สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
มุมมองของผมคือ
1. คน 2 คนมีวัฒนธรรมต่างกัน ทัศนคติต่างกัน แต่ตกลงจุดกึ่งกลางแล้ว
ทัศนคติไม่มีใครผิดใครถูก เขาอยากเก็บซิง คุณไม่อยากไปสุ่มหลังแต่งงาน
2. จุดกึ่งกลางคือสัญญาที่ให้กันไว้ ถ้าอ่านดูก็น่าจะสัก 7 ปี เขาผิดสัญญา
ยึดเอาตัวเอง จุดนี้ผมมองว่าไม่โอเคเพราะว่าเขาเอาวัฒนธรรมตัวเองเป็นหลัก
คนคบกันไม่ควรมีใครหมุนรอบใครคนใดคนนึง ต้องมีจุดที่ไปด้วยกัน
ทำให้คนทั้งสองคนเสียเวลาแทนที่จะแยกย้ายไปเจอคนที่คิดเหมือนกัน
3. เขาเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าคือคุณเข้าใจว่าโอเค ไปกันไม่รอดแยกย้ายดีกว่า
แต่เขากลับรั้งว่าคุณเห็นแก่ตัวที่เลือกจะจากไป ทำให้คุณรู้สึกเป็นคนไม่ดี
ทั้งๆที่ควรจะเข้าใจถึงความต่าง เป็นผม ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้
4. คุณไม่จำเป็นต้องสุ่มล็อตเตอรี่หลังแต่งงาน
เชื่อเถอะหลังแต่งงานถ้าหวยออกว่าเซ็กส์ไปด้วยกันไม่ได้
คุณอยากเลิก เขาก็จะว่าคุณเห็นแก่ตัวอยู่ดี มีคำพูดที่ทำให้คุณกลายเป็นคนไม่ดีอยู่ดี
หลังแต่งงานเลิกก็ยาก ไหนจะญาติผู้ใหญ่อีกอะไรอีก บานปลาย ข้ออ้างก็เยอะกว่านี้
ส่วนไอคนที่บอกรออีกหน่อย พอแต่งงานหวยออกไม่ดี เดี๋ยวก็รอไปเรื่อยๆนั่นแหละ
คำแนะนำมันขยับตามสถานะคุณไปเรื่อยๆนั่นแหละ แต่ทั้งหมดก็แค่ไม่อยากให้เลิกกัน
5. มนุษย์ทุกคนก็เห็นแก่ตัว เขาไม่เห็นแก่ตัวหรอที่ใช้วิธีนี้ยื้อมากี่ปีแล้ว
ผิดสัญญาอีก บางทีคุณก็ควรเห็นแก่ตัวเพื่อชีวิตคุณบ้าง
คนเราไม่สามารถเป็นพ่อพระในสายตาทุกคนได้
อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกามาก
6. ตัดสินใจให้ดีเพราะชีวิตมีหลายด้านมากกว่า sex บางเรื่องเป็นข้อจำกัด
ของแต่ละคน คิดให้ดีๆก่อนตัดสินใจ รับผลเสียของมันให้ได้
1. คน 2 คนมีวัฒนธรรมต่างกัน ทัศนคติต่างกัน แต่ตกลงจุดกึ่งกลางแล้ว
ทัศนคติไม่มีใครผิดใครถูก เขาอยากเก็บซิง คุณไม่อยากไปสุ่มหลังแต่งงาน
2. จุดกึ่งกลางคือสัญญาที่ให้กันไว้ ถ้าอ่านดูก็น่าจะสัก 7 ปี เขาผิดสัญญา
ยึดเอาตัวเอง จุดนี้ผมมองว่าไม่โอเคเพราะว่าเขาเอาวัฒนธรรมตัวเองเป็นหลัก
คนคบกันไม่ควรมีใครหมุนรอบใครคนใดคนนึง ต้องมีจุดที่ไปด้วยกัน
ทำให้คนทั้งสองคนเสียเวลาแทนที่จะแยกย้ายไปเจอคนที่คิดเหมือนกัน
3. เขาเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าคือคุณเข้าใจว่าโอเค ไปกันไม่รอดแยกย้ายดีกว่า
แต่เขากลับรั้งว่าคุณเห็นแก่ตัวที่เลือกจะจากไป ทำให้คุณรู้สึกเป็นคนไม่ดี
ทั้งๆที่ควรจะเข้าใจถึงความต่าง เป็นผม ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้
