง ด้วยการให้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่โตมากๆ จนคับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก และถูกเรียกขานว่า “พระอึดอัด” มาจนถึงทุกวันนี้
ไกด์ชาวพม่าเล่าว่า ถ้ามองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ในระยะไกลๆ คือ จากด้านพระบาทของพระพุทธรูปไปยังพระพักต์ จะเห็นเหมือนพระพุทธรูปแย้มพระสรวล (ยิ้ม) แต่เมื่อเดินไปใกล้ๆจะเห็นเหมือนพระพุทธรูปทรงพระกรรณแสง (ร้องไห้) สะท้อนให้เห็นถึงกษัตริย์ผู้สร้าง คือ พระเจ้ามนูหะ(King Manuha) กษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยนั่นเอง
เดี๋ยวมาต่อ ภาค 2 นะจ๊ะ
ติดตาม EP 2 ต่อที่นี่ได้เลยจ้า ตามรอย อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ไหว้พระขอพร มัณฑะเลย์ พุกาม EP 2