เปลี่ยนจากที่ต้องดูว่าคนข้างหน้าเขาไปทางไหนแล้วพยายามเดินให้ไวกว่าหรืออาศัยบ่าเขาแล้วมาต่อยอดให้ดีกว่า
แล้วแทนที่ในหลากหลายด้านด้วยทัศนคติใหม่ เช่น
คณิตศาสตร์นั้นยังจำเป็นสำหรับทุกคนต้องเรียนรู้หรือ?(น่าจะเหมาะกับเพียงบางกลุ่มเท่านั้น)
ภาษาที่สองหรือภาษาที่สามนั้นคงมีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นคนที่ต้องเรียน
เราควรเรียนวิชาประวัติศาสตร์เพื่อให้ได้อะไร? (วันเวลา?, คน?, บทเรียน?)
ศิลปะศาสตร์ต้องส่งเสริมการประกวดเพื่อแข่งการเป็นผู้กล้าคิด, กล้าทำและกล้านำ เพื่อการสรรสร้างต่อไป
วิทยาศาสตร์ควรสนับสนุนจิตวิญญาณของผู้รักความจริง ควรดูหมิ่นพวกชอบพกตำรา ใช้จินตนาการมาช่วยขี้นำความคิดแต่ต้องหมั่นตรวจสอบความจริง
ความเชื่อทางสังคมควรอยู่บนพื้นฐานความน่าเป็นไปได้(วิทยาศาสตร์ธรรมชาติต้องหนักแน่นต่อการพิสูจน์ได้)
เลิกเชื่อด้วยความเกรงใจ แล้วเชื่อทุกอย่างที่มีตัวอย่างความจริงที่เราหักล้างได้อยาก หรือรอการพิสูจน์ในอนาคต
ยังมีข้อสงสัยและศาสตร์อีกมากที่ต้องการพวกท่านมาช่วยกันพัฒนา แต่อย่าลืมว่าเพื่อความสามัคคีและความสงบเราต้องไม่ก้าวล่วงในความเชื่อของผู้อื่น
. ***
ดังนั้นน่าจะได้เวลาแล้วที่เราต้องหยุด เพื่อทบทวนดูว่าที่ผ่านมาเราต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและศึกษาของเรานั้นมีสิ่งใดบ้างที่ต้องปรับปรุง
หลักคิดที่ใช้ในการชี้นำในประเด็นนี้คือ
-เอาชนะความตนเองเสมอในทุกที่เสมอแม้ว่ามันจะยากที่สุด
-ถึงแม้เราจะพยายามมากเพียงใดเราก็คงจำสู้เครื่องไม่ได้ แม้ว่าเราจะใช้ทุกอย่างที่มี
-จะพยายามอย่างเต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงสังคมในครั้งนี้เพราะมีหลายอบ่างที่ต้องการปรับปรุง หรือเพิ่มเติม
-สังคม และเครื่องมือเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ความคิดของเรายังคงคือเดินตามคนข้างหน้าเสมอหรืออาจเปลี่ยนบ้าง
คุณเห็นว่าเราควรมาปรับเปลี่ยนทัศนคติของพฤติกรรม(ความคิดและการกระทำ)กันเถอะ?
แล้วแทนที่ในหลากหลายด้านด้วยทัศนคติใหม่ เช่น
คณิตศาสตร์นั้นยังจำเป็นสำหรับทุกคนต้องเรียนรู้หรือ?(น่าจะเหมาะกับเพียงบางกลุ่มเท่านั้น)
ภาษาที่สองหรือภาษาที่สามนั้นคงมีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นคนที่ต้องเรียน
เราควรเรียนวิชาประวัติศาสตร์เพื่อให้ได้อะไร? (วันเวลา?, คน?, บทเรียน?)
ศิลปะศาสตร์ต้องส่งเสริมการประกวดเพื่อแข่งการเป็นผู้กล้าคิด, กล้าทำและกล้านำ เพื่อการสรรสร้างต่อไป
วิทยาศาสตร์ควรสนับสนุนจิตวิญญาณของผู้รักความจริง ควรดูหมิ่นพวกชอบพกตำรา ใช้จินตนาการมาช่วยขี้นำความคิดแต่ต้องหมั่นตรวจสอบความจริง
ความเชื่อทางสังคมควรอยู่บนพื้นฐานความน่าเป็นไปได้(วิทยาศาสตร์ธรรมชาติต้องหนักแน่นต่อการพิสูจน์ได้)
เลิกเชื่อด้วยความเกรงใจ แล้วเชื่อทุกอย่างที่มีตัวอย่างความจริงที่เราหักล้างได้อยาก หรือรอการพิสูจน์ในอนาคต
ยังมีข้อสงสัยและศาสตร์อีกมากที่ต้องการพวกท่านมาช่วยกันพัฒนา แต่อย่าลืมว่าเพื่อความสามัคคีและความสงบเราต้องไม่ก้าวล่วงในความเชื่อของผู้อื่น
. ***
ดังนั้นน่าจะได้เวลาแล้วที่เราต้องหยุด เพื่อทบทวนดูว่าที่ผ่านมาเราต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและศึกษาของเรานั้นมีสิ่งใดบ้างที่ต้องปรับปรุง
หลักคิดที่ใช้ในการชี้นำในประเด็นนี้คือ
-เอาชนะความตนเองเสมอในทุกที่เสมอแม้ว่ามันจะยากที่สุด
-ถึงแม้เราจะพยายามมากเพียงใดเราก็คงจำสู้เครื่องไม่ได้ แม้ว่าเราจะใช้ทุกอย่างที่มี
-จะพยายามอย่างเต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงสังคมในครั้งนี้เพราะมีหลายอบ่างที่ต้องการปรับปรุง หรือเพิ่มเติม
-สังคม และเครื่องมือเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ความคิดของเรายังคงคือเดินตามคนข้างหน้าเสมอหรืออาจเปลี่ยนบ้าง