ข้อมูลจาก
https://www.voathai.com/a/covid-reopening-ct/5396821.html
ผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐจนถึงวันอังคารที่ 28 เมษายนมีมากกว่าหนึ่งล้านคนแล้ว โดยเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวภายในเวลาเพียงแค่ 15 วัน และขณะนี้ก็มีคนเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ในสหรัฐไปแล้วกว่า 58,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 2,000 คนในเดือนเมษายน
โดยจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวนับว่ามากกว่าจำนวนคนอเมริกันที่เสียชีวิตในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วด้วย
ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรสูงเป็นอันดับห้าของโลก แต่ในแง่ตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว สหรัฐมาเป็นอันดับหนึ่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 74,000 ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ถึงแม้ตัวเลขคาดการณ์ผู้เสียชีวิตอาจจะแตกต่างกันไปตามตัวแบบและข้อมูลเบื้องต้นที่ใช้ แต่การพยากรณ์จากเจ็ดหน่วยงานขณะนี้ แสดงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นแน่นอน
โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐเตือนว่า การเพิ่มขึ้นนี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตนเพื่อลดการสัมผัสอย่างใกล้ชิด
คำเตือนที่ว่านี้มีขึ้นขณะที่มีอย่างน้อย 10 รัฐในอเมริกาที่กำลังเตรียมหรือเริ่มผ่อนคลายมาตรการที่ขอให้ผู้คนอยู่กับบ้านและกลับไปเปิดธุรกิจบางส่วนแล้ว ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจะเตือนว่าการเปิดธุรกิจเร็วเกินไปจะทำให้เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กลับมาแพร่ระบาดได้อีก
โดยเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขยอมรับว่า การตรวจหาเชื้อที่ยังทำได้ไม่ทั่วถึงและเพียงพอ อุปกรณ์การตรวจที่ยังไม่พร้อม รวมทั้งการขาดแคนบุคลากรที่จะติดตามหาผู้ที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ล้วนมีส่วนสร้างปัญหาเรื่องนี้ทั้งสิ้น
ตามแนวทางปฏิบัติซึ่งทำเนียบขาวได้เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น รัฐต่าง ๆ ยังไม่ควรเริ่มกลับมาเปิดธุรกิจจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงอย่างน้อย 14 วันติดต่อกัน และโรงพยาบาลในรัฐมีความพร้อมพอที่จะรับผู้ป่วยได้ นอกจากนั้น รัฐต่าง ๆ จะต้องแน่ใจว่ามีขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้ออย่างเพียงพอ และสามารถติดตามผู้ที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยด้วย
ถึงกระนั้นก็ตาม ดูเหมือนว่าขณะนี้ผู้ว่าการของบางรัฐได้ตัดสินใจเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรัฐของตนบ้างแล้ว ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำตามเป้าหมายเรื่องนี้ได้ก็ตาม โดยส่วนใหญ่มักกำหนดให้สถานประกอบธุรกิจต้องรักษาระยะห่างระหว่างลูกค้าแต่ละคนให้ได้หกฟุต รวมทั้งจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าไปในร้านให้ไม่เกินหนึ่งในสี่ของที่เคยรับได้ เป็นต้น
และล่าสุด ขณะที่ธุรกิจรวมทั้งโรงงานบางแห่งของสหรัฐมีความกังวลว่า ตนอาจถูกคนทำงานฟ้องเรียกค่าเสียหายหากกลับมาเปิดดำเนินงานและเป็นผลให้พนักงานติดเชื้อนั้น ก็มีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พิจารณาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้ความคุ้มครองธุรกิจเหล่านี้จากการถูกฟ้องร้องค่าเสียหาย ถ้าธุรกิจต่าง ๆ ตัดสินใจกลับมาเปิดธุรกิจตามเดิม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีก 6 ชนิดในค้างคาวเมียนมา
นักวิจัยค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีกหกชนิดในค้างคาวที่ประเทศเมียนมา ในขณะที่กำลังศึกษาว่าโรคร้ายนี้สามารถถ่ายทอดจากสัตว์สู่มนุษย์ได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า โคโรนาไวรัสทั้งหกชนิดที่พบในค้างคาวเมียนมานั้น ยังไม่เคยถูกค้นพบที่ไหนในโลก แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อหลายส่วนของโลกอยู่ในขณะนี้
การวิจัยดังกล่าวนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากโครงการ Global Health ของ Smithsonian ในกรุงวอชิงตัน ผลการวิจัยนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร PLOS ONE
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่า โคโรนาไวรัสเป็นไวรัสสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่พบได้ทั่วไปในคนและสัตว์หลายชนิด และว่า เป็นเรื่องยากที่โคโรนาไวรัสในสัตว์จะถ่ายทอดไปสู่คนแล้วแพร่กระจายในหมู่มนุษย์
อย่างไรก็ตาม มีการระบาดครั้งใหญ่ของโรคที่เกิดจากโคโรนาไวรัสในมนุษย์แล้วหลายครั้ง และค้างคาวก็เป็นส่วนหนึ่งของการระบาดเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น การระบาดของโรค SARS และ MERS และยังเชื่อกันว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นสาเหตุของ COVID-19 ก็มาจากค้างคาวเช่นเดียวกัน
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพประเมินว่า มีโคโรนาไวรัสซึ่งยังไม่ถูกค้นพบอีกหลายพันชนิดในค้างคาว
คณะนักวิจัยของ Smithsonian ทำงานร่วมกับนักวิจัยในประเทศเมียนมา ในโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุเชื้อโรคใหม่ที่สามารถถ่ายทอดจากสัตว์ไปสู่คน โครงการที่มีชื่อว่า PREDICT นี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)
เป้าหมายของการวิจัย คือ การศึกษาว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าสามารถนำไปสู่การติดเชื้อโคโรนาไวรัสในมนุษย์ได้อย่างไร โดยศูนย์กลางของการวิจัยครั้งนี้อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มว่ามนุษย์จะเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในท้องถิ่นนั้น ๆ
นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างน้ำลายและของเสียจากค้างคาวจำนวน 759 ตัวอย่าง ในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 หลังจากตรวจสอบตัวอย่างเหล่านั้นแล้ว พวกเขาจำแนกโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ 6 ชนิดด้วยกัน
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบโคโรนาไวรัสที่เคยพบในส่วนอื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศเมียนมา
Marc Valitutto อดีตสัตวแพทย์สัตว์ป่า ในโครงการ Global Health ของ Smithsonian ซึ่งเป็นหัวหน้าการศึกษาครั้งนี้ กล่าวในถ้อยแถลงที่ตีพิมพ์ในวารสาร Smithsonian Magazine ว่า การแพร่ระบาดอย่างแพร่หลายของโรคต่าง ๆ อย่างเช่น COVID-19 นั้น ควรเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า สุขภาพของมนุษย์นั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสุขภาพสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง และควรหาทางป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่มนุษย์ตั้งแต่เริ่มต้น
เขากล่าวต่อไปว่า การวิจัยในอนาคตจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกับกลไกของโคโรนาไวรัสในสัตว์ เช่น สิ่งที่ทำไวรัสกลายพันธุ์และแพร่กระจายไปยังสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเป็นไปได้ของการระบาดใหญ่ในอนาคต
Suzan Murray ผู้อำนวยการโครงการ Global Health ของ Smithsonian กล่าวว่าโคโรนาไวรัสหลายสายพันธุ์อาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อมนุษย์ แต่การที่เราสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโรคเหล่านี้ได้ตั้งแต่ยังอยู่ในตัวสัตว์ ก็อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะเรียนรู้ถึงอันตรายของโรค นอกจากนี้ การระแวดระวัง การวิจัย และการศึกษา ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันการระบาดใหญ่ก่อนที่จะเกิดขึ้น
ข้อมูลจาก
https://www.voathai.com/a/six-new-coronavirus-found-in-myanmar-bats/5392804.html
ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ เตือนจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกมากถ้าเปิดธุรกิจเร็วไป
ผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐจนถึงวันอังคารที่ 28 เมษายนมีมากกว่าหนึ่งล้านคนแล้ว โดยเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวภายในเวลาเพียงแค่ 15 วัน และขณะนี้ก็มีคนเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ในสหรัฐไปแล้วกว่า 58,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 2,000 คนในเดือนเมษายน
โดยจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวนับว่ามากกว่าจำนวนคนอเมริกันที่เสียชีวิตในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วด้วย
ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรสูงเป็นอันดับห้าของโลก แต่ในแง่ตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว สหรัฐมาเป็นอันดับหนึ่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 74,000 ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ถึงแม้ตัวเลขคาดการณ์ผู้เสียชีวิตอาจจะแตกต่างกันไปตามตัวแบบและข้อมูลเบื้องต้นที่ใช้ แต่การพยากรณ์จากเจ็ดหน่วยงานขณะนี้ แสดงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นแน่นอน
โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐเตือนว่า การเพิ่มขึ้นนี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตนเพื่อลดการสัมผัสอย่างใกล้ชิด
คำเตือนที่ว่านี้มีขึ้นขณะที่มีอย่างน้อย 10 รัฐในอเมริกาที่กำลังเตรียมหรือเริ่มผ่อนคลายมาตรการที่ขอให้ผู้คนอยู่กับบ้านและกลับไปเปิดธุรกิจบางส่วนแล้ว ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจะเตือนว่าการเปิดธุรกิจเร็วเกินไปจะทำให้เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กลับมาแพร่ระบาดได้อีก
โดยเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขยอมรับว่า การตรวจหาเชื้อที่ยังทำได้ไม่ทั่วถึงและเพียงพอ อุปกรณ์การตรวจที่ยังไม่พร้อม รวมทั้งการขาดแคนบุคลากรที่จะติดตามหาผู้ที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ล้วนมีส่วนสร้างปัญหาเรื่องนี้ทั้งสิ้น
ตามแนวทางปฏิบัติซึ่งทำเนียบขาวได้เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น รัฐต่าง ๆ ยังไม่ควรเริ่มกลับมาเปิดธุรกิจจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงอย่างน้อย 14 วันติดต่อกัน และโรงพยาบาลในรัฐมีความพร้อมพอที่จะรับผู้ป่วยได้ นอกจากนั้น รัฐต่าง ๆ จะต้องแน่ใจว่ามีขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้ออย่างเพียงพอ และสามารถติดตามผู้ที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยด้วย
ถึงกระนั้นก็ตาม ดูเหมือนว่าขณะนี้ผู้ว่าการของบางรัฐได้ตัดสินใจเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรัฐของตนบ้างแล้ว ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำตามเป้าหมายเรื่องนี้ได้ก็ตาม โดยส่วนใหญ่มักกำหนดให้สถานประกอบธุรกิจต้องรักษาระยะห่างระหว่างลูกค้าแต่ละคนให้ได้หกฟุต รวมทั้งจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าไปในร้านให้ไม่เกินหนึ่งในสี่ของที่เคยรับได้ เป็นต้น
และล่าสุด ขณะที่ธุรกิจรวมทั้งโรงงานบางแห่งของสหรัฐมีความกังวลว่า ตนอาจถูกคนทำงานฟ้องเรียกค่าเสียหายหากกลับมาเปิดดำเนินงานและเป็นผลให้พนักงานติดเชื้อนั้น ก็มีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พิจารณาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้ความคุ้มครองธุรกิจเหล่านี้จากการถูกฟ้องร้องค่าเสียหาย ถ้าธุรกิจต่าง ๆ ตัดสินใจกลับมาเปิดธุรกิจตามเดิม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีก 6 ชนิดในค้างคาวเมียนมา
นักวิจัยค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีกหกชนิดในค้างคาวที่ประเทศเมียนมา ในขณะที่กำลังศึกษาว่าโรคร้ายนี้สามารถถ่ายทอดจากสัตว์สู่มนุษย์ได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า โคโรนาไวรัสทั้งหกชนิดที่พบในค้างคาวเมียนมานั้น ยังไม่เคยถูกค้นพบที่ไหนในโลก แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อหลายส่วนของโลกอยู่ในขณะนี้
