ไม่อยากกินยาต้านซึมเศร้าแล้ว ใช้เวลารักษามันมีแต่ไม่หายสักทีจนท้อ

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะดิฉันมีนามสมมุติว่า "บี" ตอนนี้เป็นโรคซึมเศร้า อยู่ในกระบวนการรักษาคือตอนแรกเมื่อปีปลาย 2560 ดิฉันได้มีอาการซึมเศร้าและได้พบจิตแพทย์เนื่องจากเต้าอย่างขั้นรุนแรง จนไม่สามารถทำงานได้ไม่มีกำลังใช้ไม่อยากเป็นโรคนี้ และเกิดมรสุม อย่างแรกก็คือเลิกกันกับแฟนเนื่องจากแฟนไม่พาไปหาหมอ มรุสมที่2 คือทะเลาะกันกับน้องที่เป็นลูกพี่ลูกน้องและโดนทำร้ายร่างกายจนขาหักแต่ทางแม่เขาไม่รับผิดชอบอะไรเลย ตอนนั้นดิฉันไปพบจิตแพทย์ได้ประมาณ 2 เดือนหลังจากนั้นขาหักก็เลยไม่สามารถไปพบจิตแพทย์ได้ทั้งที่บ้านไม่เข้าใจคิดว่าเราไม่เป็นอะไรเราจะกินยาจิตแพทย์ทำไม มรสุ่มที่ 3 คือโดนที่บ้านบังคับแต่งงานแต่เราไม่ยอมแต่ง ถ้าให้แต่เราขอยอมตายดีกว่าเพราะเราไม่ชอบ หลังจากที่เราขายเราก็ไม่ได้รับการรักษาจากจิตแพทย์ลุยจนเราเลิกกินยาไปได้ประมาณ 2 ปี หลังจากที่น้องเราทำร้ายร่างกายเราจนขาหักหลังจากนั้นน้องก็ค้ายาเสพติดและก็โดนตำรวจจับเข้าคุกและหลังจากนั้นน้องได้ออกมาอยู่บ้านแต่ด้วยความที่ว่าเราเคยมีปัญหากันเรากลัวอยู่ๆความรู้สึกการเป็นโรคซึมเศร้าของเราก็ได้โผล่เรื่อยครั้งหนึ่งเนื่องจากเรามีอาการวูบเหมือนเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เครียด หวาดกลัวรอมีอาการคิดสั้น พยายามจะฆ่าจะตายด้วยการกินยาแก้แพ้ทั้งแผงระหว่างที่กินไปแล้วกำลังจะนอนอยู่ๆก็ได้ยินเสียงแม่เรียก เราได้สติ หลังจากนั้นเราก็เลยไปลวงคออ้วกมาหมด  ตอนนั้นไม่มีใครรู้คนที่บ้านไม่รู้ แล้วก็ตอนนั้นเรากลับมาคบกันกับแฟนเก่าได้ประมาณ 2 ปีตอนแรกก็ดีขึ้นแต่พอหลังๆนางก็ไม่ใส่ใจเราเหมือนเดิม จนเรามีอาการอีกครั้งหนึ่งนานก็ไม่พาไปหาหมอเราก็เลยขอเลิกกับนางและก็หลังจากนั้นเราก็รู้ว่านางไปแอบมีคนอื่นเราก็ปล่อยไป เราร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ประมาณ 2-3 วัน แม่ก็เดินมาปลอบใจ คือตอนนั้นเราเบลอมาก ทั้งมีอาการวูบ เบลอถึงขั้นผ่าไฟแดงแล้วรอบหนึ่ง หลังจากที่ได้ยินคำตอบของแม่ตอนนั้นสงสารแม่มากแม่เลี้ยงเรามาไม่เคยตี ไม่เคยว่าอะไรเลยแรงไม่เคยทำร้ายร่างกาย แล้วจะแคร์อะไรกับคนที่ไม่รักเรามากพอ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเราเดินไปที่โรงพยาบาลไปห้องทำบัตรแล้วบอกว่ามาหาจิตแพทย์ค่ะจากนั้นทั้งหมดจะพยาบาลมองหน้าเพราะวันนั้นต้องแต่งหน้าสวยมากเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไร พอพบจิตแพทย์ครั้งนี้ก็ทำมันประเมินอาการเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้จะแพทย์ไม่ได้ถามอะไรมากเขา