หลังจากที่ชวนดูซีรี่ส์ใต้หวัน เรื่อง Wake Up (2015) แล้ว คราวนี้มาชวนดูภาคต่อของเรื่อง คือ Wake Up 2 (2017) กันต่อเลยนะคะ
Wake Up 2 (麻醉風暴2) ฉายในปี 2017 เป็นที่มีซีรี่ส์ใต้หวัน ในแบบ Medical Drama สืบสวน สอบสวน อย่างเต็มรูปแบบ มีทั้งหมด 13 ตอน เป็นภาคต่อมาจากเรื่อง Wake Up ซึ่งเซ็ทอัพต่อจากภาคที่แล้ว 5 ปีต่อมา ซึ่งยังคงมีนักแสดงนำคนเดิมจากภาคที่แล้ว และเพิ่มนักแสดงนำหน้าใหม่ที่ได้แก่ Lego Lee และ Summer Meng มาร่วมแสดงในเรื่องอีกด้วย คุณสามารถรับชมได้ทาง NetFlix นะคะ ที่เขาจะฉายต่อเนื่องกันไปสองภาค คือภาคแรก และภาค 2 ติดต่อกันไปเลยค่ะ
Wake Up 2 เป็นทีมีซีรี่ส์ใต้หวัน เรื่องแรกที่นำทีมไปถ่ายทำที่ประเทศแถบตะวันออกกลางคือ จอร์แดน ซึ่งทางคณะถ่ายทำได้ใช้สถานที่ของค่ายอพยพ ในเขตตอนเหนือของแม่น้ำจอร์แดน และซีเรีย เพื่อมีจุดประสงค์จะเผยแพร่การทำงานของอาสาสมัคร และบุคลากรทางการแพทย์ ในค่ายอพยพ ในการช่วยเหลือมนุษยชนในดินแดนตะวันออกกลาง มีฉากการระบิดรถไฟใต้ดินในเขต Kaohsiung ซึ่งถ่ายทำกันที่ Taoyuan HSR station และการสานต่อจุดประสงค์ที่ต้องการบ่งบอกถึงการคอรับชั่นในระบบ National Public Healthcare อีกด้วย
Wake Up 2 มีประโยคประจำเรื่องก็คือ "Never Give Up" ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประโยคในการ สร้างเสริมพลังและกำลังใจ ในการทำงานของหมอและบุคคลากรทางการแพทย์แล้ว แต่ยังเป็นคำถามเตือนใจของเขาเหล่านั้น ในยามที่เขาท้อถอยว่า เขาจะก้าวไปต่อ หรือจะถอยหลังดี ด้วยความยาว 13 ตอนที่มากกว่าภาคแรก Wake Up 2 ใช้งบประมาณในการถ่ายทำถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับภาคแรก มากถึง NT$60 ล้านเหรียญ ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะหมดไปกับการถ่ายทำในต่างประเทศ, การจ้างตัวประกอบ, และจ้างบุคคลากรทางการแพทย์ในด้านๆต่าง ที่มาให้คำปรึกษา ในการถ่ายทำที่ให้สมจริง ในการถ่ายทำฉากในห้องผ่าตัดอีกด้วย
Wake Up 2 เป็นเรื่องต่อจากภาคแรก 5 ปีต่อมา เมื่อ เซียว เซียงซัน คุณหมอรมยา (anaesthesiologist) จากโรงพยาบาล Ren Xin Hospital ได้กลายมาเป็น คุณหมออาสาสมัครในค่ายอพยพ ที่รู้จักกันในนาม Doctors Without Borders ในจอร์แดน เซียว เซียงซัน ได้ความรู้ใหม่ๆในด้านการผ่าตัดเพิ่มขึ้น จากการเป็นหมออาสา ในประเทศ จอร์แดน เยเมนและซูดาน เขาถูกบังคับให้กลับใต้หวัน หลังจากที่ศูนย์พยาบาลในค่ายอพพยที่เขาทำงานอยู่ มีการวางระเบิด และได้เกิดระเบิดขึ้น และเพียงไม่กี่นาทีที่เขาได้มาถึงใต้หวัน เขาก็ได้ประสบเหตุการณ์การระเบิดรถไฟใต้ดิน ซึ่งคนเป็นหมออย่างเขา จะละเลยการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการระเบิดครั้งนี้ไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นผลทำให้เขาได้ทำงานในโรงพยาบาล Kang Lian Hospital ในฐานะ Head of Trauma Unit และเป็นการกลับมา พบกันอีกครั้งกับแฟนสาวของเขาคือ Yang Wei-yu ที่ตอนนี้เธอรับหน้าที่เป็นไดเร็คเตอร์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ การรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม Trauma Uni's ที่เป็นทีมที่โรงพยาบาลได้ตั้งใหม่เพื่อรับมือกับ คนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ร้ายแรง อย่างเช่น การระเบิดรถไฟใต้ดิน ทำให้เขาได้ทำงานร่วมกับ ชอง ซาย คุณหมอศัลยกรรม หนุ่ม เลือดร้อน ไฟแรง ที่มีพรสวรรคทางด้านการผ่าตัด และการร้องเพลงแร๊พ แต่ความอ่อนเยาว์ และปมหลังของเขา ทำให้เขาได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ต่างๆ อย่างที่คาดไม่ถึง อีกทั้งยังได้เรียนรู้ว่าการเป็นหมอที่มีพรสรรคนั้น บางครั้งก็ไม่เท่ากับการมีเพื่อนและทีมงานที่ดี ในการทำงาน นอกจากนี้อดีตและปูมหลังของ ชอง ซาย ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้ ชอง ซาย ได้พบกับนักศึกษาแพทย์ดร๊อปเอ้าท์ โซอี้ ที่หันมาเอาดีทางด้านการเป็นนักข่าว และติดตามสืบข่าวคดีการตายอื้อฉาวของพ่อ ของชอง ซาย ซึ่งนำมาถึง การกลับมาของ เหยี้ย เจี้ยนเต๋อ พวกเขาเหล่านี้ผูกพัน เกี่ยวข้องกันอย่างไร ก็ต้องไปตามดูกันได้ใน Wake Up 2 สามารถรับชมทั้งสองภาคฉายติดต่อกัน ดูกันยาวไป ภาคแรกต่อด้วยภาคสอง 19 ตอน ใน NetFlix (ซับไทย) นะคะ
สำหรับเราหลังจากที่ประทับการแสดงอย่างมากมาย ของคริส วู และพล๊อตเรื่องที่ผูกปม สลับซับซ้อนกันในภาคแรก เลยตัดสินใจดู Wake Up 2 ต่อ ครั้งนี้มาในรูป Medical Drama เต็มรูปแบบ มีการฉากผ่าตัด เลือดกระฉูด แบบสมจริงสมจัง สมราคา ทุ่มทุน 60 ล้านเหรียญใต้หวันจริงๆ จนเราต้องหรี่ตาดูบ้าง ปิดตาข้างนึงดูบ้าง เพราะไม่ชอบฉากเหล่านี้ แต่ก็ถือว่าจะกดข้ามฉากเหล่านี้ไปไม่ได้เลย เพราะฉากเหล่านี้ คือหัวใจสำคัญของซี่รี่ส์แนว Medical Drama ในภาค 2 ที่มี 13 ตอน เนื้อเรื่องออกจะสลับทับซ้อนกันมาหน่อย จุดเริ่มเรื่องมาจากภาคหนึ่ง ซึ่งต้องดูภาคแรกถึงจะเข้าใจภาคสอง ภาคนี้ดารานำเยอะมาก นอกจากสามดารานำจากภาคแรกแล้ว ยังมีทีม Trauma Unit, ทีมนักข่าว, ทีมผู้บริหารโรงพยาบาล, และทีมแกนนำผู้ประท้วง ทำให้ความสำคัญของตัวละคร ดูจะเบาบางลงไป ไม่มุ่งเน้นไปที่ตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง ถือว่าทุกตัวละครมีความสำคัญเท่ากันหมด นอกจากปม และปูมหลังในเรื่องส่วนตัว ที่เป็นปัญหาแล้ว การรักษาชีวิตผู้ป่วยของคุณหมอก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ที่ต้องรับมืออีกด้วย ดังนั้นเราจะเห็นถึงความขัดแย้ง ในตัวเองของหมอแต่ละคน ที่ต้องตัดสินใจว่า จะหยุดแค่นี้ หรือจะไปต่อดี โดยมีคำว่า "Never Give Up" เป็นหัวใจของเรื่อง ขอพูดถึง คริส วู อีกครั้ง ในภาคนี้ ตัวละคร เหยี้ย เจี้ยนเต๋อ มาในแบบสุขุม นุ่มลึก รอบคอบและฉลาด ต่างไปจากภาคที่แล้ว คริสคุมโทนตัวละครได้ดีมากๆ ทำให้เราชอบตัวละครตัวนี้เหมือนเดิม
เมื่อดูซีรี่ส์เรื่องจบ ทำให้เรานึกไปถึงคุณหมอ พยาบาล บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าทุกคน ที่รับมือกับสถานการณ์ กับการระบาดของเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 ในตอนนี้ ขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน และขอให้ "Never Give Up"
แนะนำนักแสดง
