สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
หากเป็น Smartphone รุ่นปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่เกือบ 100% ใช้ chip Bluetooth
ของ Qualcomm ตระกูล CSR86xx มันจะเป็นการสื่อสารแบบ full duplex
ตามมาตรฐาน Class 2 Bluetooth device มันสามารถปรับกำลังส่ง
ให้สอดคล้องกับระยะไกล้-ไกลของตัวรับได้ ดังนั้น มันจะกินไฟขณะสื่อสาร
เพียง 3 - 10 มิลลิวัตต์ เท่านั้นเอง (แต่กำลังส่งสูงสุดจะมากถึง 100 มิลลิวัตต์)
ขณะที่หูฟังแบบ Jack 3.5 มม. (Impedance มาตรฐาน 32 Ohms)
จะกิน power ในความดังปกติเฉลี่ยประมาณ 50 - 80 มิลลิวัตต์
และตัว chip ขยายเสียงหูฟังซึ่งเป็น IC Class D audio amplifier ตัวเล็ก ๆ
มันก็กินไฟของมันเองประมาณ 30 มิลลิวัตต์ ด้วย .... รวมเป็นการกินไฟ
80 - 120 มิลลิวัตต์
หากเอาตามตัวเลขนี้ การฟังเพลงจาก Bluetooth จะประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าครับ
ของ Qualcomm ตระกูล CSR86xx มันจะเป็นการสื่อสารแบบ full duplex
ตามมาตรฐาน Class 2 Bluetooth device มันสามารถปรับกำลังส่ง
ให้สอดคล้องกับระยะไกล้-ไกลของตัวรับได้ ดังนั้น มันจะกินไฟขณะสื่อสาร
เพียง 3 - 10 มิลลิวัตต์ เท่านั้นเอง (แต่กำลังส่งสูงสุดจะมากถึง 100 มิลลิวัตต์)
ขณะที่หูฟังแบบ Jack 3.5 มม. (Impedance มาตรฐาน 32 Ohms)
จะกิน power ในความดังปกติเฉลี่ยประมาณ 50 - 80 มิลลิวัตต์
และตัว chip ขยายเสียงหูฟังซึ่งเป็น IC Class D audio amplifier ตัวเล็ก ๆ
มันก็กินไฟของมันเองประมาณ 30 มิลลิวัตต์ ด้วย .... รวมเป็นการกินไฟ
80 - 120 มิลลิวัตต์
หากเอาตามตัวเลขนี้ การฟังเพลงจาก Bluetooth จะประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าครับ
แสดงความคิดเห็น
ระหว่างฟังเพลงผ่านหูฟังสาย 3.5 ม.ม. กับฟังผ่านหูฟังบลูทูธ อันไหนเปลืองแบตมือถือมากกว่ากันครับ
-ฟังผ่านสาย 3.5 มือถือต้องใช้ไฟขับหูฟังโดยตรง
-ฟังผ่านบลูทูธ มือถือต้องส่งคลื่นบลูทูธตลอด
อันไหนกินแบตมือถือมากกว่ากันครับ