4. คุณไม่จำเป็นต้องสุ่มล็อตเตอรี่หลังแต่งงาน
เชื่อเถอะหลังแต่งงานถ้าหวยออกว่าเซ็กส์ไปด้วยกันไม่ได้
คุณอยากเลิก เขาก็จะว่าคุณเห็นแก่ตัวอยู่ดี มีคำพูดที่ทำให้คุณกลายเป็นคนไม่ดีอยู่ดี
หลังแต่งงานเลิกก็ยาก ไหนจะญาติผู้ใหญ่อีกอะไรอีก บานปลาย ข้ออ้างก็เยอะกว่านี้
ส่วนไอคนที่บอกรออีกหน่อย พอแต่งงานหวยออกไม่ดี เดี๋ยวก็รอไปเรื่อยๆนั่นแหละ
คำแนะนำมันขยับตามสถานะคุณไปเรื่อยๆนั่นแหละ แต่ทั้งหมดก็แค่ไม่อยากให้เลิกกัน
5. มนุษย์ทุกคนก็เห็นแก่ตัว เขาไม่เห็นแก่ตัวหรอที่ใช้วิธีนี้ยื้อมากี่ปีแล้ว
ผิดสัญญาอีก บางทีคุณก็ควรเห็นแก่ตัวเพื่อชีวิตคุณบ้าง
คนเราไม่สามารถเป็นพ่อพระในสายตาทุกคนได้
อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกามาก
6. ตัดสินใจให้ดีเพราะชีวิตมีหลายด้านมากกว่า sex บางเรื่องเป็นข้อจำกัด
ของแต่ละคน คิดให้ดีๆก่อนตัดสินใจ รับผลเสียของมันให้ได้
ความคิดเห็นที่ 22
เราเป็นญ อายุ20ปลาย
เคยเจอประสบการณ์เดียวกัน
มีมุมมองส่วนตัวที่อยากแชร์ดังนี้
การที่เราบอกใครซักคนว่าอยากมีหลังแต่ง มันไม่ใช่เพราะอยากเก็บซิง หรือขนาดเทิดทูนบูชาว่าความซิงเป็นการแสดงคุณค่าของเรา (เราคิดว่า"ทุกคน"มีค่ามากกว่านั้น) เราแค่อยากแสดงจุดยืนว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆของความสัมพันธ์ เราไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะมีตอนไหน แต่ในทางกลับกัน มันกลับเป็นการคัดกรอง คนที่เข้ามา
ว่ามีมุมมองเรื่อง"คู่ชีวิต"ยังไง + หรือแค่ต้องการเติมเต็มความต้องการมากกว่าการอยากที่จะให้ ซึ่งตามมาด้วยคำว่า"รัก" มันคือรักที่เราเรียกว่ารักแท้ในอุดมคติเรา คนที่ให้เราอย่างดี แต่หวังอะไรบางอย่างจากเรา กรณีนี้ไม่นับว่าคือการให้
เราเคยเจอรักแบบนั้นตอนวัยรุ่น พอโตมาเป็นผู้ใหญ่ ไม่เคยเจอเลยค่ะ หลายคนต่างบอกว่ารัก แต่พอมีเรื่อง sex เข้ามาเกี่ยวพันแล้ว แต่ละคนกลับให้คุณค่า ความสำคัญของมัน จนวางเอาไว้เหนือทุกสิ่ง
วันคืนดีๆที่เราเคยดูแลกัน กลับมองข้าม
คุณบอกว่า sexกับชีวิตคู่มันสำคัญ เราเองก็มองว่าแฟนคุณก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้(เธอถึงยังไม่ได้ให้คุณเลยตอนแรกไง) ถ้าคุณมองเห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับมันและคุณก็บอกเองว่าเรื่องนี้สำคัญ ทำไมไปของ่ายๆแบบนั้น จะเอาๆ ต่อยังกับซื้อสินค้า พอเปย์เยอะๆ แล้วไม่ได้ก็มาตัดพ้อ คุณก็แค่อยากทำ และก็"กลัว"ว่าหลังแต่งงานไป สิ่งที่คุณลงทุนมาทั้งหมดจนมาถึงจุดนี้ มันจะสูญเปล่า เพราะภรรยาตายด้าน สะกิดไม่ตื่น เหมือนที่คนอื่นเจอมา
