สมัยเด็กๆ เพื่อนเอามือเราไปตีเพื่อนอีกคนนุง ผลักกันไปผลักกันมา เรื่องแค่นั้น ต่อยกันได้
พอโตเป็นผู้ใหญ่ เห็นนั่งประชันกัน แขวะกัน
เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แล้วเจ็บใจก็มาบ่นให้คนอื่นฟัง
ผมบอก ก็ต่อยแม่มซักที
ก็ยังงั้นยังงี้ เดี๋ยวคนอื่นมองไม่ดี เป็นคนก้าวร้าว
บลาๆๆๆๆ แล้วก็มานั่งบ่น
บางคนโมโหบอก แม่ม
จะต้องเล่นมันแล้ว กระทืบแม่ม
บ่นทุกวัน ก็ไม่ทำสักที
แล้วก็บอกยังไม่ถึงเวลา
แล้วก็ปล่อยไม่ทำ
บางทีก็ๆม่เข้าใจสงครามประสาทแบบนี้ต้องประชันหน้ากัน
เกลียดกัน แต่ไม่ต้อยกันสักที ผมก็บอกโอ้ย
มิงก็เข้าไปต่อยหน้ามันโป้งเดียวแค่นั้น จบ
พอเรายุมากๆให้ทำ ก็หาเราไม่ช่วยแก้ปัญหา
ก็เนี่ยแหละช่วยแก้
ไม่ชอบหน้าก็ซัดแม่มไปเลย
------
แปลกอย่างนึง ถ้าเป็นเรื่องการขับรถ
เจอคนปาดหน้าลงมาต่อยกันง่ายๆ
ทั้งที่ไม่เคยบาดหมาง
แต่ไอ้เรื่องคนที่เกลียดหน้าเจอหน้ากันทุกวัน
นั่งมองกัน แขวะกัน ประชันกัน
แล้วก็มาพูดข้างหลังใส่กัน
ไม่ต่อยกันไปเลย มันจะได้จบๆ
ทำไมชีวิตวัยผู้ใหญ่ หลีกเลี่ยงการต่อยกัน บางทีการทำสงครามประสาทกันมันก็น่ารำคาญ
พอโตเป็นผู้ใหญ่ เห็นนั่งประชันกัน แขวะกัน
เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แล้วเจ็บใจก็มาบ่นให้คนอื่นฟัง
ผมบอก ก็ต่อยแม่มซักที
ก็ยังงั้นยังงี้ เดี๋ยวคนอื่นมองไม่ดี เป็นคนก้าวร้าว
บลาๆๆๆๆ แล้วก็มานั่งบ่น
บางคนโมโหบอก แม่ม
จะต้องเล่นมันแล้ว กระทืบแม่ม
บ่นทุกวัน ก็ไม่ทำสักที
แล้วก็บอกยังไม่ถึงเวลา
แล้วก็ปล่อยไม่ทำ
บางทีก็ๆม่เข้าใจสงครามประสาทแบบนี้ต้องประชันหน้ากัน
เกลียดกัน แต่ไม่ต้อยกันสักที ผมก็บอกโอ้ย
มิงก็เข้าไปต่อยหน้ามันโป้งเดียวแค่นั้น จบ
พอเรายุมากๆให้ทำ ก็หาเราไม่ช่วยแก้ปัญหา
ก็เนี่ยแหละช่วยแก้
ไม่ชอบหน้าก็ซัดแม่มไปเลย
------
แปลกอย่างนึง ถ้าเป็นเรื่องการขับรถ
เจอคนปาดหน้าลงมาต่อยกันง่ายๆ
ทั้งที่ไม่เคยบาดหมาง
แต่ไอ้เรื่องคนที่เกลียดหน้าเจอหน้ากันทุกวัน
นั่งมองกัน แขวะกัน ประชันกัน
แล้วก็มาพูดข้างหลังใส่กัน
ไม่ต่อยกันไปเลย มันจะได้จบๆ