ดอยเชียงดาว หรือ
ดอยหลวงเชียงดาว เป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีระยะทางการเดิน8.5กิโลเมตร จะมาถึงลานกางเต็นท์ ส่วนจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นจะต้องเดินไปอีก ราว30-40นาที หรืออาจจะ1ชั่วโมง ตามแต่ความไวในการเดินของแต่ละคน อากาศด้านบนตอนกลางคืนบอกได้เลยว่าหนาว วันที่เราไปช่วงกลางเดือนธันวาคม อุณหภูมิประมาณเลขตัวเดียว ความสะดวกสบายไม่มี เพราะไม่มีสิ่งก่อสร้างด้านบนดอย จะเข้าห้องน้ำก็ลำบากนิดหน่อยแต่จะมีจุดที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ ส่วนเรื่องอาบน้ำ (ใครเขาอาบกัน จิตใจเราสะอาดเรื่องอาบน้ำก็ไม่จำเป็น)
ต้องบอกก่อนว่าเราไปดอยหลวงเชียงดาวก่อนที่จะมีการจัดระเบียบใหม่ ฉะนั้นเราจะเน้นไปที่ธรรมชาติเป็นหลัก ว่าเออ ระหว่างทางเดินเราจะได้พบเห็นอะไรบ้าง ต้นไม้ใบหญ้าดอกไม้ต่างๆที่พบเห็นได้แค่ที่นี่เท่านั้นมีอะไรบ้าง แม้กระทั่งสัตว์ป่าที่เราจะได้พบเห็นกัน หรือสิ่งที่unseen มาแล้วต้องเห็นนะ และวิวบนยอดสูงสุดนั้นเป็นอย่างไร ใครที่กำลังตัดสินใจอยากจะไปพิชิตสักครั้ง เรามีคำตอบให้ค่ะ และเราจะอัพเดทข้อมูลณ ปัจจุบันให้ตอนท้ายค่ะ
ถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติก็ต้องออกไปอ่ะนะ สละแรงกาย ถึงมันจะยากเย็นแสนเข็ญ แต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ความเหนื่อยที่ทุ่มเทมาก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ระหว่างทางมีอะไรให้ได้สัมผัสตลอด ความงดงามของธรรมชาตินี่เป็นอะไรที่ทำให้เราได้ว๊าวกับมัน ได้อิ่มเอมใจจริงๆ การมาเยือนดอยหลวงเชียงดาวนี้เรามีมิชชั่นกับตัวเองในการตามล่า...
- ดอกเทียนนกแก้ว
- สัตว์ป่าสงวน อย่างกวางผา
- ซากฟอสซิลหอย
มาดูกันค่ะว่ามิชชั่นในครั้งนี้เราจะคอมพลีทมั้ย
ทริปนี้ที่ดอยหลวงเชียงดาวเราไปกัน2วัน1คืน ออกจากกรุงเทพฯตอนค่ำไปถึงแถวเชียงดาวตอนรุ่งสาง พระออกมาบิณฑบาตพอดี พวกเราแวะทานอาหารเช้าและซื้อของที่ตลาดไว้ทำกับข้าวกินบนดอย2มื้อค่ะ
จากที่ทำการอุทยานฯ เราต้องเปลี่ยนรถไปกับรถกระบะ4x4ของชาวบ้านที่ชำนาญทาง (ซึ่งทริปนี้เราจอยกรุ๊ปไปกัน10คน เกาะเขามาไม่ได้ติดต่อเองโดยตรง อาจจะบอกรายละเอียดได้ไม่ทั้งหมด ต้องขออภัยด้วยนะคะ) อยู่กระบะหลังก็นั่งให้ลมโกรก ฝุ่นเกาะ ลำไส้สะเทือนไปประมาณ2ชั่วโมง ทางค่อนข้างขรุขระ มีความชัน และโค้ง ไปตลอดทาง แปปๆก็ถึงค่ะ