การวิจัยดังกล่าวนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากโครงการ Global Health ของ Smithsonian ในกรุงวอชิงตัน ผลการวิจัยนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร PLOS ONE
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่า โคโรนาไวรัสเป็นไวรัสสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่พบได้ทั่วไปในคนและสัตว์หลายชนิด และว่า เป็นเรื่องยากที่โคโรนาไวรัสในสัตว์จะถ่ายทอดไปสู่คนแล้วแพร่กระจายในหมู่มนุษย์
อย่างไรก็ตาม มีการระบาดครั้งใหญ่ของโรคที่เกิดจากโคโรนาไวรัสในมนุษย์แล้วหลายครั้ง และค้างคาวก็เป็นส่วนหนึ่งของการระบาดเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น การระบาดของโรค SARS และ MERS และยังเชื่อกันว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นสาเหตุของ COVID-19 ก็มาจากค้างคาวเช่นเดียวกัน
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพประเมินว่า มีโคโรนาไวรัสซึ่งยังไม่ถูกค้นพบอีกหลายพันชนิดในค้างคาว
คณะนักวิจัยของ Smithsonian ทำงานร่วมกับนักวิจัยในประเทศเมียนมา ในโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุเชื้อโรคใหม่ที่สามารถถ่ายทอดจากสัตว์ไปสู่คน โครงการที่มีชื่อว่า PREDICT นี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)
เป้าหมายของการวิจัย คือ การศึกษาว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าสามารถนำไปสู่การติดเชื้อโคโรนาไวรัสในมนุษย์ได้อย่างไร โดยศูนย์กลางของการวิจัยครั้งนี้อยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มว่ามนุษย์จะเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในท้องถิ่นนั้น ๆ
นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างน้ำลายและของเสียจากค้างคาวจำนวน 759 ตัวอย่าง ในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 หลังจากตรวจสอบตัวอย่างเหล่านั้นแล้ว พวกเขาจำแนกโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ 6 ชนิดด้วยกัน
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบโคโรนาไวรัสที่เคยพบในส่วนอื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศเมียนมา
Marc Valitutto อดีตสัตวแพทย์สัตว์ป่า ในโครงการ Global Health ของ Smithsonian ซึ่งเป็นหัวหน้าการศึกษาครั้งนี้ กล่าวในถ้อยแถลงที่ตีพิมพ์ในวารสาร Smithsonian Magazine ว่า การแพร่ระบาดอย่างแพร่หลายของโรคต่าง ๆ อย่างเช่น COVID-19 นั้น ควรเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า สุขภาพของมนุษย์นั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสุขภาพสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง และควรหาทางป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่มนุษย์ตั้งแต่เริ่มต้น
เขากล่าวต่อไปว่า การวิจัยในอนาคตจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกับกลไกของโคโรนาไวรัสในสัตว์ เช่น สิ่งที่ทำไวรัสกลายพันธุ์และแพร่กระจายไปยังสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเป็นไปได้ของการระบาดใหญ่ในอนาคต
Suzan Murray ผู้อำนวยการโครงการ Global Health ของ Smithsonian กล่าวว่าโคโรนาไวรัสหลายสายพันธุ์อาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อมนุษย์ แต่การที่เราสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโรคเหล่านี้ได้ตั้งแต่ยังอยู่ในตัวสัตว์ ก็อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะเรียนรู้ถึงอันตรายของโรค นอกจากนี้ การระแวดระวัง การวิจัย และการศึกษา ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันการระบาดใหญ่ก่อนที่จะเกิดขึ้น
ข้อมูลจาก https://www.voathai.com/a/six-new-coronavirus-found-in-myanmar-bats/5392804.html