ถ้าเราเลือกที่จะเดินจากไป เราเห็นแก่ตัวไหมคะ

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่น และแนะนำตัวก่อนนะคะ

เราเป็นสาวโสด อายุเพิ่ง 29 ปี จบปริญญาโทที่เมืองนอกมาค่ะ ตอนนี้ทำงานบริษัทเอกชน ได้เงินเดือนเดือนละ50,000-65,000 บาท แล้วแต่เดือนค่ะว่าเราขยันมากน้อยแค่ไหน แต่ปกติเราจะผลักตัวเองให้ได้เงินประมาณนี้ แต่ช่วงนี้ติดโควิท ทำให้ไม่ได้เงินเท่าเดิมค่ะ เรียกได้ว่ารายได้หดไปเยอะมาก

เราได้รู้จักกับพี่คนนึงที่ทำงาน เริ่มคุยกันมาจนตอนนี้น่าจะเข้าๆเดือนที่หกแล้วค่ะ ซึ่งพี่คนนี้ (ขออนุญาตใช้นามสมมุตว่า “พี่ต้น”)  พี่เค้าทำงานที่เดียวกับเรา ตำแหน่งเดียวกัน รายได้ 60,000-70,000 เคยแต่งงานมาแล้ว. (อายุพี่ต้นแก่กว่า 4 ปีค่ะ ) เค้าได้หย่ากับภรรยาเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนคุยกับเราแล้วค่ะ  พี่เค้าเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่หย่าร้างกัน 1. ผญเคยแอบคุยกับ ผช คนอื่น 2.ผญ ขี้เกียจมองถึงความสบาย 3.มีปัญหาเรื่องการเงิน คุยแล้วไม่เข้าใจกัน ซึ่งเราไม่ได้สนใจเท่าไหร่

พอคุยมาได้ซักพัก. พี่ต้นก็เริ่มๆบอกว่า เค้าจริงจังกับเรานะ ในเรื่องของอนาคต เค้าจะเริ่มเล่าเรื่องปัญหา “หนี้สิน”ต่างๆให้เราฟัง

1.พี่ต้นมีภาระ เป็นคอนโดที่ซื้อไว้นานแล้ว ต้นผ่อนเดือนละหมื่นต้นๆ ซึ่งแต่ก่อนต้องผ่อนกับภรรยาเก่าเค้า คนละครึ่ง. แต่เนื่องจากหย่ากัน. เค้าเลยต้องผ่อนคนเดียวเต็มๆ
2.ให้เงินที่บ้านทุกเดือน เดือนละ 5000 บาท
3.จ่ายหนี้สินให้ที่บ้าน เดือนละ 10,000 บาท
4.หนี้บัตรเครดิตรวมทั้งสิ้น สองแสนนิดๆ ต้องผ่อนเดือนละหมื่นบาท
ทุกค่าใช้จ่ายของที่บ้าน เช่น หมาป่วย ซื้อของเข้าบ้าน ที่บ้านเค้าจะมาเบิกกับพี่ต้นหมด

อ้ออ. พี่ต้นมีพี่ชายหนึ่งคน อายุเกือบๆ 40 ค่ะ ทำงานได้เงินเดือนละ 25,000 ไม่เกินนี้. ซึ่งเวลามีค่าใช้จ่าย ชอบมาเบิกกับพี่ต้น หมาป่วยอ่ะค่ะ 2000-3000 บาท. เรามองว่ารับผิดชอบร่วมกัน บางค่าใช้จ่ายไม่ต้องเบิกก็ได้ มีครั้งนึง แม่เค้าจะไปเที่ยวต่างประเทศ พี่ต้นก็โอนเงินให้ แล้วแม่เค้าก็โทรมาขอเงินอีก. คือที่บ้านเค้ามีภาระหนี้สิน (ที่พี่ต้นไม่ได้ก่อแต่ต้องมารับผิดชอบ)  เรามองว่า ทำไมต้องไปเที่ยว ทำไมไม่เอาเงินไปใช้หนี้ เห็นว่าลูกชายลำบาก ทำไมทำแบบนี้แต่เราไม่พูดอะไร เรื่องของที่บ้านให้เค้าตัดสินใจเองค่ะ
ส่วนพี่ชายก็ไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบกับหนี้สินที่บ้านเลย เคยถามเหตุผล พี่ต้นบอกว่าพี่เค้าเงินเดือนแค่นี้ ให้เอาตัวเองให้รอดก่อน

จนมาถึงเหตุการณ์โควิท รายรับทั้งเราและพี่ต้นลดฮวบลง. เรียกได้ว่าชอตเลยก็ว่าได้ค่ะ (ลดลง90%คิดดูค่ะ) มาถึงตรงนี้ขอแจ้งให้ทราบนิดนึงนะคะว่า เราไม่ได้มีหนี้สินอะไรเลย (พยายามไม่ก่อ) ก็ถือว่าเราโชคดีก็ได้ แล้วก็พอมีเงินซื้อกองทุนอะไรไว้ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นๆแล้วค่ะ เป็นเงินเย็น เราทำงานที่บริษัทนี้ มา 2ปี มีเงินเก็บประมาน 300,000 บาท ไม่รวมเงินกองทุนเพราะเรากะจะเอามาใช้ในยามฉุกเฉินเวลาที่เกิดอะไรขึ้น ผิดกับพี่ต้นที่อายุเยอะกว่าเรา เมื่อเกิดเหตุการณ์โควิท ทำให้รู้ว่าเค้าไม่มีเงินเก็บเลย เค้าบอกว่าเงินเหลืออยู่ในบัญชีหมื่นกว่าบาทเอง เราตกใจมาก แต่ไม่ได้ถามค่ะว่าทำไม่มีเงินเก็บ ทั้งๆที่ก่อนที่เค้าจะมาเข้าบริษัทนี้ เค้าทำที่อื่นมาร่วม 7 ปี รายได้ที่เก่าเค้าดีมากตกเดือนละแสนกว่าๆเลยค่ะ แต่ต้องอยู่ต่างประเทศเค้าไม่อยากอยู่แล้ว ก็เลยย้ายกลับมาทำที่นี่. เราไม่ได้ถามเค้าค่ะว่าเงินเก็บหายไปไหนหมด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

มาถึงจุดๆนี้ พี่ต้นก็ตัดสินใจไปกู้ธนาคารเพื่อมาโคฟเวอร์ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของตัวเองและที่บ้านให้หมด ทำให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก แต่เข้าใจว่าจะไม่กู้ก็ไม่ได้อีกไม่งั้นจะจ่ายหนี้ยังไง  แต่ก่อนแรกๆก่อนจะเกิดเหตุการณ์โควิท เรากับพี่ต้นเวลาไปไหนหรือกินอะไร จะผลัดๆกันจ่าย มื้อนี้เราจ่าย มื้อนี้เค้าจ่าย หรือบางมื้อก็หารๆกัน ส่วนรถ ปกติแล้วพี่ต้นจะเสนอตัวมารับเราไปนู่นมานี่ แต่ว่าเราจะออกตัวว่าเอารถเราไปใช้บ้าง มันก็เลยครึ่งๆค่ะ. ปัจจุบันนี้กลายเป็นเราจ่ายประมาน 70% ส่วนมากเราเสนอตัวออกเพราะว่าเห็นว่าเค้ามีหนี้เยอะ อะไรช่วยได้ก็ช่วย มีครั้งนึงที่เรารู้สึกคือ..ปกติเค้าจะขับรถมาหาเราพาไปซื้อของบ้างอะไรบ้าง แต่ก็สลับรถกันตลอด แต่อยู่ดีๆเค้าคุยกับเราถามว่าพรุ่งนี้เอารถเราไปได้ไหม อ่ะ เราก็ไม่ได้ติดอะไร ...  แต่พอมาใช้จริงๆเค้าเอารถเราขับไปส่งของนู่นนี่นั่น เราเลยมองว่ามันไม่ใช่แล้ว เพราะมันเป็นธุระของเค้าทั้งนั้นเลย

ถ้ามองในเรื่องของการสร้างอนาคต คือเราเองก็พร้อมสร้างครอบครัว. แต่เค้าไม่มีเงินเก็บเลยค่ะ จะสร้างครอบครัวยังไง ไหนจะเรื่องลูกเรื่องอะไรเราเลยมองว่าเป็นไปได้ยากมากๆ เราพยายามคิดว่า หนี้สินเดี๋ยวก็ใช้หมด ...  แต่ว่าทัศนคติการทำงาน การใช้เงินเราสองคนต่างกันมากๆ คุยทีไรเป็นต้องไม่พอใจใส่กัน  เค้าติดเรื่องการกู้เงิน อะไรๆก็กู้..  นี่อยู่ดีๆก็อยากทำร้านกาแฟจะไปคุยธุรกิจ เราก็บอกว่าอยากให้ใช้หนี้เก่าให้หมดก่อน แต่เค้าก็ไม่ฟัง .. เรื่องค่าใช้จ่ายเวลาออกไปข้างนอก แรกๆก็ไหวอยู่ค่ะ แต่จะให้เรามาออกตลอดก็ไม่ไหว อีกอย่างเค้าจะเคยตัว

ย้อนกลับไปที่เราบอกว่าภรรยาเก่าเค้าหย่าเพราะเรื่องเงิน. คือเค้ามาเล่าให้เราฟังค่ะว่า ผญ พูดว่า “อยู่กันมาตั้งนานทำไมไม่มีเงินสร้างครอบครัวเลย ไม่มีเงินเก็บเลย” ไอตอนแรกๆก็มองแหละค่ะ ว่าทำไม ผญ เป็นแบบนี้ พอมาเจอกับตัวเลยรู้เลยว่ามันค่อนข้างสำคัญ  แล้วไหนจะครอบครัวเค้าที่มองว่าพี่เค้าเป็นตู้atm เรานี่คิดหนักเลยค่ะ.. ว่าจะมีเงินสร้างครอบครัวด้วยกันไหม

ถ้าเราเลือกที่จะเดินออกไปตอนนี้ก็กลัวว่ามันจะไปสร้างแผลในใจเค้าอีกว่า ผญ เดินออกจากชีวิตเพราะเค้าหนี้สินเยอะ  แต่จะให้เราเสี่ยงแต่งงานไปก็ไม่น่าไหว.   แบบนี้เราเห็นแก่ตัวไหมคะ ดูเหมือนมองเรื่องเงินเป็นหลักมากๆ ถามว่ารักเค้าไหม ก็รัก. แต่มองว่ารักมีองค์ประกอบหลายๆอย่างที่จะให้เราไปด้วยกันได้รอด  ในความคิดเรา เราไม่ได้ต้องการคนที่รวยหรอกค่ะไม่ต้องการคนที่เลี้ยงเราได้. เพราะเราก็คงไม่ปล่อยให้ ผช เลี้ยง มีอะไรก็ช่วยๆกันแม้จะแต่งงานแล้ว ..  แต่เราก็ไม่อยากใช้ชีวิตเราที่โอเคๆอยู่ จะต้องดิ่งลงไปแบบนี้ หนักใจมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่