เมื่อพร้อมแล้วเราก็เริ่มเดินกันค่ะโดยเราขึ้นทางเด่นหญ้าขัดนะคะ ระยะทางจากจุดเริ่มเดินไปถึงลานกางเต็นท์8.5กม. แต่ละคนใช้เวลาเดินไม่เท่ากันราว4-6ชั่วโมง ใครจะจ้างลูกหาบก็ได้นะคะแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า ลูกหาบหนึ่งคนสามารถแบกสัมภาระได้ประมาณ20 กก. (ราคาลูกหาบไม่ชัวร์เพราะเราแบกเอง15โล ชิลๆ จริงจริ๊งงง งือออ รู้งี๊ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ลูกหาบก็ดี ฮาาา) ราคาน่าจะ 500บาท/คน/วัน ไป-กลับก็1,000บาท ***ใครมีข้อมูลมาแชร์กันได้นะคะ
ระหว่างทาง เราจะเห็นพันธุ์ไม้นานาชนิดค่ะ เพราะดอยหลวงเชียงดาวเป็นแหล่งที่มีพืชพรรณหลากหลายและมีหลายชนิดที่เป็นพืชถิ่นเดียวไม่พบในส่วนอื่น ๆ ของประเทศไทย มีทั้งพืชเขตร้อน, กึ่งเขตร้อนและพืชเขตอบอุ่น ดอกบัวตองสีเหลืองยังมีให้เห็นตามรายทางอีกด้วย ไม่ต้องไปไกลถึงแม่ฮ่องสอน ดอกพิมใจสีชมพูหวานก็มีให้เห็น หญ้าดอกลาย กุหลาบขาวเชียงดาว ฟองหินเหลือง และอย่างพวกมอสต่างๆก็จับที่โขดหินเยอะใช้ได้ และลูกอะไรสักอย่างมุมขวาบน พอดีเราเดินตามหลังพี่เจ้าหน้าที่เขาไกด์ชาวต่างชาติเที่ยวเลยเนียนไปกับเขา พี่เขาปอกให้ชิมดูด้วยค่ะ
วันที่ไปเราก็แอบลุ้นว่าจะได้เห็น ดอกเทียนนกแก้ว มั้ย ปรากฎว่ายังหลงเหลืออยู่2-3ดอก นึกว่าจะโรยไปซะแล้ว ลักษณะเหมือนดอกกล้วยไม้แต่มีรูปร่างเหมือนนก หาชมได้ที่นี่ ดอยหลวงเชียงดาวที่เดียวเน้อ เพราะเป็นพันธุ์ไม้หายากอยู่บนภูเขาสูง พบขึ้นตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาหรือบริเวณโขดหินปูนที่อยู่สูง จากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-1,800 เมตร โดยดอกจะบานราวเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน (แต่เราไปกลางเดือนธันวาคม ยังโชคดีที่ไม่ร่วงไปก่อน)
ดอยหลวงเชียงดาวเป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ภายในป่าที่เดินมาจะสลับเปลี่ยนวิวไปเรื่อย ป่าทึบบ้าง หญ้าสูงบ้าง ดงกล้วยบ้าง ภูเขาหินปูนบ้าง พื้นดินแห้งบ้าง แฉะบ้างเดินเอาเกร็งกลัวลื่นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นป่าที่หลากหลายไม่จำเจ
เดินไปได้ครึ่งทางรึยังไม่รู้ แต่เรามาถึง3แยกปางวัว พักทานอาหารกลางวันและพักเหนื่อยกันตรงนี้ค่ะ ในส่วนของห้องน้ำเป็นส้วมหลุมค่ะ นี่โอเคนะเพราะเคยผ่านส้วมหลุมที่อินเดียมาแล้วเลยเฉยๆ ฮาาา