คุณแค่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นใหญ่ แต่ไม่ได้มองว่ามันสำคัญ เราเข้าใจแบบนั้น ถ้าคุณคิดแนวนี้ จะมีหลังหรือก่อนแต่ง วันนึงคุณก็พบกับความผิดหวังอยู่ดีแหละ ในวันที่ภรรยาตอบสนองให้ไม่พอ ตกลงแล้ว คุณมาคบเธอเพื่ออะไรเอาจริงๆ
คุณเหมือนที่แฟนคุณพูดจริงๆอะแหละในตอนนี้
แฟนคุณยังไม่ให้เพราะคงดูออกแต่แรก
แล้วยิ่งมาขอเป็นช่วงๆ เป็นเราก็ยิ่งไม่อยากให้เลย
แต่คบกันต่อจนแต่งงาน จะไปกันยืดไหม เป็นเรื่องที่ตอบยากมาก ถ้าคุณมีทัศนคติแบบนี้
ไปทำความเข้าใจเรื่องชีวิตคู่ กับ sex ใหม่ มันลึกซึ้งกว่าที่คุณคิดมาก
sex สำคัญกับชีวิตคู่ไหม สำหรับเราความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกันสำคัญกว่า sex ไม่ได้สำคัญถึงขนาดวางไว้เป็นเรื่องต้นๆของความสัมพันธ์
sex เป็นสีสัน ความยินดีในชีวิตคู่ ที่สองคนอยากจะใกล้ชิดกัน (มากพอ) แฟนคุณคงไม่รู้สึกถึงในความรักที่คุณให้เธออย่างแท้จริง เธอเลยเป็นแบบนั้น
เราอ่านแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่ารักเลย
เราอยากมี กับ คนที่เรารักเขาและเราเองก็รู้สึกว่าเขารักเราจริงค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ ลองกลับไปคิดดีๆ
อย่าพึ่งใช้ความอยากเป็นที่ตั้ง
เคยเจอประสบการณ์เดียวกัน
มีมุมมองส่วนตัวที่อยากแชร์ดังนี้
การที่เราบอกใครซักคนว่าอยากมีหลังแต่ง มันไม่ใช่เพราะอยากเก็บซิง หรือขนาดเทิดทูนบูชาว่าความซิงเป็นการแสดงคุณค่าของเรา (เราคิดว่า"ทุกคน"มีค่ามากกว่านั้น) เราแค่อยากแสดงจุดยืนว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆของความสัมพันธ์ เราไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะมีตอนไหน แต่ในทางกลับกัน มันกลับเป็นการคัดกรอง คนที่เข้ามา
ว่ามีมุมมองเรื่อง"คู่ชีวิต"ยังไง + หรือแค่ต้องการเติมเต็มความต้องการมากกว่าการอยากที่จะให้ ซึ่งตามมาด้วยคำว่า"รัก" มันคือรักที่เราเรียกว่ารักแท้ในอุดมคติเรา คนที่ให้เราอย่างดี แต่หวังอะไรบางอย่างจากเรา กรณีนี้ไม่นับว่าคือการให้
เราเคยเจอรักแบบนั้นตอนวัยรุ่น พอโตมาเป็นผู้ใหญ่ ไม่เคยเจอเลยค่ะ หลายคนต่างบอกว่ารัก แต่พอมีเรื่อง sex เข้ามาเกี่ยวพันแล้ว แต่ละคนกลับให้คุณค่า ความสำคัญของมัน จนวางเอาไว้เหนือทุกสิ่ง
วันคืนดีๆที่เราเคยดูแลกัน กลับมองข้าม