เขาถามแค่ว่าทำไมถึงไม่มาหาหมอตามนัดเราก็ลองเล่าให้ฟัง หลังจากนั้น แผนกจิตเวชก็ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัด ตอนนั้นเรายังยากการช่างใครพูดอะไรเล็กๆน้อยไม่ได้เราชวนกลับไปด้วยอารมณ์คั่ง ตอนนั้นเราไปทำงานที่ทำงานใหม่ไป 2 วันแรกไปทะเลาะกันกับเพื่อนที่ทำงานด้วยสาเหตุที่ว่าแต่งตัวไม่เหมือนเพื่อนเพราะวันนั้นเป็นวันเกิดในหลวงเราไม่รู้นโยบายของบริษัทว่าเขาให้แต่งตัวยังไงเพราะตอนแรกตกลงกันไว้ว่าไม่จะไม่ใส่เสื้อสีเหลืองจำได้ว่าตอนนั้นยังไว้อาลัย ในหลวงรัชกาลที่ 9 หลังจากนั้นเราก็มีปากเสียงกับที่ทำงานและก็ถูกกีดกั้นจากการทำงานทุกอย่างตอนนั้นเราทำงานขายโทรศัพท์เพื่อนที่ทำงานแกล้งเราทุกอย่างไม่ให้เราทำงานเหมือนให้เราไปทำงานวันๆแต่ไม่ให้เราขายเราอดทนได้ 1 เดือนแล้วเราก็เล่าเรื่องด้วยเราโดนแกล้งหนักมาก คือเพื่อนที่ทำงานก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร คนที่บ้านก็ไม่เข้าใจ เขาก็ยังพูดคำคำเดิมจะกินยาทำไมในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรไม่กลัวเป็นโรคไตหรอแต่เขาไม่เคยรับรู้ในสิ่งที่เรารู้สึกเพราะเขาสัมผัสไม่ได้ หลังจากที่เราลาออกจากงาน เราก็อยู่ห้องเฉยๆประมาณ 2 อาทิตย์เราเราก็รู้สึกเครียดเราจึงไปทำงานเป็นที่อาจะได้ความที่ว่าพี่อาจต้องกินเหล้าเราก็ทำงานที่นั่นได้ประมาณ 2 เดือนแล้วเราก็มาทำเบียร์ช้าง เราทำเบียร์ช้างได้ประมาณ 3-4 เดือนหลังจากนั้นเราก็ลาออกเนื่องด้วยมีอาการเครียด และแล้วก็มาถึงยุคโควิด ทำให้เราตกงานอีกครั้งเราเครียดที่บ้านก็ไม่เข้าใจหาคนปลอบใจไม่ (เราเกิดในครอบครัวที่แตกแยกแม่เราเป็นคนไม่ค่อยสมประกอบส่วนพ่อเราก็แยกทางกับแม่ตั้งแต่เด็กแต่ตอนนี้พ่อเราเสียชีวิตแล้วเนื่องจากโดนฆาตกรรม) ส่วนทางญาติถามว่าเขาดีไหมเขาดูแลดีแต่เขาก็ไม่เข้าใจชีวิตเราจริงๆ  เรารักษาตัวอีกครั้งหนึ่งใช้เวลา 1 ปีผ่านมาแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นก่อนยุคโกวิทเราไปหาหมอหมอก็ประเมินว่าดีขึ้นแต่พอวันนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยจริงๆเครียดตกงานเงินก็ไม่มีค่าใช้จ่ายก็เยอะแถมไม่มีใครเข้าใจเราเลยตอนนี้เราท้อเราไม่อยากกินยาแล้ว เบื่อ ท้อ เป็นไปได้ เราอยากหายไปจากโลกมีจริงๆ กดดัน พยายามคิดบวก แต่สุดท้ายก็ลบ เพื่อนไม่มี แฟนไม่คบ ทุกวันนี้คบกับหมาแทน คุยกับใครก็ทำเขาเดือดร้อนหมด ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาใครเลยเผื่อเราควรจะทำยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่