Chris Wu หรือ Wu Kang-ren หรือ Wu K'ang-jen เกิดวันที่ 24 November 1982 อายุ 37 ปี also known as Chris Wu, นักแสดงและนายแบบชาวใต้หวัน แสดงครั้งแรกใน หนังสั้นเรื่อง Fragile in Love: Poetry in Motion ในปี 2007 แต่ได้รับความนิยมมากมายในทีมีซีรี่ส์ Autumn's Concerto ในปี 2009. คริสได้รับรางวัลครั้งแรกในฐานะนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน 18th Asian Television Awards for Best Actor in a Leading Role ในปี 2012 จากเรื่อง Emerging Light ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ต่อมาในปี 2015 รางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเรื่อง Wake Up จากงาน 50th Golden Bell Awards ในปี 2016 และ คริสได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง A Touch of Green จากงาน Golden Bell Awards 2016 รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน 19th Taipei Flim จากเรื่อง Awards White Ant ในปี 2016 เช่นกัน และล่าสุด รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง The World Between Us จากงาน 2nd Asian Academy Creative Awards ในปี 2019 ส่วนใครอยากติดตามผลงานการแสดงของคริส วู นอกเหนือจากเรื่อง Wake Up (2015) แล้วยังสามารถ ติดตามชมผลงานของคริสได้ ในเรื่อง The Perfect Match (2017) , The Ghost Bride (2020), Wake Up 2 (2017), และ Love Strom (2016)
Lego Lee เกิดเมื่อ 22 January 1986 อายุ 34 ปี นักร้อง นักแสดง ชาวใต้หวัน มีผลงานที่รู้จักกันทั่วไปอย่างเช่น In a Good Way (2013), Aim High (2014) และ Love Cuisine (2015) ซึ่งติดตามผลงานของเขาเหล่านี้ได้ใน NetFlix
Summer Meng หรือ Mèng Gěngrú เกิดวันที่ 20 July 1991 อายุ 28 ปี เป็นนักแสดงชาวใต้หวัน มีผลงานเป็นที่รู้จักกันอย่าง In Time with You (2011), Sweet Sweet Bodyguard (2012), Aim High (2014), and Love, Timeless (2017), และ Single Ladies Senior (2018) ซึ่งติดตามผลงาน ของเธอได้ใน NetFlix
Jag Huang หรือ Huáng Jiànwěi เกิดวันที่ 13 May 1981 อายุ 39 ปี นักแสดง และครูสอนการแสดง ชาวใต้หวัน ที่เริ่มการแสดงมากจากการแสดงเวที ในปี 2000 เขามีผลงานทางด้านหนังภาพยนต์ ทีวีซีรี่ส์ และละครเวที มากมายหลายเรื่อง แจ็กได้รับรางวัล นักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยมในปี 2002 จากงาน 4th Taipei Film Awards จากเรื่อง Dreams, Summer
Hsu Wei-ning หรือ Tiffany Ann Hsu เกิดวันที่ 7 August 1984 อายุ 35ปี นักแสดง นางแบบ และ VJ ของ MTV Taiwan เป็นชาวใต้หวัน แอน ชู เริ่มเข้าวงการจากการเป็นนางแบบ และเริ่มการแสดงในผลงานเรื่องแรก จากทีวีวีรี่ส์เรื่อง It Started with a Kiss ในปี 2005 แอน ชู ได้รับรางวัลนักสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากงาน Golden Bell Awards จากเรื่อง The Way We Were ในปี 2015 และในปี 2016 แอน ชู กวาด 3 รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม จาก 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งได้แก่เรื่อง The Tag-Along, White Lies, Black Lies, End of A Century: Miea's Story จากงาน Taipei Film Awards นอกจากผลงานของเธอจากเรื่อง Wake Up (2015) และ Wake Up 2 (2017) ตอนนี้ใน NetFlix มีผลงานล่าสุดของเธอเรื่อง The Victims' Game (2020) กำลังฉายอยู่ด้วย