พักนานไม่ได้ ต้องเดินกันต่อ #ทีมรั้งท้าย ผ่านป่าดงกล้วย เจอวิวภูเขา และนี่เลยซากฟอสซิลหอย พิกัดคืออยู่ตรงใกล้ๆหินที่เรานั่งนั่นล่ะเผอิญเห็นเองเลย ดีใจๆ อย่างที่เกิ่นไปแล้วว่าดอยหลวงเชียงดาวมีความอเมซิ่งคือเป็นสถานที่ๆ พบความหลากหลายทางชีวภาพมาก เนื่องจากเป็นเขาหินปูน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย เกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน มีอายุระหว่าง230–250ล้านปี เป็นหมู่หินราชบุรีของไทย ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน สันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อนที่การตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการังและหอย(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
เดินมาถึงจุดนี้เขาหินปูนที่โอบล้อมเราอยู่ นี่พยายามมองหากวางผาอยู่นานเผื่อจะเจอเกาะอยู่โขดไหนสักโขด แต่ก็ไม่เห็น
ทางชันๆนี่ไม่อยากจะสู้เลย มาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่าเหนื่อย แต่ก็ต้องเดินต่อ หลุดจากตรงนี้ไปก็ถึงลานกางเต็นท์แล้วจ้า พร้อมจะโยนเป้ออกจากหลังแล้ววว
หลังจากจัดแจงที่หลับที่นอน กางเต็นท์เรียบร้อย พักสักแพร๊บก็ไปต่อที่จุดชมวิวสูงสุดบนยอดดอยเพื่อชมพระอาทิตย์ตกกันค่ะ ใช้เวลาจากลานกางเต็นท์ประมาณ30-40นาที เดินมาครึ่งทางมีช่องให้หลบเลยขอพักและมองวิวจากตรงนี้ก่อน
สักพักมีคนเห็นกวางผาค่ะ เราไม่เห็นแต่ถ่ายรูปมาก่อน แล้วก็ไล่มองทีละนิดๆจนเห็น กลัวคนอื่นไม่เห็นเลยวงแดงมาให้ 55 พอดีไม่ได้เอาเลนส์ซูมไป เลยได้มาแค่นี้
อ่ะๆ พาน้องมาอวดโฉม น่าร๊ากกก (เพื่อนในกลุ่มถ่ายไว้ได้ ขออนุญาตนะคะ ขอบคุณค่ะ)
ของแถมค่ะ เพื่อนในกลุ่มถ่ายไว้ได้ นกปรอดหงอนปากหนา ทรงผมเท่ห์เชียว (ต้องขออนุญาตและขอบคุณค่ะ)
หลังจากมิชชั่นตามล่ากวางผาสำเร็จแล้ว เราก็ไปกันต่อที่จุดชมวิว อย่าเรียกเดินเลยค่ะ เพราะมันคือปีนภูเขาหินปูน ดูสภาพไว้เพราะตอนลงมันมืดมาก นี่กระดื้บๆลงเลยจ้า เกร็งจนขาสั่นผับๆ
เย้! มาถึงแล้ว ต้องเช็คอินกับป้าย อ่อเราลืมบอกไป ไฟฉายคาดหัวเตรียมมาด้วยนะคะ ได้ใช้แน่ๆอย่าลืมเด็ดขาด
แสงสีทองวันนั้น เลิฟมากๆเลย
เราอยู่กันสูงมาก จนมีความรู้สึกว่าได้ใกล้ฟ้าแบบสุดๆ
บนนี้ก็มีดอกไม้ดอกหญ้านะ น่ารักจริงๆเลยแก
ที่ยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว เราจะเห็นพระอาทิตย์ตกลงที่ดอยสามพี่น้อง มองแล้วเหมือนคนนอนอ้าปากแล้วพระอาทิตย์ค่อยๆเข้าปากไปเนอะ เอาจริงๆการจะขึ้นมาถึงจุดนี้ก็ไม่ง่ายนะ ใครยังเดินไหว มาสักครั้งในชีวิต แล้วจะประทับใจมิรู้ลืม
