เนื่องจาก จขกท.เป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังมากๆ จึงอยากจะมาขอแชร์
ภาพยนตร์ 50 เรื่อง ที่จขกท.ชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยดูมา
แต่จะเป็นการแนะนำวันละเรื่อง กระทู้ของเราอาจไม่ใช่การวิเคราะห์
หรือวิจารณ์แบบกูรูเก่งๆ แต่เป็นการพูดเล่าต่อจากความรู้สึกส่วนตัว
ที่ได้ดูเท่านั้น เผื่อถ้าใครยังไม่ได้ดู ก็อยากแนะนำให้ดูในช่วงวิกฤตแบบนี้
จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญใดๆทั้งสิ้น วันนี้จะเป็นการนำเสนอหนังเรื่องที่ 7
7.Cape Fear กล้าไว้อย่าให้หัวใจหลุด ( 1991 )
โหมดหนัง : ภาพยนตร์ระทึกขวัญ / ขู่ขวัญทางจิตวิทยา
ความชอบส่วนตัว : 8/10
ภาพยนตร์คลาสสิคทริลเลอร์ระทึกขวัญสั่นประสาท ผลงานการกำกับของผู้กำกับระดับปรมาจารย์ของฮอลลีวู้ด มาร์ติน สกอเซซี่ ที่จับเอาดาราระดับพระกาฬ่ โรเบิร์ต เดอ นีโร , นิค โนลเด้ , เจสซิก้า แลงจ์ และดาวรุ่งมากฝีมือ จูเลียต ลูวิส มาโคจรปะทะฝีมือกันในเรื่องนี้ โดยตัวหนังสามารถเข้าชิงออสการ์ 2 สาขา ได้แก่ Best Actor , Best Supporting Actress แม้จะคว้ารางวัลมาไม่ได้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นต้นแบบหนังระทึกขวัญให้กับอีกหลายๆเรื่องต่อมา
ภาพยนตร์เรื่อง Cape Fear ถูกสร้างขึ้นในปี 1991 นั้นจริงๆ เป็นเวอร์ชันที่ถูกรีเมคมาจาก Cape Fear ฉบับดั้งเดิมในปี 1962 ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Cape Fear นั้นคือผลผลิตจากการสะท้อนจากการเปลี่ยนแปลงไปของอเมริกา เกี่ยวกับ ศีลธรรม จริยธรรม
เรื่องราวของคุณทนายความแสนดี แซม ที่มีชีวิตและครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กับเมียและลูกสาวที่น่ารัก และหมา 1 ตัว แต่ชีวิตที่สงบสุขของพวกเขากำลังกลายเป็นฝึนร้าย เมื่ออดีตนักโทษที่เพิ่งพ้นโทษออกมาอย่าง แม็กซ์ เคดี้ เขาต้องติดคุกอยู่นานถึง 14 ปี ในคดีที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ แต่ในคดีนั้นเขาไม่ได้เป็นคนลงมือเพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ แต่คุณทนายแซมเป็นคนทำคดีนี้ เขาทำสำเร็จและส่งตัวแม็กซ์ เคดี้เข้าคุกจนได้ แต่ในภายหลังเขาได้มารู้ว่าแท้จริงแล้วเคดี้ไม่ใช่คนลงมือและเขาส่งคนบริสุทธิ์เข้าคุก ถึงแซมจะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิดพลาดแต่ก็ไม่เคยคิดแก้ไขแม้แต่น้อย เพราะคิดถึงชื่อเสียงของเขามากกว่าสิ่งใดๆ
เคดี้แค้นแซมมาก ตลอดเวลาที่อยู่ในคุกเคดี้ฝึกฝนร่างกายและอ่านหนังสือกฏหมายต่างๆ ในตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะทำให้แซมได้ลิ้มรสคำว่านรกทั้งเป็น เคดี้ที่ออกจากคุกมาพร้อมไฟแค้นที่สุมอยู่เต็มอก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการคุกคามและความระทึกขวัญที่จะทำให้แซมและครอบครัวไม่มีวันลืมไปเลยชั่วชีวิต
