คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ตั้งแต่ดูนนท์มายังมองไม่ออกว่างานที่เป็นชิ้นเป็นอันของนนท์คืออะไร ตอนแรกนนท์เป็นผู้ช่วยสิบทิศ ทำรายการในสตูดิโออันนี้มันไม่ยุ่ง ค่อนข้างที่ควบคุมได้ แต่มันมีอะไรที่หละหลวมไปซักอย่างทำให้รายการมันไม่ปัง ก็เลยต้องย้ายมาทำละคร
เท่าที่ดูบุคลิกของนนท์ เป็นคนที่มีออร่าแบบ Why so serious ? ในการทำงาน แล้วก็มีวิธีการวิเคราะห์ปัญหาประหลาด ๆ
สถานทีอยากได้เกี้ยว สิบทิศไปขอร้องเกี้ยวมา ตอนแรกเกี้ยวจะเท เธอร์หลุดปากบอกนนท์เรื่องเพียงพันแสง นนท์เอาตรงนี้มาขู่ว่าทำยังไงก็แล้วแต่ให้เกี้ยวกลับมาทำงาน ต่อมานนท์ก็กลัวว่าจะมีปัญหาระหว่างปิ่นปัก สิบทิศ เกี้ยว ก็บอกว่าสิบทิศให้หาคนใหม่
ซึ่งเงื่อนไขที่เผชิญก็คือ
1. เป็นผู้จัดเรื่องแรก ทำรายการมาตลอด แต่จะย้ายมาทำละคร
2. ต้องได้งานนี้ไม่งั้นเจ๊งทั้งบริษัท
3. โปรเจคเรื่องรักระหว่างเรา เป็นโปรเจคเก่าของสิบทิศ-กชมน สองคนรู้ดีในคาแรคเตอร์ (เดาว่าก็เป็นเรื่องระหว่างสิบทิศ กชมน อ่ะแหละ)
ถ้าจะเาอผกก.ใหม่ ทีมจะมาจากไหน ในเมื่อเป็นมือใหม่ เรื่องราวในละครจะเสร็จใน 2 เดือนไหมล่ะ ต่อให้ได้ ผกก.คนอื่นมา เพราะ เรื่องอันนี้มันเป็นโปรเจคเดิมที่เคยพัฒนากันมาก่อนแล้วระหว่าง 2 คนนี้ แทนที่จะกระโดดไปปัญหาใหม่ ทำไมไม่ดีลกับปัญหาเดิม (จริง ๆ มันก็น่าจะเป็นปัญหาทั้งสิบทิศ และ นนท์ ที่มีพฤติกรรมแนวคิดคล้าย ๆ กัน)
เรื่องคำพูดในที่ประชุมที่พูดกับเธอร์ คือ สงสัยแล้วจะถามมันก็ไม่ผิด แต่ถามแล้วได้อะไรก่อน ถ้าตั้งคำถามเรื่องเนื้องานว่าทำยังไงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ถามเหมือนไปสบประมาทว่าอีกคนเขาทำได้ไหม นนท์ลืมไปรึเปล่าว่าตัวเองใหม่กับเรื่องนี้ ไม่มีประสบการณ์ เกี้ยว เธอร์ และ ทีมละคร ทำละครมากี่เรื่อง ยังไม่ทันได้พิสูจน์อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย แล้วไปถามถึงความสามารถคนอื่น แล้วพอแต่ละคนในที่ประชุมมองมาก็ไปบอกปิ่นว่ามีแต่คนของเกี้ยว อ้าว ... ก็ใช่สิ ก็ต้องคนของเกี้ยวไหมล่ะ ทีมนนท์ไม่เคยทำละคร แล้วจะเอาทีมมาจากไหน แทนที่จะถามว่าคนที่ตั้งมีความสามารถตรงนี้ไหม ไปเรียนรู้งานที่ตัวเองต้องทำดีกว่ารึเปล่า ? แล้วตอนที่ขอโทษ มันเหมือนขอโทษแบบ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่สมควรหรืออะไร ขอโทษให้มันผ่าน ๆ ไป