พระอาทิตย์ตกไปแล้ว แต่เรายังนั่งมองดูแสงTwilight ดอยบ้าอะไรสวยจัง
ภาพตอนลงไม่สามารถถ่ายมาให้ดูได้ เพราะต้องเอาชีวิตรอดก่อน พอลงมาถึงเต็นท์แล้วก็ช่วยกันจัดเตรียมอาหาร ตอนเด็กๆใครเคยเล่นสร้างบ้าน ในบ้านของตัวเองมั้ย เอาลังเอาผ้ามาตั้งมากั้น แล้วก็เล่นทำกับข้าว เห้ยย จะบอกว่าจินตนาการวัยเด็กมันคือพื้นฐานของชีวิตจริง 555 อิ่มท้องแล้ว พักผ่อนตามอัธยาศัย เดินหาที่ปูพื้นนอนดูดาว ยิ่งสูง ยิ่งมืด ยิ่งเห็นดาว นอนแหงนหน้ามองดาว นอนนับดาวตกกันไป ฟินสุดจะบรรยาย
เมื่อคืนโคตรหนาว 3องศา ตื่นมาพร้อมกับต้องเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยกิ่วลม ใช้เวลาประมาณไม่ถึง1ชั่วโมง ก็มาถึง มาลุ้นทะเลหมอกกันจ้า
งู้ยยย ค่อยๆเคลื่อนมาแล้ว หมอกจ๋า มาพร้อมกับแสงเช้าสีส้มๆพาสเทล
#มันดูดีที่สุดเลยเว้ยแก
จากจุดนี้เราจะมองเห็นไปถึงลานกางเต็นท์ด้วย
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็เดินกลับไปยังเต็นท์ ทำอาหารเช้ากินและเก็บข้าวของ ลงดอยกัน เราลงทางปางวัว ระยะทาง6.5กม. และเป็นธรรมดาที่ตอนลงจะไวกว่าตอนขึ้น เส้นทางนี้ชันจริง ชันต่อเนื่อง กลัวลื่นก็กลัวเพราะเห็นคนลื่นต่อหน้าต่อตา จิกปลายเท้าซะเจ็บไปหมด ระหว่างทางเจอดอกเทียนนกแก้ว1ดอก
รูปไม่ค่อยได้ถ่ายแล้ว มุ่งมั่นเดินอย่างเดียว เส้นทางนี้จะมองเห็นโฮมสเตย์ด้วย ครั้งนึงเราก็เคยไปพักและก็มองมายังวิวดอยหลวงเชียงดาว ไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงจะเดินขึ้นมาจริงๆและก็ได้มองย้อนกลับไปยังโฮมสเตย์ที่เราเคยไปพัก เดินทางมาถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่าเหนื่อยจริง และเริ่มเจ็บข้อพับขา ยิ่งทำให้เดินช้า ต้องขอบคุณพี่ๆที่คอยช่วยเหลือมากๆจริงๆค่ะ
ตอนขึ้นไป เอาขยะไปเท่าไหร่ลงมาก็ต้องเอาขยะมาแลกกับเงินมัดจำคืนด้วยนะคะ
ทุกครั้งที่เวลาเอาตัวเองมาลำบาก มาเหนื่อย มาทรมานก็ถามตัวเองตลอดว่ามาทำไม แต่พอได้เห็นธรรมชาติตรงหน้า ก็รู้คำตอบแล้วล่ะว่าแล้วทำไมถึงจะไม่มาล่ะ
ค่าใช้จ่ายทริปหารเฉลี่ย รวมทุกอย่าง 3วัน2คืน คนละประมาณ3,000บาท (มีไปดอยผ้าห่มปกด้วยอีก1คืน)
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FB:ชอบเที่ยวมีไรปะ
https://www.facebook.com/BeCrazyAboutTravel/
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้นี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