ตัวอย่างหนัง
ชวนดูซีรี่ส์ใต้หวัน Medical Drama สืบสวน - สอบสวน เรื่อง Wake Up 2
Wake Up 2 (麻醉風暴2) ฉายในปี 2017 เป็นที่มีซีรี่ส์ใต้หวัน ในแบบ Medical Drama สืบสวน สอบสวน อย่างเต็มรูปแบบ มีทั้งหมด 13 ตอน เป็นภาคต่อมาจากเรื่อง Wake Up ซึ่งเซ็ทอัพต่อจากภาคที่แล้ว 5 ปีต่อมา ซึ่งยังคงมีนักแสดงนำคนเดิมจากภาคที่แล้ว และเพิ่มนักแสดงนำหน้าใหม่ที่ได้แก่ Lego Lee และ Summer Meng มาร่วมแสดงในเรื่องอีกด้วย คุณสามารถรับชมได้ทาง NetFlix นะคะ ที่เขาจะฉายต่อเนื่องกันไปสองภาค คือภาคแรก และภาค 2 ติดต่อกันไปเลยค่ะ
Wake Up 2 เป็นทีมีซีรี่ส์ใต้หวัน เรื่องแรกที่นำทีมไปถ่ายทำที่ประเทศแถบตะวันออกกลางคือ จอร์แดน ซึ่งทางคณะถ่ายทำได้ใช้สถานที่ของค่ายอพยพ ในเขตตอนเหนือของแม่น้ำจอร์แดน และซีเรีย เพื่อมีจุดประสงค์จะเผยแพร่การทำงานของอาสาสมัคร และบุคลากรทางการแพทย์ ในค่ายอพยพ ในการช่วยเหลือมนุษยชนในดินแดนตะวันออกกลาง มีฉากการระบิดรถไฟใต้ดินในเขต Kaohsiung ซึ่งถ่ายทำกันที่ Taoyuan HSR station และการสานต่อจุดประสงค์ที่ต้องการบ่งบอกถึงการคอรับชั่นในระบบ National Public Healthcare อีกด้วย
Wake Up 2 มีประโยคประจำเรื่องก็คือ "Never Give Up" ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประโยคในการ สร้างเสริมพลังและกำลังใจ ในการทำงานของหมอและบุคคลากรทางการแพทย์แล้ว แต่ยังเป็นคำถามเตือนใจของเขาเหล่านั้น ในยามที่เขาท้อถอยว่า เขาจะก้าวไปต่อ หรือจะถอยหลังดี ด้วยความยาว 13 ตอนที่มากกว่าภาคแรก Wake Up 2 ใช้งบประมาณในการถ่ายทำถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับภาคแรก มากถึง NT$60 ล้านเหรียญ ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะหมดไปกับการถ่ายทำในต่างประเทศ, การจ้างตัวประกอบ, และจ้างบุคคลากรทางการแพทย์ในด้านๆต่าง ที่มาให้คำปรึกษา ในการถ่ายทำที่ให้สมจริง ในการถ่ายทำฉากในห้องผ่าตัดอีกด้วย
Wake Up 2 เป็นเรื่องต่อจากภาคแรก 5 ปีต่อมา เมื่อ เซียว เซียงซัน คุณหมอรมยา (anaesthesiologist) จากโรงพยาบาล Ren Xin Hospital ได้กลายมาเป็น คุณหมออาสาสมัครในค่ายอพยพ ที่รู้จักกันในนาม Doctors Without Borders ในจอร์แดน เซียว เซียงซัน ได้ความรู้ใหม่ๆในด้านการผ่าตัดเพิ่มขึ้น จากการเป็นหมออาสา ในประเทศ จอร์แดน เยเมนและซูดาน เขาถูกบังคับให้กลับใต้หวัน หลังจากที่ศูนย์พยาบาลในค่ายอพพยที่เขาทำงานอยู่ มีการวางระเบิด และได้เกิดระเบิดขึ้น และเพียงไม่กี่นาทีที่เขาได้มาถึงใต้หวัน เขาก็ได้ประสบเหตุการณ์การระเบิดรถไฟใต้ดิน ซึ่งคนเป็นหมออย่างเขา จะละเลยการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการระเบิดครั้งนี้ไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นผลทำให้เขาได้ทำงานในโรงพยาบาล Kang Lian Hospital ในฐานะ Head of Trauma Unit และเป็นการกลับมา พบกันอีกครั้งกับแฟนสาวของเขาคือ Yang Wei-yu ที่ตอนนี้เธอรับหน้าที่เป็นไดเร็คเตอร์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ การรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม Trauma Uni's ที่เป็นทีมที่โรงพยาบาลได้ตั้งใหม่เพื่อรับมือกับ คนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ร้ายแรง อย่างเช่น การระเบิดรถไฟใต้ดิน ทำให้เขาได้ทำงานร่วมกับ ชอง ซาย คุณหมอศัลยกรรม หนุ่ม เลือดร้อน ไฟแรง ที่มีพรสวรรคทางด้านการผ่าตัด และการร้องเพลงแร๊พ แต่ความอ่อนเยาว์ และปมหลังของเขา ทำให้เขาได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ต่างๆ อย่างที่คาดไม่ถึง อีกทั้งยังได้เรียนรู้ว่าการเป็นหมอที่มีพรสรรคนั้น บางครั้งก็ไม่เท่ากับการมีเพื่อนและทีมงานที่ดี ในการทำงาน นอกจากนี้อดีตและปูมหลังของ ชอง ซาย ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้ ชอง ซาย ได้พบกับนักศึกษาแพทย์ดร๊อปเอ้าท์ โซอี้ ที่หันมาเอาดีทางด้านการเป็นนักข่าว และติดตามสืบข่าวคดีการตายอื้อฉาวของพ่อ ของชอง ซาย ซึ่งนำมาถึง การกลับมาของ เหยี้ย เจี้ยนเต๋อ พวกเขาเหล่านี้ผูกพัน เกี่ยวข้องกันอย่างไร ก็ต้องไปตามดูกันได้ใน Wake Up 2 สามารถรับชมทั้งสองภาคฉายติดต่อกัน ดูกันยาวไป ภาคแรกต่อด้วยภาคสอง 19 ตอน ใน NetFlix (ซับไทย) นะคะ
สำหรับเราหลังจากที่ประทับการแสดงอย่างมากมาย ของคริส วู และพล๊อตเรื่องที่ผูกปม สลับซับซ้อนกันในภาคแรก เลยตัดสินใจดู Wake Up 2 ต่อ ครั้งนี้มาในรูป Medical Drama เต็มรูปแบบ มีการฉากผ่าตัด เลือดกระฉูด แบบสมจริงสมจัง สมราคา ทุ่มทุน 60 ล้านเหรียญใต้หวันจริงๆ จนเราต้องหรี่ตาดูบ้าง ปิดตาข้างนึงดูบ้าง เพราะไม่ชอบฉากเหล่านี้ แต่ก็ถือว่าจะกดข้ามฉากเหล่านี้ไปไม่ได้เลย เพราะฉากเหล่านี้ คือหัวใจสำคัญของซี่รี่ส์แนว Medical Drama ในภาค 2 ที่มี 13 ตอน เนื้อเรื่องออกจะสลับทับซ้อนกันมาหน่อย จุดเริ่มเรื่องมาจากภาคหนึ่ง ซึ่งต้องดูภาคแรกถึงจะเข้าใจภาคสอง ภาคนี้ดารานำเยอะมาก นอกจากสามดารานำจากภาคแรกแล้ว ยังมีทีม Trauma Unit, ทีมนักข่าว, ทีมผู้บริหารโรงพยาบาล, และทีมแกนนำผู้ประท้วง ทำให้ความสำคัญของตัวละคร ดูจะเบาบางลงไป ไม่มุ่งเน้นไปที่ตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง ถือว่าทุกตัวละครมีความสำคัญเท่ากันหมด นอกจากปม และปูมหลังในเรื่องส่วนตัว ที่เป็นปัญหาแล้ว การรักษาชีวิตผู้ป่วยของคุณหมอก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ที่ต้องรับมืออีกด้วย ดังนั้นเราจะเห็นถึงความขัดแย้ง ในตัวเองของหมอแต่ละคน ที่ต้องตัดสินใจว่า จะหยุดแค่นี้ หรือจะไปต่อดี โดยมีคำว่า "Never Give Up" เป็นหัวใจของเรื่อง ขอพูดถึง คริส วู อีกครั้ง ในภาคนี้ ตัวละคร เหยี้ย เจี้ยนเต๋อ มาในแบบสุขุม นุ่มลึก รอบคอบและฉลาด ต่างไปจากภาคที่แล้ว คริสคุมโทนตัวละครได้ดีมากๆ ทำให้เราชอบตัวละครตัวนี้เหมือนเดิม
เมื่อดูซีรี่ส์เรื่องจบ ทำให้เรานึกไปถึงคุณหมอ พยาบาล บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าทุกคน ที่รับมือกับสถานการณ์ กับการระบาดของเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 ในตอนนี้ ขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน และขอให้ "Never Give Up"
แนะนำนักแสดง