อีกอย่างนี่ว่านนท์นี่แหละเป็นคนเอาเรื่องส่วนตัวปนกับงาน ตอนประชุมสำคัญ นนท์ก็โดดบ้างอะไรบ้าง คือ แทนที่จะรู้ว่าอะไรเป็น priority ปิ่นปักโทรมา ไปรับโทรศัพท์ปิ่นปักแทนที่จะไปประชุม นี่ก็เรื่องนึง แล้วตอนที่เธอร์กำลังทำงานประสานงานกอง ให้รถตู้มารับกี่โมงตรงไหน อะไรยังไง นนท์เดินมาสะกิดทั้ง ๆ ที่กำลังคุยงานอยู่ว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ แต่มันแสดงให้เห็นว่า นนท์ยังไม่ mature กับเรื่องงานใหม่ตัวเองเลย ไม่มีตรงไหนที่พอจะบอกว่าได้ว่านนท์ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ในขณะที่เธอร์พอรู้ว่างานเร่ง ติดต่อคน รีครูทคน ช่างไฟ คอสตูม ตากล้อง ฯลฯ พร้อมทำงานตลอด นนท์ยัง เอ๊ะ จะยังโง้น จะยังไง พี่ปิ่นจะว่าไง อยู่เลย ทั้งที่งานนี้คือความเป็นอยู่ของนนท์เองด้วย เหมือนไม่เดือดร้อน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ในเรื่องงาน เกี้ยว กับ เธอร์ คล้าย ๆ กัน วันนี้ทำอะไร อย่างไร ต้องเสร็จถึงตรงไหน พรุ่งนี้จะต้องไปทำอะไร ทำยังไงงานจะทัน มีอยู่ในหัวหมดแล้ว คือ ธรรมชาติของงานโปรดัคชั่นมันไม่มี work-life balance ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ค่อย ... ยิ่งงานเร่งแบบนี้ด้วย ลักษณะงานประสานสิบทิศ และ งานแต่ละอย่างกระทบไปเป็นลูกโซ่ อันนั้นไม่เสร็จอันนี้ทำไม่ได้ อันนั้นไม่พร้อม อันนี้ต้องหยุด อันนี้พลาด อันนู้นต้องเริ่มใหม่ งานมัน demand details และ แข่งกับเวลา กำลังคิดว่าพอเรื่องราวดำเนินไปลักษณะของนนท์มันจะค่อย ๆ เด่นขึ้น และ น่าจะกลายเป็นปัญหาของกองในที่สุด
เท่าที่ดูบุคลิกของนนท์ เป็นคนที่มีออร่าแบบ Why so serious ? ในการทำงาน แล้วก็มีวิธีการวิเคราะห์ปัญหาประหลาด ๆ
สถานทีอยากได้เกี้ยว สิบทิศไปขอร้องเกี้ยวมา ตอนแรกเกี้ยวจะเท เธอร์หลุดปากบอกนนท์เรื่องเพียงพันแสง นนท์เอาตรงนี้มาขู่ว่าทำยังไงก็แล้วแต่ให้เกี้ยวกลับมาทำงาน ต่อมานนท์ก็กลัวว่าจะมีปัญหาระหว่างปิ่นปัก สิบทิศ เกี้ยว ก็บอกว่าสิบทิศให้หาคนใหม่
ซึ่งเงื่อนไขที่เผชิญก็คือ
1. เป็นผู้จัดเรื่องแรก ทำรายการมาตลอด แต่จะย้ายมาทำละคร
2. ต้องได้งานนี้ไม่งั้นเจ๊งทั้งบริษัท
3. โปรเจคเรื่องรักระหว่างเรา เป็นโปรเจคเก่าของสิบทิศ-กชมน สองคนรู้ดีในคาแรคเตอร์ (เดาว่าก็เป็นเรื่องระหว่างสิบทิศ กชมน อ่ะแหละ)
ถ้าจะเาอผกก.ใหม่ ทีมจะมาจากไหน ในเมื่อเป็นมือใหม่ เรื่องราวในละครจะเสร็จใน 2 เดือนไหมล่ะ ต่อให้ได้ ผกก.คนอื่นมา เพราะ เรื่องอันนี้มันเป็นโปรเจคเดิมที่เคยพัฒนากันมาก่อนแล้วระหว่าง 2 คนนี้ แทนที่จะกระโดดไปปัญหาใหม่ ทำไมไม่ดีลกับปัญหาเดิม (จริง ๆ มันก็น่าจะเป็นปัญหาทั้งสิบทิศ และ นนท์ ที่มีพฤติกรรมแนวคิดคล้าย ๆ กัน)
เรื่องคำพูดในที่ประชุมที่พูดกับเธอร์ คือ สงสัยแล้วจะถามมันก็ไม่ผิด แต่ถามแล้วได้อะไรก่อน ถ้าตั้งคำถามเรื่องเนื้องานว่าทำยังไงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ถามเหมือนไปสบประมาทว่าอีกคนเขาทำได้ไหม นนท์ลืมไปรึเปล่าว่าตัวเองใหม่กับเรื่องนี้ ไม่มีประสบการณ์ เกี้ยว เธอร์ และ ทีมละคร ทำละครมากี่เรื่อง ยังไม่ทันได้พิสูจน์อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย แล้วไปถามถึงความสามารถคนอื่น แล้วพอแต่ละคนในที่ประชุมมองมาก็ไปบอกปิ่นว่ามีแต่คนของเกี้ยว อ้าว ... ก็ใช่สิ ก็ต้องคนของเกี้ยวไหมล่ะ ทีมนนท์ไม่เคยทำละคร แล้วจะเอาทีมมาจากไหน แทนที่จะถามว่าคนที่ตั้งมีความสามารถตรงนี้ไหม ไปเรียนรู้งานที่ตัวเองต้องทำดีกว่ารึเปล่า ? แล้วตอนที่ขอโทษ มันเหมือนขอโทษแบบ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่สมควรหรืออะไร ขอโทษให้มันผ่าน ๆ ไป
อีกอย่างนี่ว่านนท์นี่แหละเป็นคนเอาเรื่องส่วนตัวปนกับงาน ตอนประชุมสำคัญ นนท์ก็โดดบ้างอะไรบ้าง คือ แทนที่จะรู้ว่าอะไรเป็น priority ปิ่นปักโทรมา ไปรับโทรศัพท์ปิ่นปักแทนที่จะไปประชุม นี่ก็เรื่องนึง แล้วตอนที่เธอร์กำลังทำงานประสานงานกอง ให้รถตู้มารับกี่โมงตรงไหน อะไรยังไง นนท์เดินมาสะกิดทั้ง ๆ ที่กำลังคุยงานอยู่ว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ แต่มันแสดงให้เห็นว่า นนท์ยังไม่ mature กับเรื่องงานใหม่ตัวเองเลย ไม่มีตรงไหนที่พอจะบอกว่าได้ว่านนท์ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ในขณะที่เธอร์พอรู้ว่างานเร่ง ติดต่อคน รีครูทคน ช่างไฟ คอสตูม ตากล้อง ฯลฯ พร้อมทำงานตลอด นนท์ยัง เอ๊ะ จะยังโง้น จะยังไง พี่ปิ่นจะว่าไง อยู่เลย ทั้งที่งานนี้คือความเป็นอยู่ของนนท์เองด้วย เหมือนไม่เดือดร้อน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ในเรื่องงาน เกี้ยว กับ เธอร์ คล้าย ๆ กัน วันนี้ทำอะไร อย่างไร ต้องเสร็จถึงตรงไหน พรุ่งนี้จะต้องไปทำอะไร ทำยังไงงานจะทัน มีอยู่ในหัวหมดแล้ว คือ ธรรมชาติของงานโปรดัคชั่นมันไม่มี work-life balance ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ค่อย ... ยิ่งงานเร่งแบบนี้ด้วย ลักษณะงานประสานสิบทิศ และ งานแต่ละอย่างกระทบไปเป็นลูกโซ่ อันนั้นไม่เสร็จอันนี้ทำไม่ได้ อันนั้นไม่พร้อม อันนี้ต้องหยุด อันนี้พลาด อันนู้นต้องเริ่มใหม่ งานมัน demand details และ แข่งกับเวลา กำลังคิดว่าพอเรื่องราวดำเนินไปลักษณะของนนท์มันจะค่อย ๆ เด่นขึ้น และ น่าจะกลายเป็นปัญหาของกองในที่สุด
แสดงความคิดเห็น
นน..นี่เป็นคนยังไงนะ?
คืนก่อนอึ้งมากที่ถามออกมาในที่ประชุมว่าเธ่อร์เหมาะสมกับหน้าที่นี้แล้วหรอ..
คือถ้าเราเป็นกชมน เธอกำลังปรามาสไม่เฉพาะเธอร์นะ แต่มันพุ่งมาที่ชั้นโดยตรงเลย
ดีใจที่เห็นกชมนตอบโต้ไปแบบนั้น มันถูกใจเรามากเลย
ไม่พอ ตอนก่อนปิ่นจะระแวงกชมนกับสิบทิศ ก็เหมือนจงใจถ่ายรูปให้คนดูอย่างปิ่นระแวง
แล้วก็นิสัย ผญ มากๆ คือคอยล้วงความลับจากเธอร์เพื่อไปรายงานปิ่น นึกถึงพวกสมุนช่างฟ้องในละครที่เห็นทั่วไปเลย
นิสัยเด็กน้อยเต็มๆ ดูชักเริ่มน่ามคาน เธอร์อย่าเอามาเป็นแฟนนะ คนๆนี้ขี้อิจฉา
จะบอกให้นนเอ๊ย แกเสร็จโตเกียวแน่ งานแกด้วย ไม่ทันโตเกียวหรอก ถ้าในชีวิตจริงอะ
เด็กน้อยหอยสังข์!!