เรียนหนังสือ

กระทู้สนทนา
ในยุคที่โรคโคโรน่า ไวรัสกำลังระบาดในขณะนี้
การเรียนของเด้ก ๆก็ นิ่นนานออกไป ตามข่าวว่าจะเปิดเรียนกัน
 1 กรกฎา โน่น ตอนนี้ กระทรวง ศธ สั่งให้มีการเรียน ออนไลน์
 ออนไลน์ นั่นหมายถึง ใช้ระบบ โทรทัศน์ หรือไม่ก็ทำโปรแกรม
 ให้กับระบบอินเตอร์เน็ต  มีโปรแกรมสำหรับการเรียนการสอน

 ในต่างประเทศเช่น ออสเตรเลีย ผมเห็นเขาเรียนระบบนี้กับเด็กที่อยู่ห่างไกล
 จากเมือง เพราะ ประเทศเขากว้างใหญ่เป็นทวีป แม้แต่การรักษาอาการ
 ทางการแพทย์ ก็ใช้ระบบรักษาทางไกลกันหมือนกัน
 แต่

 หันมาพูดเรื่องนี้กับบ้านเรากีกว่า ผมเป็นครูมาก่อน แม้เกษียณมาเป็นสิบปี
 ก็เคยใช้ ระบบนี้ทดลองสอนกับ นักเรียนในระดับ ชั้น ปวช 1 วิธีการของการเรียนแบบนี้ต้อง
 สร้างโปรแกรมขึ้นมาในวิชานั้น ๆ สมัยนั้น ผมไม่ได้สร้างเอง แต่มีบริษัทที่ เขาสร้างโปรแกรมขึ้นมา 
 เป็นพื้นฐาน ที่เขาเรียกว่า แพลตฟอร์ม คนที่นำมาใช้ ก็จัดการเอาบทเรียน มาใส่ ทำแบบฝึกหัด
 บรรจุลงในโปรแกรม นั้น ๆรวมทั้ง ทำข้อสอบ ที่เราสร้างขึ้นมา เด็ก ๆที่เข้าไปเรียน ก็ทำข้อสอบข้าไปเรียนที่เราสร้างขึ้น
 มันจะมีคะแนนโผล่ขขึ้นมาให้เสร้จสรรพ  มีคำถามว่า แล้วเด้กจะเข้าไปลอกข้อสอบกันได้ไหม
ตอบว่าไม่ได้ เพราะแต่ละคนที่เรียน จะมีโค้ดที่เป็นของใครของมัน คำถามของแต่ละคน ไม่เหมือนกันันเลย ที่เรียกว่า  Big rOOM
 แต่มีมาตราฐานเท่ากัน อันนี้ผู้สอนต้อง สร้างและมีความสามารถประกอบด้วย
 โปรแกรมนี้ผมใช้สอนกับเด็กที่เรียนวิชาเดียวกันจำนวน กว่า 240 คน 
 ครูไม่ต้องสอนในชั้น แต่ต้องเข้าไปแนะนำ ในช่วง ที่มีชั่วโมงสอน 
 เราก็กำหนดให้ตรงกันที่เดียร หกห้อง ที่เรียกว่า Big Room 
 ผมสอนในภาคเรียนแรก ก็ต้องแก้ใข บทเรียนและโปรแกรม ไป เพื่อใช้ในภาคเรียน
 การทดสอบ ก็ เอานักเรียน คละห้องมารวมกัน ประมาณ สี่สิบคน มาทำข้อสอบกลาง
 ครั้งแรกนี่ไม่ค่อยได้ผล ก้ปรับปรุงไป  จน ได้ผลกว่า 70 % ถือว่าดีมาก
 นี่เป็นประสพการณ์ เมื่อประมาณ 14 ปีมาแล้วของผม

 ส่วนการเรียนทางโทรทัศน์ เคยเห็นแต่ ม สุโขทัยที่เขาจัดการเรียนทาการเรียนด้วยสื่อแบบนี้ งไกล กับ คนเรียน
 ใน มสุโขทัย   
 การด้วยสื่อแบบนี้ ตามความคิดผม ในประเทศของเรา มันน่าจะเหมาะกับ วัยของเด็ก  ความพร้อมในตัวของเด็ก
 ความพร้อมในระบบสื่อ   ต้องมีการสำรวจ ความพร้อมของ ทางบ้าน มีเด้กกี่คน เรียนชั้นไหนบ้าง เพราะถ้า
 ที่บ้านมีลูกหลายคน เรียนชั้นต่างกัน ก็ ต้องกำหนดเวลาเรียนที่ต่างกัน

 ข้อสำคัญ อย่าโยนภาระอันนี้ไปให้กับผู้ปกครอง   ที่ตามข่าวยายไปหาซื้อมือถือให้หลาน บอกจะไปใช้เรียนหนังสือ
 ครับค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเน๊ต ความแรงของเน๊ต ใครจะรับผิดชอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่