คุณบอกว่า sexกับชีวิตคู่มันสำคัญ เราเองก็มองว่าแฟนคุณก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้(เธอถึงยังไม่ได้ให้คุณเลยตอนแรกไง) ถ้าคุณมองเห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับมันและคุณก็บอกเองว่าเรื่องนี้สำคัญ ทำไมไปของ่ายๆแบบนั้น จะเอาๆ ต่อยังกับซื้อสินค้า พอเปย์เยอะๆ แล้วไม่ได้ก็มาตัดพ้อ คุณก็แค่อยากทำ และก็"กลัว"ว่าหลังแต่งงานไป สิ่งที่คุณลงทุนมาทั้งหมดจนมาถึงจุดนี้ มันจะสูญเปล่า เพราะภรรยาตายด้าน สะกิดไม่ตื่น เหมือนที่คนอื่นเจอมา
คุณแค่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นใหญ่ แต่ไม่ได้มองว่ามันสำคัญ เราเข้าใจแบบนั้น ถ้าคุณคิดแนวนี้ จะมีหลังหรือก่อนแต่ง วันนึงคุณก็พบกับความผิดหวังอยู่ดีแหละ ในวันที่ภรรยาตอบสนองให้ไม่พอ ตกลงแล้ว คุณมาคบเธอเพื่ออะไรเอาจริงๆ
คุณเหมือนที่แฟนคุณพูดจริงๆอะแหละในตอนนี้
แฟนคุณยังไม่ให้เพราะคงดูออกแต่แรก
แล้วยิ่งมาขอเป็นช่วงๆ เป็นเราก็ยิ่งไม่อยากให้เลย
แต่คบกันต่อจนแต่งงาน จะไปกันยืดไหม เป็นเรื่องที่ตอบยากมาก ถ้าคุณมีทัศนคติแบบนี้
ไปทำความเข้าใจเรื่องชีวิตคู่ กับ sex ใหม่ มันลึกซึ้งกว่าที่คุณคิดมาก
sex สำคัญกับชีวิตคู่ไหม สำหรับเราความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกันสำคัญกว่า sex ไม่ได้สำคัญถึงขนาดวางไว้เป็นเรื่องต้นๆของความสัมพันธ์
sex เป็นสีสัน ความยินดีในชีวิตคู่ ที่สองคนอยากจะใกล้ชิดกัน (มากพอ) แฟนคุณคงไม่รู้สึกถึงในความรักที่คุณให้เธออย่างแท้จริง เธอเลยเป็นแบบนั้น
เราอ่านแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่ารักเลย
เราอยากมี กับ คนที่เรารักเขาและเราเองก็รู้สึกว่าเขารักเราจริงค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ ลองกลับไปคิดดีๆ
อย่าพึ่งใช้ความอยากเป็นที่ตั้ง
ความคิดเห็นที่ 37
ผมว่าคุณ "ซื่อ" เกินไปครับ จนเกือบจะเรียกว่า "โง่"
ผู้หญิงถ้าจะรักใครจริงๆ น่าจะมีจุดหนึ่งที่ชัดเจนนะครับ ว่าตกลงจะเป็นแฟนกันตอนไหนยังไง
ไม่อยากพูดถึงกรณีคนสมัยใหม่ที่ศึกษาดูใจกันไม่นาน แค่ไม่กี่วันไม่กี่เดือนก็ได้กัน
จริงๆ ศึกษาดูใจมันก็ดี แต่มันต้องมีกรอบที่ชัดเจน อาจจะมีในใจ ว่า 6 เดือน 1 ปี 2 ปี เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว หรืออะไรก็ว่าไป
และเมื่อถึงจุดนั้นก็ต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างแล้ว
แต่ที่ผู้หญิงของคุณทำ เรียกว่า "ดึงเช็ง" มันก็เชิงปั่นๆ หัวคุณเล่น แน่นอนคือเค้าอาจจะยังไม่ได้จริงจังกับคุณ
ไม่ได้ตกลงปลงใจกับคุณ หรือรอดูว่าอาจจะมีคนที่ดีกว่าเข้ามา เพราะถ้าเค้าจริงใจ เค้าจะไม่ผลัดไปเรื่อยแบบนี้ ถึงจุดหนึ่งมันต้องให้คำตอบ
