ขอบคุณ “อุ้มรักเกมลวง” ที่ทำให้เรามูฟออนจากอดีต 5 ปีได้

ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราเขียนไม่เก่ง อาจจะงงๆ บ้าง
 
 
 
เราไม่ใช่คอละครค่ะ ปีนึงดูไม่กี่เรื่อง ล่าสุดดูเรื่องกรงกรรม และปกติไม่เล่นพันทิป จะเข้ามาอ่านเฉพาะเวลามีเรื่องสนใจ
 
 
 
ตอนแรกเราไม่คิดจะดูเรื่องนี้เลย เห็นผ่านๆ ในยูทูปก็คิดแค่ว่าพี่กบแสดงเรื่องใหม่ น่าสนุกดี จนกระทั่งได้ฟังเพลง ทำไมต้องเป็นฉัน ของมาเรียม เราสะดุดใจมากเพราะมันถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของเราออกมาหมด เราเลยตามไปดูละครย้อนหลัง
 
 
 
ตอนที่ดูละคร เราอินกับกชมนมากค่ะ จนเห็นภาพตัวเองซ้อนทับลงไป
 
 
 
เราเลิกกับแฟนคนหนึ่งมา 5 ปี 2 เดือน แต่ขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ ประเด็นมีแค่ เราทะเลาะกันรุนแรงมากชนิดไม่เผาผีกันแน่ๆ แต่สิ่งที่เราค้างคาใจคือที่เขาบอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะเราผิด เราจะต้องใช้เวรใช้กรรม
 
 
 
ประโยคนี้แหละค่ะที่ติดในใจเรามาตั้งแต่วันนั้น และไม่เคยมีสักวันที่เราจะลืมคำนี้ลง ไม่ใช่เพราะเรายอมรับหรือไม่ยอมรับว่าเราผิด แต่มันมีคำถามว่า ทำไมมีแต่เราคนเดียวที่ผิดด้วย ทำไมตอนเขาทำเราเจ็บเขาไม่พูดถึง มันไม่ยุติธรรมกับเราที่ต้องถูกประนามแบบนี้
 
 
 
ช่วงแรกที่เลิก เราเกือบเป็นซึมเศร้ารอบสองค่ะ แต่เรามีนิสัยคล้ายกชมนหลายอย่าง อย่างเรื่องมีทิฐิสูง ทำตัวเชิดๆสร้างกำแพง เราทำหมดค่ะ เราไม่อยากอ่อนแอ เราไม่ถึงขั้นเหวี่ยงวีนนะคะ ถ้าเลือกได้จะเลือกอยู่คนเดียว เก็บตัว มีอัธยาศัยกับคนอื่นแบบผิวเผินมากกว่า มันก็ดีตรงที่เราไม่ถึงกับป่วยจนต้องกินยา ใช้ชีวิตต่อได้ แต่เราไม่ลืม แล้วหลังจากนั้นเราก็มีแฟนใหม่หนึ่งคนกับจีบๆ กันอีกหนึ่งคนค่ะ ดีมากทั้งคู่ แต่ก็เลิกกันเพราะเรารู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะมีใครใหม่
 
 
 
ทางฝั่งแฟนคนนั้นก็มีใหม่เหมือนกันค่ะ เราไม่ได้ตามนะคะว่าเปลี่ยนไปกี่คน แต่เห็นว่าเขาน่าจะมีความสุขดี
 
 
 
พอได้ยินข่าวว่าเขามีความสุขดี ใจเราก็เป็นทุกข์ทุกครั้งว่า ทำไมเขาลืมสิ่งที่เขาทำกับเราไว้แล้วมูฟออนไปได้ แต่ทำไมเราถึงลืมไม่ได้ทั้งสิ่งที่เราโดนทำและสิ่งที่เราทำเขาไว้
 
 
 
เราไม่ได้อยากให้เขามาขอโทษนะคะ ถึงเขาขอโทษเราก็คงจมอยู่ดี เพราะแผลมันเกิดแล้ว เราแค่เสียใจที่เราไม่ยอมหยุดคิด
 
 
 
เหมือนในเพลงเลยค่ะ พยายามอภัยให้เขา พยายามยินดีกับเขา ทุกอย่างที่มีคนบอกคนสอน เราลองทำ แต่ใจก็ไม่เป็นสุข เหมือนกับว่ามันขาดอะไรไป
 
 
 
เวลาดูละครเราต้องปิดห้องดูคนเดียว เพราะไม่รู้ว่าซีนไหนที่ละครจะทำให้เราน้ำตาซึม เราทำใจแข็งมาตั้งแต่วันที่เลิกกับเขา ร้องไห้ให้พอแล้วสั่งตัวเองว่าจะไม่อ่อนแอร้องไห้อีก เราทำได้ค่ะ เราร้องไห้อีกสองครั้งหลังจากนั้น แต่ร้องไห้เพราะสงสารคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองเราจะเชิดหน้าฮึบไว้
 
 
 