[CR] หนึ่งใจพาก้าว สองเท้าพาเดิน ดอยหลวงเชียงดาว
ดอยเชียงดาว หรือ ดอยหลวงเชียงดาว เป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีระยะทางการเดิน8.5กิโลเมตร จะมาถึงลานกางเต็นท์ ส่วนจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นจะต้องเดินไปอีก ราว30-40นาที หรืออาจจะ1ชั่วโมง ตามแต่ความไวในการเดินของแต่ละคน อากาศด้านบนตอนกลางคืนบอกได้เลยว่าหนาว วันที่เราไปช่วงกลางเดือนธันวาคม อุณหภูมิประมาณเลขตัวเดียว ความสะดวกสบายไม่มี เพราะไม่มีสิ่งก่อสร้างด้านบนดอย จะเข้าห้องน้ำก็ลำบากนิดหน่อยแต่จะมีจุดที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ ส่วนเรื่องอาบน้ำ (ใครเขาอาบกัน จิตใจเราสะอาดเรื่องอาบน้ำก็ไม่จำเป็น)
ต้องบอกก่อนว่าเราไปดอยหลวงเชียงดาวก่อนที่จะมีการจัดระเบียบใหม่ ฉะนั้นเราจะเน้นไปที่ธรรมชาติเป็นหลัก ว่าเออ ระหว่างทางเดินเราจะได้พบเห็นอะไรบ้าง ต้นไม้ใบหญ้าดอกไม้ต่างๆที่พบเห็นได้แค่ที่นี่เท่านั้นมีอะไรบ้าง แม้กระทั่งสัตว์ป่าที่เราจะได้พบเห็นกัน หรือสิ่งที่unseen มาแล้วต้องเห็นนะ และวิวบนยอดสูงสุดนั้นเป็นอย่างไร ใครที่กำลังตัดสินใจอยากจะไปพิชิตสักครั้ง เรามีคำตอบให้ค่ะ และเราจะอัพเดทข้อมูลณ ปัจจุบันให้ตอนท้ายค่ะ
ถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติก็ต้องออกไปอ่ะนะ สละแรงกาย ถึงมันจะยากเย็นแสนเข็ญ แต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ความเหนื่อยที่ทุ่มเทมาก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ระหว่างทางมีอะไรให้ได้สัมผัสตลอด ความงดงามของธรรมชาตินี่เป็นอะไรที่ทำให้เราได้ว๊าวกับมัน ได้อิ่มเอมใจจริงๆ การมาเยือนดอยหลวงเชียงดาวนี้เรามีมิชชั่นกับตัวเองในการตามล่า...
- ดอกเทียนนกแก้ว
- สัตว์ป่าสงวน อย่างกวางผา
- ซากฟอสซิลหอย
มาดูกันค่ะว่ามิชชั่นในครั้งนี้เราจะคอมพลีทมั้ย
ทริปนี้ที่ดอยหลวงเชียงดาวเราไปกัน2วัน1คืน ออกจากกรุงเทพฯตอนค่ำไปถึงแถวเชียงดาวตอนรุ่งสาง พระออกมาบิณฑบาตพอดี พวกเราแวะทานอาหารเช้าและซื้อของที่ตลาดไว้ทำกับข้าวกินบนดอย2มื้อค่ะ
จากที่ทำการอุทยานฯ เราต้องเปลี่ยนรถไปกับรถกระบะ4x4ของชาวบ้านที่ชำนาญทาง (ซึ่งทริปนี้เราจอยกรุ๊ปไปกัน10คน เกาะเขามาไม่ได้ติดต่อเองโดยตรง อาจจะบอกรายละเอียดได้ไม่ทั้งหมด ต้องขออภัยด้วยนะคะ) อยู่กระบะหลังก็นั่งให้ลมโกรก ฝุ่นเกาะ ลำไส้สะเทือนไปประมาณ2ชั่วโมง ทางค่อนข้างขรุขระ มีความชัน และโค้ง ไปตลอดทาง แปปๆก็ถึงค่ะ