ว่า "Yes" หรือ "์No" นี่คือเค้าเก็บคุณไว้เป็นลูกไก่ในกำมือเล่นๆ เพราะเหมือนรู้ว่าคุณเป็นของตาย
ผมว่าคุณเป็นคนที่อดทน และเป็นสุภาพบุรษมากพอสมควร เพราะบอกว่าคบกันตั้งแต่มหาลัยปี 1 จนถึงเรียนจบ ทำงาน อายุ 25
ก็ไม่ได้ล่วงเกินเค้าถ้าเค้าไม่ยินยอม ผมว่าจุดนี้คุณเป็นคนดี และอดทนมาก แต่ผมว่าคุณอย่าเป็นคนดีมาก และอดทนมากเกินไปจน "โง่"
ครับ ชีวิตคุณไม่ได้เป็นของเค้าคนเดียว หลายๆ อย่างมันก็เหมือนปิดโอกาสตัวคุณเอง ไม่ให้มีโอกาสได้พบเจอกับคนอื่นที่อาจจะดีกว่า
เหมาะสมกว่าเธอก็ได้ ผมว่าคุณเสียเวลาชีวิตมากเกินไปกับการรอคนๆ เดียว ช่วงเวลาที่คุณเสียไปเนี่ย เรียกได้ว่าเป็น Prime Time ของชีวิตเลยก็ว่าได้ หลายๆ คนตอนอายุเท่าคุณนี่ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงขนาดไหนไม่รู้แล้ว
ผมยังเสียดายเวลาในชีวิตคุณแทนเลย ตอนที่ผมอายุเท่าๆ คุณ ผมได้ทำอะไร ได้เจอใคร เยอะมาก
ไม่ได้มั่วหรือมีเพศสัมพันธ์อะไรกับใครมากมายหรอกนะ แต่คือได้พูดคุย ได้ทำความรู้จัก ได้ศึกษาคนหลายคน
มีแฟนก็เคยมีบ้าง ถึงจะคบแล้วต้องเลิก มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีและไม่เคยลืม และก็เลิกกันแบบด้วยดีไม่ได้โกรธแค้นเคืองอะไรกัน
แต่ชีวิตคุณจมปลักอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ ของคนๆ เดียว
ผมอาจพูดอะไรไม่ค่อยเข้าท่านะ แต่ผมว่า คุณน่าจะคิดได้อยู่หรอก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาพิมพ์ระบายแบบนี้
ถ้าถามความเห็นผม คุณไม่ต้องไปเข้าอาบอบนวดอะไรให้มันเสี่ยง หรือทำอะไรแย่ๆ แบบไปหาความสัมพันธ์ข้ามคืนเพื่อระบายให้มันเปลืองตัวหรอก สู้ลองมองคนที่ทัศนคติตรงกันกับคุณมันจะไม่ดีกว่าหรือ
นี่แหละ ที่มาของคำว่า "เข้ากันไม่ได้" ของจริง 555
ผู้หญิงถ้าจะรักใครจริงๆ น่าจะมีจุดหนึ่งที่ชัดเจนนะครับ ว่าตกลงจะเป็นแฟนกันตอนไหนยังไง
ไม่อยากพูดถึงกรณีคนสมัยใหม่ที่ศึกษาดูใจกันไม่นาน แค่ไม่กี่วันไม่กี่เดือนก็ได้กัน
จริงๆ ศึกษาดูใจมันก็ดี แต่มันต้องมีกรอบที่ชัดเจน อาจจะมีในใจ ว่า 6 เดือน 1 ปี 2 ปี เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว หรืออะไรก็ว่าไป
และเมื่อถึงจุดนั้นก็ต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างแล้ว
แต่ที่ผู้หญิงของคุณทำ เรียกว่า "ดึงเช็ง" มันก็เชิงปั่นๆ หัวคุณเล่น แน่นอนคือเค้าอาจจะยังไม่ได้จริงจังกับคุณ
ไม่ได้ตกลงปลงใจกับคุณ หรือรอดูว่าอาจจะมีคนที่ดีกว่าเข้ามา เพราะถ้าเค้าจริงใจ เค้าจะไม่ผลัดไปเรื่อยแบบนี้ ถึงจุดหนึ่งมันต้องให้คำตอบ
ว่า "Yes" หรือ "์No" นี่คือเค้าเก็บคุณไว้เป็นลูกไก่ในกำมือเล่นๆ เพราะเหมือนรู้ว่าคุณเป็นของตาย
