บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ออกมาดังนี้
1. รายได้รวม 22,533 ล้านบาท ลดลง 22% จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ทำให้ต้องปิดโรงแรม และร้านอาหารที่มีอยู่จำนวนมากในหลายประเทศ
รายได้จากโรงแรมลดลงไป 26% เหลือ 15,770 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจอาหารลดลงไป 11% เหลือ 5,664 ล้านบาท
รายได้ของธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตลดลงไป 21% เหลือ 986 ล้านบาท
2. บริษัทขาดทุน 1,774 ล้านบาท แต่ถ้าไม่คิดรวมกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในไตรมาสนี้ จะขาดทุนมากถึง 3,173 ล้านบาท
3. ปัจจุบันมีโรงแรมทั้งหมด 154 แห่งใน 55 ประเทศ มีจำนวนห้องกว่า 76,320
รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่มี (RevPAR) อยู่ที่ 1,935 บาทต่อคืนลดลงจาก 2,655 บาทต่อคืน
อัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลงจาก 66% เหลือ 49% เท่านั้น
4. ธุรกิจอาหารมีสาขาทั้งหมด 2,632 เพิ่มขึ้น 108 สาขาเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 10.5%
5. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชี TFRS 16 ที่มีผลกระทบหลักๆไปที่ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ต้องนำมาบันทึกเป็นสินทรัพย์และหนี้สิน
ทำให้ในไตรมาสนี้สินทรัพย์ของ MINT เพิ่มขึ้น 90,948 ล้านบาท
ในขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้นถึง 111,963 ล้านบาท โดยกว่า 95,204 ล้านบาทมาจาก TFRS19
6. บริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพคล่องว่า ตอนนี้มีเงินสด 2.2 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่ออีก 2.7 หมื่น
ล้านบาท นอกจากนี้ทาง NH Hotel ยังมีสินเชื่ออีก 250 ล้านยูโร หรือ 8,600 ล้านบาท รวมๆก็เกือบ 6 หมื่นล้านบาท
ตอนนี้บริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนที่ต้องชำระภายในหนึ่งปีเป็นเงิน 55,098 ล้านบาท
ถ้าบริษัทยังขาดทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในไตรมาสที่สองที่โดนเต็มๆ จะทำให้ปีนี้ทั้งปีติดลบจำนวนมากได้
ผมลองไปดูที่งบกำไรขาดทุนไตรมาสล่าสุดในส่วนของค่าใช้จ่ายสูงถึง 24,826 ล้านบาท รายได้จากโรงแรมเป็นสัดส่วนสูงมากถึง 65% ของรายได้ทั้งหมด
ปีที่แล้วไตรมาสที่สองของ MINT มีรายได้จากโรงแรม 24,061 ล้านบาท ถ้ารายได้ไตรมาสที่สองหายไปเหลือเพียง 20% ของปีที่แล้ว รายได้ในส่วนนี้จะเหลือเพียง 4,800 ล้านบาท รวมกับรายได้ส่วนของอาหารและจัดจำหน่ายรวมกันประมาณ 7,400 ล้านบาท (ตัวเลขจากไตรมาสที่ 2 ปี 2019)
รายได้จะเหลือเพียง 12,200 ซึ่งไม่อยากจินตนาการว่าจะขาดทุนเท่าไหร่?
ดูจากหนี้ระยะสั้น 55,098 ล้านกับเงินสดและสินเชื่อที่มี 6 หมื่นล้านบาท
ถ้ายังขาดทุนมากๆหลายๆไตรมาส บริษัทคงต้องมองหาเเหล่งเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจอยู่รอดได้
ผมหวังว่าคงไม่เพิ่มทุนกับผู้ถือหุ้น และหวังว่าองค์กรที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศออกไปทำธุรกิจต่างประเทศแห่งนี้จะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ครับ #เอาใจช่วย #หุ้นโรงแรม
สรุปผลประกอบการหุ้น MINT และอนาคต? -By Billionaire VI
1. รายได้รวม 22,533 ล้านบาท ลดลง 22% จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ทำให้ต้องปิดโรงแรม และร้านอาหารที่มีอยู่จำนวนมากในหลายประเทศ
รายได้จากโรงแรมลดลงไป 26% เหลือ 15,770 ล้านบาท
รายได้จากธุรกิจอาหารลดลงไป 11% เหลือ 5,664 ล้านบาท
รายได้ของธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตลดลงไป 21% เหลือ 986 ล้านบาท
2. บริษัทขาดทุน 1,774 ล้านบาท แต่ถ้าไม่คิดรวมกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในไตรมาสนี้ จะขาดทุนมากถึง 3,173 ล้านบาท
3. ปัจจุบันมีโรงแรมทั้งหมด 154 แห่งใน 55 ประเทศ มีจำนวนห้องกว่า 76,320
รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่มี (RevPAR) อยู่ที่ 1,935 บาทต่อคืนลดลงจาก 2,655 บาทต่อคืน
อัตราเข้าพักเฉลี่ยลดลงจาก 66% เหลือ 49% เท่านั้น
4. ธุรกิจอาหารมีสาขาทั้งหมด 2,632 เพิ่มขึ้น 108 สาขาเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 10.5%
5. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชี TFRS 16 ที่มีผลกระทบหลักๆไปที่ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ต้องนำมาบันทึกเป็นสินทรัพย์และหนี้สิน
ทำให้ในไตรมาสนี้สินทรัพย์ของ MINT เพิ่มขึ้น 90,948 ล้านบาท
ในขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้นถึง 111,963 ล้านบาท โดยกว่า 95,204 ล้านบาทมาจาก TFRS19
6. บริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพคล่องว่า ตอนนี้มีเงินสด 2.2 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่ออีก 2.7 หมื่น
ล้านบาท นอกจากนี้ทาง NH Hotel ยังมีสินเชื่ออีก 250 ล้านยูโร หรือ 8,600 ล้านบาท รวมๆก็เกือบ 6 หมื่นล้านบาท
ตอนนี้บริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนที่ต้องชำระภายในหนึ่งปีเป็นเงิน 55,098 ล้านบาท
ถ้าบริษัทยังขาดทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในไตรมาสที่สองที่โดนเต็มๆ จะทำให้ปีนี้ทั้งปีติดลบจำนวนมากได้
ผมลองไปดูที่งบกำไรขาดทุนไตรมาสล่าสุดในส่วนของค่าใช้จ่ายสูงถึง 24,826 ล้านบาท รายได้จากโรงแรมเป็นสัดส่วนสูงมากถึง 65% ของรายได้ทั้งหมด
ปีที่แล้วไตรมาสที่สองของ MINT มีรายได้จากโรงแรม 24,061 ล้านบาท ถ้ารายได้ไตรมาสที่สองหายไปเหลือเพียง 20% ของปีที่แล้ว รายได้ในส่วนนี้จะเหลือเพียง 4,800 ล้านบาท รวมกับรายได้ส่วนของอาหารและจัดจำหน่ายรวมกันประมาณ 7,400 ล้านบาท (ตัวเลขจากไตรมาสที่ 2 ปี 2019)
รายได้จะเหลือเพียง 12,200 ซึ่งไม่อยากจินตนาการว่าจะขาดทุนเท่าไหร่?
ดูจากหนี้ระยะสั้น 55,098 ล้านกับเงินสดและสินเชื่อที่มี 6 หมื่นล้านบาท
ถ้ายังขาดทุนมากๆหลายๆไตรมาส บริษัทคงต้องมองหาเเหล่งเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจอยู่รอดได้
ผมหวังว่าคงไม่เพิ่มทุนกับผู้ถือหุ้น และหวังว่าองค์กรที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศออกไปทำธุรกิจต่างประเทศแห่งนี้จะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ครับ #เอาใจช่วย #หุ้นโรงแรม