ทำ Google Ads ด้วยตัวเองลองทำตามกันดูครับ เพื่อมีประโยชน์

วันนี้ผมจะมาแนะนำ วิธีการทำ Google AdWords ด้วยตัวเอง ให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปปฏิบัติตามกันดูครับ เผื่อใครอยากได้แนวทางที่อยากทำให้ค่าคลิกนั้นถูกลง หรือได้เพิ่มยอดขายขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยฮะ อาจจะต้องใช้เวลาในการศึกษาสักนิดครับ มีอะไรบ้างนั้นลองมาดูกัน

ทำความรู้จักกับ Google AdWords กันก่อนดีกว่า
Google Adwords เป็นเครื่องมือทำมาหากินของกูเกิ้ลเขาแหละครับ หน้าที่ก็คือการสร้างรายได้จากการให้ทุกคนได้เข้าไปทำโฆษณากัน ภายในก็จะแบ่งออกมาได้หลายแบบด้วกัน เช่น Google Search (SEM), Google Display (GDN), Youtube Advertising, Discovery Ads, Gmail Ads หรือ Universal App Campaign ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำแบบไหน แต่ในวันนี้เราจะมาเน้นการเริ่มต้นทำ Campaign ประเภท SEM กัน

เริ่มทำความเข้าใจกับ Campaign Structure
เพื่อที่จะทำให้แคมเปญของคุณนั้นประสบผลสำเร็จและยิ่งทำ Google Ads ด้วยตัวเองแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญเลยละครับ เพราะมันจะทำให้แคมเปญของคุณไม่เสียเงินมากจนเกินไป Campaign Structure หรือโครงสร้างของมันก็จะมีความสำคัญมากๆ เลยละ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินให้กับกูเกิ้ลมากจนเกินไป โดยแคมเปญที่ดีควรมีรูปแบบเหมือนภาพด้านล่าง

จากภาพด้านบนขออธิบายนิดนึง สมมติว่าเราได้รับหน้าที่ในการสร้างแคมเปญให้กับผู้บริการด้านการประกันภัยเจ้าหนึ่ง และเขาเป็นตัวแทนหรือเรียกกันว่าโบรกเกอร์ เราก็จะแบ่งแคมเปญออมาเป็น 2 แบบด้วยกัน แบบแรกเราเจาะกลุ่มเป้าหมายสำหรับคนที่หาคำว่า ประกันภัยรถยนต์ โดยในแคมเปญนั้นเราก็จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอีก อย่างในภาพก็ ประกันภัยรถยนต์ และ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะเราเชื่อว่าคนที่หาคีย์เวิร์ดสองคำนี้คาดหวังที่จะเจอคำโฆษณาที่ต่างกัน รวมทั้งเรามีความต้องการที่จะทำให้คีย์เวิร์ดของเรามีคะแนนคุณภาพที่สูง นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น แต่ละคนมักจะมีโครงสร้างของแคมเปญที่ต่างกันออกไป และไม่มีทางเหมือนกัน

เข้าใจหลักการใช้ Keyword Match Type
มาต่อกันด้วยที่เรื่องของ Keywords ที่เราจะเลือกมาใช้ อันนี้ก็ขอตัวอย่างจากโครงสร้างด้านบนที่เราเจาะจงเป็นบริษัทด้านการประกันภัย และคีย์เวิร์ดที่เราจะใช้ก็คงจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ หรือ ประกันภัยถรยน์ชั้น 1 เป็นต้น เราได้คีย์เวิร์ดมาแล้วอย่าเอามาสร้างแคมเปญเลยนะครับ เพราะไม่เช่นนั้นกูเกิ้ลอาจจะได้เงินเราฟรีๆ เราต้องเอาคีย์เวิร์ดมาจัดการ Moifier ให้เป้น Match Type ต่างๆ กันก่อน โดยมันจะแบ่งออกเป็น Broad, Broad Match Modifier (BMM), Exact และ Phrase ดูภาพด้านล่างเป็นตัวประกอบ



Broad - แบบแรกเป็นการที่เราจะให้สิทธิ์กับทางกูเกิ้ลได้เจาะกลุ่มเป้าหมายได้กว้างที่สุด โดยเรามุ่งหวังจะเจาะด้วยคำว่า ประกันภัยรถยนต์ ถ้าเราใช้แบบแรกมันก็มีโอกาสที่จะเจอคำผิด รวมทั้งอาจจะเจอคำอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกันรถยนต์เลยก็ได้

Broad Match Modifier (BMM) - แบบที่สองจะเหมือนกับ Broad แต่มีข้อแม้ว่าทุกคนค้นหาจะต้องมีคำตั้งต้นอยู่ด้วย เช่น เราใช้คีย์เวิร์ดว่า ประกันภัยรถยนต์ และถ้าใช้เป็น BMM ระบบก็จะมองหาคนที่หาด้วยคีย์เวิร์ดที่มีคำว่า ประกันภัยรถยนต์ โดยจะไม่มองหาคำอื่นๆ ที่ไม่มีคำนี้ รวมทั้งจะไม่มองหาคำผิดอีกด้วย

Phrase Match - แบบนี้จะเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ไม่กว้างสักเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับสองแบบแรก แต่มันก็ยังพอที่จะหากลุ่มเป้าหมายได้ โดยมันจะทำงานไม่ต่างจาก BMM เท่าไหร่นัก แต่รูปแบบต่างกัน เช่น เราใช้คำว่า ประกันภัยรถยนต์ และได้ทำเป็น Phrase Match รูปแบบของคำค้นหาก็จะเป็น ซื้อประกันภัยรถยนต์ หรือ ประกันภัยรถยนต์ ราคาเท่าไหร่ เป็นต้น ลองสังเกตุดูว่าคำว่า ประกันภัยรถยนต์ จะอยู่ด้านหน้าหรือหลังของรูปแบบประโยค ซึ่งจะต่างจาก BMM ที่มันจะอยู่ตรงไหนก็ได้

Exact Match - เจาะตรงกลุ่มมากที่สุด โดยจะไม่มองหาหรือสรรหาคำอื่นๆ แต่ในปัจจุบันเริ่มปรับให้มีคำใกล้เคียงเข้ามาแล้ว โดยถ้าเราใช้เป็น ประกันภัยรถยนต์ ละทำเป็น Exact Match มันก็จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่หาด้วยคีย์หรือคำๆ นี้เท่านั้น 

สำหรับเทคนิคด้านอื่นๆ ลองอ่านในบล็อกของผมดูก็ได้ครับ https://digi-era.co/google-ads-step-by-step/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่