Chris Wu หรือ Wu Kang-ren หรือ Wu K'ang-jen เกิดวันที่ 24 November 1982 อายุ 37 ปี also known as Chris Wu, นักแสดงและนายแบบชาวใต้หวัน แสดงครั้งแรกใน หนังสั้นเรื่อง Fragile in Love: Poetry in Motion ในปี 2007 แต่ได้รับความนิยมมากมายในทีมีซีรี่ส์ Autumn's Concerto ในปี 2009. คริสได้รับรางวัลครั้งแรกในฐานะนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน 18th Asian Television Awards for Best Actor in a Leading Role ในปี 2012 จากเรื่อง Emerging Light ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ต่อมาในปี 2015 รางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากเรื่อง Wake Up จากงาน 50th Golden Bell Awards ในปี 2016 และ คริสได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง A Touch of Green จากงาน Golden Bell Awards 2016 รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงาน 19th Taipei Flim จากเรื่อง Awards White Ant ในปี 2016 เช่นกัน และล่าสุด รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง The World Between Us จากงาน 2nd Asian Academy Creative Awards ในปี 2019 ส่วนใครอยากติดตามผลงานการแสดงของคริส วู นอกเหนือจากเรื่อง Wake Up (2015) แล้วยังสามารถ ติดตามชมผลงานของคริสได้ ในเรื่อง The Perfect Match (2017) , The Ghost Bride (2020), Wake Up 2 (2017), และ Love Strom (2016)
Lego Lee เกิดเมื่อ 22 January 1986 อายุ 34 ปี นักร้อง นักแสดง ชาวใต้หวัน มีผลงานที่รู้จักกันทั่วไปอย่างเช่น In a Good Way (2013), Aim High (2014) และ Love Cuisine (2015) ซึ่งติดตามผลงานของเขาเหล่านี้ได้ใน NetFlix
Summer Meng หรือ Mèng Gěngrú เกิดวันที่ 20 July 1991 อายุ 28 ปี เป็นนักแสดงชาวใต้หวัน มีผลงานเป็นที่รู้จักกันอย่าง In Time with You (2011), Sweet Sweet Bodyguard (2012), Aim High (2014), and Love, Timeless (2017), และ Single Ladies Senior (2018) ซึ่งติดตามผลงาน ของเธอได้ใน NetFlix
Jag Huang หรือ Huáng Jiànwěi เกิดวันที่ 13 May 1981 อายุ 39 ปี นักแสดง และครูสอนการแสดง ชาวใต้หวัน ที่เริ่มการแสดงมากจากการแสดงเวที ในปี 2000 เขามีผลงานทางด้านหนังภาพยนต์ ทีวีซีรี่ส์ และละครเวที มากมายหลายเรื่อง แจ็กได้รับรางวัล นักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยมในปี 2002 จากงาน 4th Taipei Film Awards จากเรื่อง Dreams, Summer
Hsu Wei-ning หรือ Tiffany Ann Hsu เกิดวันที่ 7 August 1984 อายุ 35ปี นักแสดง นางแบบ และ VJ ของ MTV Taiwan เป็นชาวใต้หวัน แอน ชู เริ่มเข้าวงการจากการเป็นนางแบบ และเริ่มการแสดงในผลงานเรื่องแรก จากทีวีวีรี่ส์เรื่อง It Started with a Kiss ในปี 2005 แอน ชู ได้รับรางวัลนักสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากงาน Golden Bell Awards จากเรื่อง The Way We Were ในปี 2015 และในปี 2016 แอน ชู กวาด 3 รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม จาก 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งได้แก่เรื่อง The Tag-Along, White Lies, Black Lies, End of A Century: Miea's Story จากงาน Taipei Film Awards นอกจากผลงานของเธอจากเรื่อง Wake Up (2015) และ Wake Up 2 (2017) ตอนนี้ใน NetFlix มีผลงานล่าสุดของเธอเรื่อง The Victims' Game (2020) กำลังฉายอยู่ด้วย
ตัวอย่างหนัง