เมื่อพร้อมแล้วเราก็เริ่มเดินกันค่ะโดยเราขึ้นทางเด่นหญ้าขัดนะคะ ระยะทางจากจุดเริ่มเดินไปถึงลานกางเต็นท์8.5กม. แต่ละคนใช้เวลาเดินไม่เท่ากันราว4-6ชั่วโมง ใครจะจ้างลูกหาบก็ได้นะคะแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า ลูกหาบหนึ่งคนสามารถแบกสัมภาระได้ประมาณ20 กก. (ราคาลูกหาบไม่ชัวร์เพราะเราแบกเอง15โล ชิลๆ จริงจริ๊งงง งือออ รู้งี๊ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ลูกหาบก็ดี ฮาาา) ราคาน่าจะ 500บาท/คน/วัน ไป-กลับก็1,000บาท ***ใครมีข้อมูลมาแชร์กันได้นะคะ
ระหว่างทาง เราจะเห็นพันธุ์ไม้นานาชนิดค่ะ เพราะดอยหลวงเชียงดาวเป็นแหล่งที่มีพืชพรรณหลากหลายและมีหลายชนิดที่เป็นพืชถิ่นเดียวไม่พบในส่วนอื่น ๆ ของประเทศไทย มีทั้งพืชเขตร้อน, กึ่งเขตร้อนและพืชเขตอบอุ่น ดอกบัวตองสีเหลืองยังมีให้เห็นตามรายทางอีกด้วย ไม่ต้องไปไกลถึงแม่ฮ่องสอน ดอกพิมใจสีชมพูหวานก็มีให้เห็น หญ้าดอกลาย กุหลาบขาวเชียงดาว ฟองหินเหลือง และอย่างพวกมอสต่างๆก็จับที่โขดหินเยอะใช้ได้ และลูกอะไรสักอย่างมุมขวาบน พอดีเราเดินตามหลังพี่เจ้าหน้าที่เขาไกด์ชาวต่างชาติเที่ยวเลยเนียนไปกับเขา พี่เขาปอกให้ชิมดูด้วยค่ะ
วันที่ไปเราก็แอบลุ้นว่าจะได้เห็น ดอกเทียนนกแก้ว มั้ย ปรากฎว่ายังหลงเหลืออยู่2-3ดอก นึกว่าจะโรยไปซะแล้ว ลักษณะเหมือนดอกกล้วยไม้แต่มีรูปร่างเหมือนนก หาชมได้ที่นี่ ดอยหลวงเชียงดาวที่เดียวเน้อ เพราะเป็นพันธุ์ไม้หายากอยู่บนภูเขาสูง พบขึ้นตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาหรือบริเวณโขดหินปูนที่อยู่สูง จากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-1,800 เมตร โดยดอกจะบานราวเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน (แต่เราไปกลางเดือนธันวาคม ยังโชคดีที่ไม่ร่วงไปก่อน)
ดอยหลวงเชียงดาวเป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ภายในป่าที่เดินมาจะสลับเปลี่ยนวิวไปเรื่อย ป่าทึบบ้าง หญ้าสูงบ้าง ดงกล้วยบ้าง ภูเขาหินปูนบ้าง พื้นดินแห้งบ้าง แฉะบ้างเดินเอาเกร็งกลัวลื่นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นป่าที่หลากหลายไม่จำเจ
เดินไปได้ครึ่งทางรึยังไม่รู้ แต่เรามาถึง3แยกปางวัว พักทานอาหารกลางวันและพักเหนื่อยกันตรงนี้ค่ะ ในส่วนของห้องน้ำเป็นส้วมหลุมค่ะ นี่โอเคนะเพราะเคยผ่านส้วมหลุมที่อินเดียมาแล้วเลยเฉยๆ ฮาาา
พักนานไม่ได้ ต้องเดินกันต่อ #ทีมรั้งท้าย ผ่านป่าดงกล้วย เจอวิวภูเขา และนี่เลยซากฟอสซิลหอย พิกัดคืออยู่ตรงใกล้ๆหินที่เรานั่งนั่นล่ะเผอิญเห็นเองเลย ดีใจๆ อย่างที่เกิ่นไปแล้วว่าดอยหลวงเชียงดาวมีความอเมซิ่งคือเป็นสถานที่ๆ พบความหลากหลายทางชีวภาพมาก เนื่องจากเป็นเขาหินปูน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย เกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน มีอายุระหว่าง230–250ล้านปี เป็นหมู่หินราชบุรีของไทย ซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนทะเล และซากสัตว์ที่มีหินปูน สันนิษฐานว่า พื้นที่ในบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นท้องทะเลมาก่อนที่การตกตะกอนทับถมของซากสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการังและหอย(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
เดินมาถึงจุดนี้เขาหินปูนที่โอบล้อมเราอยู่ นี่พยายามมองหากวางผาอยู่นานเผื่อจะเจอเกาะอยู่โขดไหนสักโขด แต่ก็ไม่เห็น
ทางชันๆนี่ไม่อยากจะสู้เลย มาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่าเหนื่อย แต่ก็ต้องเดินต่อ หลุดจากตรงนี้ไปก็ถึงลานกางเต็นท์แล้วจ้า พร้อมจะโยนเป้ออกจากหลังแล้ววว
หลังจากจัดแจงที่หลับที่นอน กางเต็นท์เรียบร้อย พักสักแพร๊บก็ไปต่อที่จุดชมวิวสูงสุดบนยอดดอยเพื่อชมพระอาทิตย์ตกกันค่ะ ใช้เวลาจากลานกางเต็นท์ประมาณ30-40นาที เดินมาครึ่งทางมีช่องให้หลบเลยขอพักและมองวิวจากตรงนี้ก่อน
สักพักมีคนเห็นกวางผาค่ะ เราไม่เห็นแต่ถ่ายรูปมาก่อน แล้วก็ไล่มองทีละนิดๆจนเห็น กลัวคนอื่นไม่เห็นเลยวงแดงมาให้ 55 พอดีไม่ได้เอาเลนส์ซูมไป เลยได้มาแค่นี้
อ่ะๆ พาน้องมาอวดโฉม น่าร๊ากกก (เพื่อนในกลุ่มถ่ายไว้ได้ ขออนุญาตนะคะ ขอบคุณค่ะ)
ของแถมค่ะ เพื่อนในกลุ่มถ่ายไว้ได้ นกปรอดหงอนปากหนา ทรงผมเท่ห์เชียว (ต้องขออนุญาตและขอบคุณค่ะ)
หลังจากมิชชั่นตามล่ากวางผาสำเร็จแล้ว เราก็ไปกันต่อที่จุดชมวิว อย่าเรียกเดินเลยค่ะ เพราะมันคือปีนภูเขาหินปูน ดูสภาพไว้เพราะตอนลงมันมืดมาก นี่กระดื้บๆลงเลยจ้า เกร็งจนขาสั่นผับๆ
เย้! มาถึงแล้ว ต้องเช็คอินกับป้าย อ่อเราลืมบอกไป ไฟฉายคาดหัวเตรียมมาด้วยนะคะ ได้ใช้แน่ๆอย่าลืมเด็ดขาด
แสงสีทองวันนั้น เลิฟมากๆเลย
เราอยู่กันสูงมาก จนมีความรู้สึกว่าได้ใกล้ฟ้าแบบสุดๆ
บนนี้ก็มีดอกไม้ดอกหญ้านะ น่ารักจริงๆเลยแก