ผมว่าคุณเป็นคนที่อดทน และเป็นสุภาพบุรษมากพอสมควร เพราะบอกว่าคบกันตั้งแต่มหาลัยปี 1 จนถึงเรียนจบ ทำงาน อายุ 25
ก็ไม่ได้ล่วงเกินเค้าถ้าเค้าไม่ยินยอม ผมว่าจุดนี้คุณเป็นคนดี และอดทนมาก แต่ผมว่าคุณอย่าเป็นคนดีมาก และอดทนมากเกินไปจน "โง่"
ครับ ชีวิตคุณไม่ได้เป็นของเค้าคนเดียว หลายๆ อย่างมันก็เหมือนปิดโอกาสตัวคุณเอง ไม่ให้มีโอกาสได้พบเจอกับคนอื่นที่อาจจะดีกว่า
เหมาะสมกว่าเธอก็ได้ ผมว่าคุณเสียเวลาชีวิตมากเกินไปกับการรอคนๆ เดียว ช่วงเวลาที่คุณเสียไปเนี่ย เรียกได้ว่าเป็น Prime Time ของชีวิตเลยก็ว่าได้ หลายๆ คนตอนอายุเท่าคุณนี่ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงขนาดไหนไม่รู้แล้ว
ผมยังเสียดายเวลาในชีวิตคุณแทนเลย ตอนที่ผมอายุเท่าๆ คุณ ผมได้ทำอะไร ได้เจอใคร เยอะมาก
ไม่ได้มั่วหรือมีเพศสัมพันธ์อะไรกับใครมากมายหรอกนะ แต่คือได้พูดคุย ได้ทำความรู้จัก ได้ศึกษาคนหลายคน
มีแฟนก็เคยมีบ้าง ถึงจะคบแล้วต้องเลิก มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีและไม่เคยลืม และก็เลิกกันแบบด้วยดีไม่ได้โกรธแค้นเคืองอะไรกัน
แต่ชีวิตคุณจมปลักอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ ของคนๆ เดียว
ผมอาจพูดอะไรไม่ค่อยเข้าท่านะ แต่ผมว่า คุณน่าจะคิดได้อยู่หรอก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาพิมพ์ระบายแบบนี้
ถ้าถามความเห็นผม คุณไม่ต้องไปเข้าอาบอบนวดอะไรให้มันเสี่ยง หรือทำอะไรแย่ๆ แบบไปหาความสัมพันธ์ข้ามคืนเพื่อระบายให้มันเปลืองตัวหรอก สู้ลองมองคนที่ทัศนคติตรงกันกับคุณมันจะไม่ดีกว่าหรือ
นี่แหละ ที่มาของคำว่า "เข้ากันไม่ได้" ของจริง 555
ความคิดเห็นที่ 2
ตอบได้แค่.....
ไม่มีใครผิดใครถูก
แค่...ความต้องการมันไม่ตรงกัน
ตัดสินใจเอาเอง อะไรสำคัญกว่ากัน
....ความรู้สึกของเรา-ของเค้า
....ความต้องการของเค้า-ของเรา
ส่วนเรื่องแต่งแล้วเรื่องแบบนั้นไปกันไม่รอด...
ลองใช้วิธีพูดคุยกันดูแบบเปิดอกตรงๆชัดๆกันโดยไม่ต้องปฏิบัติดู
ถึงความชอบ-ความต้องการของแต่ละฝ่าย
แน่นอน...มันไม่เหมือนการตัดสินจากการปฏิบัติจริง
อันนั้นก็ต้องไปวัดดวงเอาทุกคู่อยู่แล้ว
ลองกันช่วงสั้นๆใหม่ๆมันอาจเต็มที่ จัดหนัก ถูกใจ เลยคิดว่ามันโอเค
พออยู่ไปนานๆ ฝ่ายนึงดรอปลงไป อีกฝ่ายหิวมากขึ้นหรือเท่าเดิม คราวนี้กลายเป็นไม่พอใจกันก็เห็นมาเยอะ
การมี....กันก่อนจึงรับรองอะไรไม่ได้ 100% อยู่แล้ว
อีกมุมนึง.....
ถ้าได้...ก่อน แล้วคุณไม่ถูกใจ รู้สึกว่าไม่ใช่เลย
คุณจะไม่แต่งงานกับเธอหรือเปล่า ?