จนกระทั่งเราดูไปถึงตอนที่กชมนนั่งคุยกับเด็กในท้องคนเดียวในห้อง ที่คุยกันว่าเหมือนถูกทิ้งเลยเนอะ ตอนนั้นเราสมเพชมาก ไม่ใช่สมเพชกชมนหรอกค่ะ สมเพชตัวเองนี่แหละ ใจมันบีบจนสะอื้น
 
 
 
ยอมรับค่ะว่าอินกับบทมาก เราเข้าใจกชมนเลย เพราะอยู่ในสภาวะคล้ายๆ กัน แต่ไม่ใช่ว่าแฟนเก่าคนนั้นกลับมานะคะ ไม่ถึงขั้นนั้น คล้ายๆ ตรงที่ว่า กชมนถูกคนอื่นคาดหวังสารพัดอย่าง แต่ไม่มีใครตอบความคาดหวังของกชมนเลย
 
 
 
แค่เป็นห่วงกชมนจริงๆ แบบที่เธอเป็นเธอ... ไม่มีเลยค่ะ นอกจากฉากที่อาเธอร์ยื่นยาดมให้เพราะเห็นท่าจะไม่ไหว
 
 
 
ส่วนคนอื่น ต่างบอกให้เธอดูแลตัวเองให้ดีเพื่อ “เด็กในท้อง” ซึ่งเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่นะคะ ลูกคลอดแล้วก็ต้องให้สิบทิศกับปิ่นปักเอาไป ส่วนเด็กของเธอก็ต้องให้เจ๊เพียงกับบ๊อบเอาไปดูแล (เรามองแบบธรรมดาๆ เลยค่ะ อย่างกรณีการอุ้มบุญทั่วไปที่เขาจะปิดข้อมูลเรื่องไข่เรื่องสเปิร์มไว้ เพื่อไม่ให้มีปัญหาครอบครัวในภายหลัง) ไม่มีใครบอกเลยว่าเกี้ยวดูแลตัวเองดีๆ หน่อย คนท้องน่ะสุขภาพเสื่อมโทรมง่ายนะ แล้วต้องรักษาจิตใจให้เบิกบานไว้ สุขภาพกกายใจหลังคลอดจะได้ดี ทุกคนห่วงแต่เด็กของตัวเองมากกว่าห่วงกชมน ทุกคนอยากให้กชมนแสดงความรับผิดชอบไม่ใช่ความรัก
 
 
 
ที่เลวร้ายที่สุดคือ ถึงคนอื่นจะไม่รักเธอมากอย่างที่เธอต้องการก็ไม่เป็นไร เธอกลับไม่รักตัวเองด้วยนี่สิ
 
 
 
กชมนปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตแบบเสี่ยงต่อความเจ็บปวดทั้งทางกายทางใจ เราอินจนอยากเข้าไปในจอแล้วสะกิดกชมนว่า รักตัวเองมากกว่านี้หน่อย แล้วเดินไปจากจุดนี้เถอะ
 
 
 
ตอนนี้แหละค่ะที่เรารู้สึกตัวว่ามันเป็นคำพูดที่เราอยากพูดกับตัวเอง
 
 
 
เราคิดถึงเนื้อเพลงที่ร้องว่า ...เธอออกเดินทางไปแล้วตั้งไกล แต่ฉันยังไม่ไปไหน... มันทำให้เราทบทวนว่าทำไมเราถึงเลือกจมอยู่ตรงนี้ตั้งห้าปี
 
 
 
ไม่ใช่ว่าไม่อยากลืม ไม่ใช่ว่าไม่อยากมูฟออน อยาก อยากมาก แต่มันทำไม่ได้ สมองมันไม่เลิกคิด บอกใครก็ไม่ได้ พูดกับใครก็ไม่ออก ได้แต่เก็บไว้คนเดียว เพราะทุกทีมีแต่คนมาปรึกษาขอคำแนะนำ พอเอาเรื่องเราไปปรึกษาบ้างก็มีสีหน้าเอือมๆ ใส่ หรือไม่ก็เปลี่ยนเรื่องเฉยๆ ให้รู้ว่าไม่อยากพูดต่อ..เราเข็ด
 
 
 
ยิ่งช่วงแรกที่ยังต้องเจอ แล้วเขาก็ยังยิ้มแหะๆ เข้าหาเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น มันปวดใจมากเลยนะคะ ปวดบีบจนกินข้าวไม่ลง ร้องไห้ไม่ออก เราถึงขั้นบอกไปเลยว่า ถ้าไม่อยากผิดใจกันมากกว่านี้ (ก็คงไม่น่ามากกว่านั้นแล้วล่ะ555) ก็อย่ามาให้เจอ อย่าให้เห็นแม้แต่เงา อย่ามาทำดีด้วย เพราะเราเจ็บ.. คนที่มูฟออนไม่ได้รู้สึกอย่างนี้แหละค่ะ อาจดูโง่ในสายตาคนมูฟออนไวปล่อยวางเป็น พร้อมเป็นเพื่อนกับแฟนเก่านะคะ เราก็คงโง่จริงแหละค่ะ ยอมรับ
 
 
 