ถึงแม้ว่าตอนจบภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอะไรหลายคนอาจเดาได้ตั้งแต่เริ่มเรื่องก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าหนังทำเราลุ้นได้แม้จะรู้จุดจบ จังหวะของเรื่องแต่ละ ฉาก ฉาก ฉาก มันเป๊ะ มันสมบูรณ์ บิ๊วท์ความหวาดระแวงได้ตลอดทาง โดยแทบไม่ต้องมีดนตรีคอยประโคมเป็นระยะ โดยเฉพาะช่วง20นาทีท้ายของเรื่อง ลุกแทบไปไหนไม่ได้เลย แถมหนังยังมีแง่คิดศีลธรรมต่างๆ ว่าที่เขาชั่วเพราะอะไร มันมีที่มาที่ไปที่ทำให้คนคนนึงเลวได้
พูดถึงนักแสดงหลักของเรื่อง และให้คะแนน
Robert De Niro - Cape Fear ( 5/5 )
เดอ นีโร เล่นบทนี้เข้าไปถึงจิตวิญญาณแบบสุดๆ ลืมภาพมาเฟียสุดหล่อไปเลย เล่นออกมาได้น่ากลัว ไม่น่าไว้วางใจ ขยะแขยงสุดๆ เขาแสดงออกถึงความแค้นในใจ แสดงออกถึงเหตุผลทำไมเขาถึงกลายเป็นคนแบบนี้ เล่นได้โรคจิตและเจ้าเล่ห์มากๆ จริงๆถ้าปีนั้นไม่เข้าชิงปีเดียวกับ แอนโทนี่ ฮอปกินส์ อยากให้เดอนีโรได้นำชายจากเรื่องนี้ไปด้วย เล่นได้แสบสันเขย่าขวัญน่าเกลียดดีจริง
Nick Nolte - Cape Fear ( 4/5 )
ภายนอกดูเหมือนคนดีแต่จริงๆเขาก็มีความเห็นแก่ตัวลึกๆในใจ แสดงออกถึงความเป็นสีเทาๆ ข้อดีคือยังรักลูกรักเมีย ตลอดทั้งเรื่องเขาเล่นให้คนดูใจหายตามเขา ที่ระแวงเดอนีโร หวาดกลัว หวั่นใจ และต้องการจะเอาชนะให้ได้
Jessica Lange - Cape Fear ( 4/5 )
ปกติก็ชื่นชอบเจสซิก้าแลงจ์มากอยู่แล้ว เธอเป็นคนมีเสน่ห์ทางการแสดง บทนี้มีทั้งความสวย เซ็กซี่ ความเป็นแม่ แสดงออกมาได้สมบทบาทความเป็นแม่ ความเป็นห่วงสามี และพร้อมที่จะสู้แบบไม่เกรงกลัว ตอนที่เธอปกป้องลูก เล่นดีมากๆ สวมวิญญาณความเป็นแม่อย่างเต็มลึกในจิตใจ
Juliette Lewis - Cape Fear ( 4.5/5 )
บทนี้เป็นบทแจ้งเกิดเธอในฐานะนักแสดงดาวรุ่งมากฝีมือ แคสมาได้ดีมาก เพราะหน้สตาเธอก็มีส่วนคล้ายเจสซิก้าแลงจ์ แรกๆเราอาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันดูโง่จัง เพราะพื้นฐานตอนแรกปูมาแบบนี้ แต่พอผ่านไปเรื่อยๆเธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนนึง ที่อยากจะทำในสิ่งที่อยากทำ อยากลอง ขนาดเดอนีโรยังไม่อยากฆ่าเธอเลย ช่วงท้ายๆเรื่องเล่นได้ดีมาก เป็นตัวแปรเกมเลย
เมื่อใดที่ศีลธรรมถดถอย เมื่อนั้นปีศาจ หรือผีห่า ซาตานที่เดินอยู่กับเราบนถนนก็จะมากขึ้น และทักทายเราด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
( The 50 best movies of all time ) ## แนะนำหนังวันละเรื่อง ## " Cape Fear " เคยดูกันหรือยัง ?
ภาพยนตร์ 50 เรื่อง ที่จขกท.ชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยดูมา
แต่จะเป็นการแนะนำวันละเรื่อง กระทู้ของเราอาจไม่ใช่การวิเคราะห์
หรือวิจารณ์แบบกูรูเก่งๆ แต่เป็นการพูดเล่าต่อจากความรู้สึกส่วนตัว
ที่ได้ดูเท่านั้น เผื่อถ้าใครยังไม่ได้ดู ก็อยากแนะนำให้ดูในช่วงวิกฤตแบบนี้
จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญใดๆทั้งสิ้น วันนี้จะเป็นการนำเสนอหนังเรื่องที่ 7