ทิ้ง แยกกันไปเลยมั้ย ?
หรือแต่งไปแล้วจะคิดกับเธอยังไงในเรื่องแบบนี้ ??
ไม่มีใครผิดใครถูก
แค่...ความต้องการมันไม่ตรงกัน
ตัดสินใจเอาเอง อะไรสำคัญกว่ากัน
....ความรู้สึกของเรา-ของเค้า
....ความต้องการของเค้า-ของเรา
ส่วนเรื่องแต่งแล้วเรื่องแบบนั้นไปกันไม่รอด...
ลองใช้วิธีพูดคุยกันดูแบบเปิดอกตรงๆชัดๆกันโดยไม่ต้องปฏิบัติดู
ถึงความชอบ-ความต้องการของแต่ละฝ่าย
แน่นอน...มันไม่เหมือนการตัดสินจากการปฏิบัติจริง
อันนั้นก็ต้องไปวัดดวงเอาทุกคู่อยู่แล้ว
ลองกันช่วงสั้นๆใหม่ๆมันอาจเต็มที่ จัดหนัก ถูกใจ เลยคิดว่ามันโอเค
พออยู่ไปนานๆ ฝ่ายนึงดรอปลงไป อีกฝ่ายหิวมากขึ้นหรือเท่าเดิม คราวนี้กลายเป็นไม่พอใจกันก็เห็นมาเยอะ
การมี....กันก่อนจึงรับรองอะไรไม่ได้ 100% อยู่แล้ว
อีกมุมนึง.....
ถ้าได้...ก่อน แล้วคุณไม่ถูกใจ รู้สึกว่าไม่ใช่เลย
คุณจะไม่แต่งงานกับเธอหรือเปล่า ?
ทิ้ง แยกกันไปเลยมั้ย ?
หรือแต่งไปแล้วจะคิดกับเธอยังไงในเรื่องแบบนี้ ??
แสดงความคิดเห็น
ผมรู้สึกอยากมีซัมติง แต่แฟนไม่โอเค ตอนนี้รอไม่ไหวแล้ว
กระทู้นี้เป็นเพื่อนกระทู้ระบายความสึก ถามคำถามที่ผมตอบตัวเองไม่ได้
เริ่ม ผมคบกับแฟนคนนึงมาตั้งแต่เรียนมหาลัยปี1 ซึ่งตอนคบกับแรกๆ แฟนผมอยากจะเก็บความเวอจิ้นไว้หลังแต่งงาน ช่วงตอนนั้นก็เป็นวัยรุ่นอะเนอะ มันก็มีความรู้สึกอยากบ้าง ก็เลยต่อรองกับเขาว่า งั้นหลังเรียนจบตอนทำงานแล้วได้ไหม เขาก็ตอบว่าโอเคตกลง ผมคบกับแฟนมา โดยที่ไม่ได้มีอะไรกันเลย ไม่ว่าจะเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ ผมไม่เคยขืนใจหรือพูดให้เขาใจอ่อนเลย แต่ก็มีพูดบ้างว่า "หึ้ยตัวเอง เค้าอยากอะ" แฟนผมก็บอกว่ารอก่อนนะ เรากำลังเรียนกันอยู่ ผมก็โอเค เข้าใจในความรู้สึกของแฟน ผมก็ไปมาหาสู่ เจอพ่อแม่เขาบ่อยๆ ทานข้าวด้วยกันบ้าง ง่ายๆเลยคือ ทางบ้านเรารู้จักกันแล้ว ผมก็อดทนรอมาจนถึงวันที่เรียนจบ รับปริญญากัน มีงานทำกันทั้งคู่ ถึงวันที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน มันก็มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง มันก็มีอารมณ์ขึ้นมา ผมก็เลยพูดเล่นๆ ทวงสัญญา55 เราเรียนจบ ทำงานกันแล้ว .... แต่เขาก็ปฏิเสธ ผมก็อะๆๆ โอเค ไม่เป็นไร ผมไม่อยากให้อึดอัด ไม่อยากให้บรรยากาศการมาเที่ยวของเราพังลง อดใจแล้วก็เที่ยวกันไป(ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเป็นกันไหมครับ เวลาหักห้ามใจเรื่องนั้นมันจะหงุดหงิดเล็กน้อย ผมเป็นแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเลย) อยู่มาวันนึงผมก็มีโอกาสอีกครั้ง