ที่ยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว เราจะเห็นพระอาทิตย์ตกลงที่ดอยสามพี่น้อง มองแล้วเหมือนคนนอนอ้าปากแล้วพระอาทิตย์ค่อยๆเข้าปากไปเนอะ เอาจริงๆการจะขึ้นมาถึงจุดนี้ก็ไม่ง่ายนะ ใครยังเดินไหว มาสักครั้งในชีวิต แล้วจะประทับใจมิรู้ลืม
พระอาทิตย์ตกไปแล้ว แต่เรายังนั่งมองดูแสงTwilight ดอยบ้าอะไรสวยจัง
ภาพตอนลงไม่สามารถถ่ายมาให้ดูได้ เพราะต้องเอาชีวิตรอดก่อน พอลงมาถึงเต็นท์แล้วก็ช่วยกันจัดเตรียมอาหาร ตอนเด็กๆใครเคยเล่นสร้างบ้าน ในบ้านของตัวเองมั้ย เอาลังเอาผ้ามาตั้งมากั้น แล้วก็เล่นทำกับข้าว เห้ยย จะบอกว่าจินตนาการวัยเด็กมันคือพื้นฐานของชีวิตจริง 555 อิ่มท้องแล้ว พักผ่อนตามอัธยาศัย เดินหาที่ปูพื้นนอนดูดาว ยิ่งสูง ยิ่งมืด ยิ่งเห็นดาว นอนแหงนหน้ามองดาว นอนนับดาวตกกันไป ฟินสุดจะบรรยาย
เมื่อคืนโคตรหนาว 3องศา ตื่นมาพร้อมกับต้องเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยกิ่วลม ใช้เวลาประมาณไม่ถึง1ชั่วโมง ก็มาถึง มาลุ้นทะเลหมอกกันจ้า
งู้ยยย ค่อยๆเคลื่อนมาแล้ว หมอกจ๋า มาพร้อมกับแสงเช้าสีส้มๆพาสเทล
#มันดูดีที่สุดเลยเว้ยแก
จากจุดนี้เราจะมองเห็นไปถึงลานกางเต็นท์ด้วย
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็เดินกลับไปยังเต็นท์ ทำอาหารเช้ากินและเก็บข้าวของ ลงดอยกัน เราลงทางปางวัว ระยะทาง6.5กม. และเป็นธรรมดาที่ตอนลงจะไวกว่าตอนขึ้น เส้นทางนี้ชันจริง ชันต่อเนื่อง กลัวลื่นก็กลัวเพราะเห็นคนลื่นต่อหน้าต่อตา จิกปลายเท้าซะเจ็บไปหมด ระหว่างทางเจอดอกเทียนนกแก้ว1ดอก
รูปไม่ค่อยได้ถ่ายแล้ว มุ่งมั่นเดินอย่างเดียว เส้นทางนี้จะมองเห็นโฮมสเตย์ด้วย ครั้งนึงเราก็เคยไปพักและก็มองมายังวิวดอยหลวงเชียงดาว ไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงจะเดินขึ้นมาจริงๆและก็ได้มองย้อนกลับไปยังโฮมสเตย์ที่เราเคยไปพัก เดินทางมาถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่าเหนื่อยจริง และเริ่มเจ็บข้อพับขา ยิ่งทำให้เดินช้า ต้องขอบคุณพี่ๆที่คอยช่วยเหลือมากๆจริงๆค่ะ
ตอนขึ้นไป เอาขยะไปเท่าไหร่ลงมาก็ต้องเอาขยะมาแลกกับเงินมัดจำคืนด้วยนะคะ
ทุกครั้งที่เวลาเอาตัวเองมาลำบาก มาเหนื่อย มาทรมานก็ถามตัวเองตลอดว่ามาทำไม แต่พอได้เห็นธรรมชาติตรงหน้า ก็รู้คำตอบแล้วล่ะว่าแล้วทำไมถึงจะไม่มาล่ะ
ค่าใช้จ่ายทริปหารเฉลี่ย รวมทุกอย่าง 3วัน2คืน คนละประมาณ3,000บาท (มีไปดอยผ้าห่มปกด้วยอีก1คืน)
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้