ความเสียใจซ้ำๆ มันกลายเป็นความเฉยชาในที่สุด เราลองทบทวนตัวเองแล้วเราถึงรู้ว่า เราปล่อยให้ตัวเองผุพังทรุดโทรมมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาขนาดไหน เราบิดเบี้ยวจนเราทุเรศตัวเองมาก
 
 
 
เราไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือแบบนี้อีกแล้ว เราไม่อยากเป็นแบบกชมนที่ไม่มีความสุข เห็นหน้าอมทุกข์ของกชมนเหมือนเราเห็นหน้าตัวเราเอง
 
 
 
เราอยากออกเดินทางบ้าง
 
 
 
เราก็เลยมาคิดว่า ปัญหาของเรามีอะไรบ้าง ก่อนอื่นเราต้องแก้ปัญหาเรื่องความคิดของเราก่อน อย่างที่บอกว่าเราคิดถึงแต่เรื่องในอดีตวนๆ ซ้ำๆ ใช่ไหมคะ เราเลยเลือกวิธีที่จะทำให้ไม่ต้องคิด ด้วยการพูดกับตัวเองด้วยประโยคดีๆประโยคหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาทั้งวัน จนในหัวไม่เหลือเรื่องนั้นให้คิด แล้วเราก็สบายใจด้วยเพราะมันเป็นคำพูดที่ดี
 
 
 
เราหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เริ่มจากการพักผ่อน ปกติเราพักผ่อนน้อย ช่วงไหนที่ได้พักมากเราก็พักแบบไม่มีคุณภาพเราเลยปรับให้ตัวเองมีเวลาพักผ่อนเพียงพอ ให้ตัวเองผ่อนคลายอย่างการเดินเล่นช่วงเย็นๆ ค่ำๆ และนอนหลับเป็นเวลาก่อนเที่ยงคืน
 
 
 
เราสำรวจสิ่งของส่วนตัวของเรา อะไรที่เก่าแล้ว พังแล้ว ที่เราเก็บมานาน และอดทนใช้มันอยู่เพราะขี้เกียจหามาใหม่เราทิ้งค่ะ เราทำตามหนังสือที่บอกให้ขอบคุณเขาก่อนแล้วทิ้งเขา แล้วเราก็หาของใหม่ที่เราอยากได้จริงๆ เท่าที่ความพร้อมของเราจะอำนวยมาแทน
 
 
 
เราดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ไม่หักโหม ทำเพราะถือว่าเป็นการเล่นสนุกให้สมองปลอดโปร่ง
 
 
 
เราทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้นด้วยค่ะ
 
 
 
แล้วเราก็เปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน ตอนนี้เราไม่ได้ทำงานเนี้ยบเพื่อพิสูจน์ตัวเองหรืออวดตัวเองแล้ว เรายังทำงานละเอียดอยู่ แต่ด้วยแรงจูงใจว่า เพื่อนร่วมงานเราจะได้ทำงานง่ายขึ้น ลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ดีและะมีความสุขกลับไป
 
 
 
เราเล่นกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น จากเมื่อก่อนเราไม่สนใจมัน ถ้าอยากเล่นก็คว้ามากอด ไม่ได้แคร์หรอกว่ามันจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ตอนนี้เราคุยกับมันบ่อยๆ คอยศึกษาพฤติกรรมมัน ไม่บังคับค่ะ แล้วเราก็หันเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น อยู่กับต้นไม้ ผัก
 
 
 
หลายวันแล้วนะคะที่ทำได้แบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจมากเลยค่ะ เรานอนหลับสนิท รู้สึกดีกับตัวเองรู้สึกภูมิใจในตัวเอง เราว่าเราเป็นอิสระและมีความสุขมากขึ้น
 
 
 
นี่เป็นแค่ขาข้างแรกค่ะที่ก้าวออกมาจากจุดเดิม แต่เราเชื่อว่าเราจะค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าวจนสามารถออกเดินทางครั้งใหม่ได้ในที่สุด
 
 
 
ขอโทษที่เสียเวลาเล่ามาตั้งนานนะคะ แต่ทั้งหมดนี้คืออยากขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพี่กบ พี่ดอม พี่ป้อง พี่โดนัท ทีมนักแสดง ผู้กำกับ ผู้จัด ทีมงาน คนเขียนบท นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี ทุกคนที่มีส่วนในการทำละครเรื่องนี้ รวมถึงคอมเม้นต์ดีๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ตัวละครกชมนจนเราเห็นตัวเราเองในมุมอื่นด้วยมากๆ นะคะ มันอาจจะเป็นแค่ละครเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับเรา มันเป็นแรงบันดาลใจให้เรามูฟออนออกจากความทุกข์ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ และที่เราต้องตั้งกระทู้นี้เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะส่งสารนี้ยังไงดี เลยได้แต่มาโพสต์ที่นี่เพราะหวังว่าทีมงานจะได้เห็นคำขอบคุณของเรา
 
 
 
ขอบคุณจริงๆ นะคะ สัญญาว่าจะตามดูสดจนจบค่ะ ไม่ว่าในอนาคตบทจะเป็นยังไงก็ตาม (แต่แอบหวังให้กชมนมูฟออนนะคะ 555)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่