แต่ก็ถูกห้ามไว้เช่นกัน โดยที่แฟนผมพูดข้อตกลงขึ้นมาอีกข้อนึงว่าพอวัดเกิดอายุ 25 ปี ให้เลย ผมก็โอเคตกลง แต่ความอดทนมันเริ่มลดลง คือความรักของเราดีทุกอย่างเลยนะ จริงจังถึงขั้นจะแต่งงานด้วย แต่ผมเป็นคนนึงที่คิดว่า เซ็กส์ก็สำคัญกับคู่ชีวิตเหมือนกัน ถ้ามาแต่งงานกันแล้วมาบอกผมว่า ให้ผมไปลงอ่างไปเที่ยวผู้หญิง ผมคิดว่ามันไม่ใช่แนวผม ผมพูดได้เลยว่า ผมอดทนที่สุด ยิ่งใกล้วันเกิด อารมณ์ยิ่งสูงปี๊ด แต่ว่าพอถึงวันเกิดเขาจริง เขาพูดกับผมว่า ไว้หลังแต่งเนอะ แต่ตอนนี้ผมรอไม่ไหวอีกแล้ว คนอื่นที่บอกผมว่า อีกนิดนึงเองทำไมไม่รอต่อไป ผมคิดว่ามันถึง limit ของผมแล้ว หลอดความอดทนของผมมันแตกไปแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจคุยกันจริงจัง เขาก็ยืนกรานว่า เขาจะไม่มีอะไรก่อนแต่ง แต่ที่เสียใจที่สุดคือเขาบอกผมว่า ผมมันเห็นแก่ตัวที่เอาเซ็กส์มาตัดสินผู้หญิง ตอนนี้ผมรู้สึกว่า ผมเป็นฝ่ายที่ต้องอดทนอยู่คนเดียวยังไงอย่างงั้น ที่ผ่านมาผมไม่เคยมองคนอื่นเลย one and only เลยทีเดียว
ปล. มีญาติๆผม เป็นสาวที่ไม่เคยมีอะไรมาก่อนเลย พอแต่งงานไป 2 ปี สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะเซ็กส์ไม่เข้ากัน มีปัญหาตลอด ฝ่ายชายบอกว่า สะกิดไม่เคยติดเลย หลังแต่งงานมามีเซ็กส์แค่ 5 ครั้ง ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ผมมองว่ามันก็สำคัญกับชีวิตคู่
ปล2. เขาขออะไรผมมา ผมไม่เคยขัด จัดให้ตลอด ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ยกเว้น เรื่องซื้อของไม่มีประโยชน์
คำถามคือ
- การมีเซ็กส์ก่อนแต่งมันผิดไหมครับ ผมเขาใจเรื่องกันเก็บความเวอร์จิ้นไว้นะ
- และฉันจะทำอย่างไรต่อจากนี้
-หรือว่าผมควรจะไปเที่ยวอาบอบนวด แต่ผมรู้สึกว่า i need do it with someone i love
- ในเมื่อตกลงมันไม่ได้ ผมควรจะจบความสัมพันธ์ตรงนี้ลงแล้วเริ่มต้นใหม่
- ชีวิตคู่กับเซ็กส์มันสำคัญไหม
-ความรู้สึกแย่ๆตรงที่เขาไม่รักษาสัญญา อันนี้ ผมควรจะคิดแบบนั้นคือผมคิดมากไปเองครับ
- สุดท้ายนี้ ควรจะพอหรือไปต่อดี ผมคิดว่า ใช้ชีวิตคนเดียวก็ได้ งานการเงินเดือนก็ไม่ได้แย่ จะใช้จ่ายอะไรยังไงก็ได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
- ผมต้องการมากไปหรือเปล่า
สุดท้ายนี้ ผมคุยกับตัวเองมาหลายวันแล้ว แต่ไม่ได้คำตอนสักที แต่ก็อดทนรอไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวก็มาผิดสัญญาอีก ทีผมผมยังทำตามสัญญาได้เลย