JJNY : แจงปมธนาธรแจก3พัน/ชัชชาติหวั่นคนกินข้าวร้านสะดวกซื้อมากกว่า/ข้องใจทัพบกซื้อกระสุนรบกับใคร?/ติดเชื้อเพิ่ม6

คณะก้าวหน้า แจงปม ธนาธร แจก 3 พัน เผยความจริงที่มาของเงิน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4055830

 
คณะก้าวหน้า แจงปม ธนาธร แจก 3 พัน เผยที่มาของเงิน
 
กรณี คณะก้าวหน้า - Progressive Movement จัดกิจกรรม MAYDAY วันกรรมกรสากล โดยมีการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป เพื่อการสนับสนุนศิลปินนักดนตรีอิสระที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงเวลาล็อกดาวน์
 
โดยรายได้จากการระดมทุนบริจาคเงินระหว่างคอนเสิร์ตจะถูกส่งต่อไปให้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
 
ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ได้ประกาศแจกเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 3 พันบาท โดยไม่ต้องพิสูจน์ความจน
ต่อมา คณะก้าวหน้า ชี้แจงว่า เนื่องจากกิจกรรม คอนเสิร์ต #MAYDAYMAYDAY เราช่วยกัน ผ่านไป 1 วัน ได้รับเสียงตอบรับอย่างมาก ซึ่งในคืนนี้จะมีกิจกรรมอีกครั้งในเวลาทุ่มตรงทางเพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า
 
ทั้งนี้มีสำนักข่าวบางสำนักที่พาดหัว หรือนำเสนอข่าว ที่อาจก่อให้เกิดความสับสน กับที่มากิจกรรม และวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ จึงขอย้ำ และฝากพี่ๆสื่อทุกท่านช่วยประชาสัมพันธ์อีกครั้งค่ะ
 
“โครงการนี้ไม่ใช่ธนาธรแจกเงิน ไม่ใช่ธนาธรช่วยเหลือประชาชน แต่เราประชาชนทุกคนช่วยเหลือกัน”
 
"คณะก้าวหน้า" เป็นเพียงตัวกลางในการเปิดระดมเงินบริจาค ให้ 3 พัน กับคนที่เดือดร้อน”
 
https://www.facebook.com/ThailandProgressiveMovement/
 


ชัชชาติ หวั่นโควิด ทำคนสนใจสุขอนามัย จนกินข้าวร้านสะดวกซื้อ มากกว่าข้าวแกงรถเข็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2166839
 
วันนี้ (1 พ.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก โดยระบุว่า
 
“เมื่อวันพุธ ผมและทีมงานอาสาสมัครได้ลงพื้นที่แจกข้าวกล่องที่ทางบริษัท Gulf ได้มอบให้วันละ 2,500 กล่อง ถึงวันนี้ติดต่อกันเป็นวันที่ 23 แล้วครับ ลงพื้นที่ชุมชนหลังโรงพยาบาลเดชา
 
ชุมชนนี้อยู่ใจกลางเมืองมาก อยู่ริมทางรถไฟ ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ราชปรารภกับพญาไท มีคนอยู่อาศัยประมาณ 87 ครัวเรือน ประชากร 300 คน และทั้งหมดกำลังถูกให้ย้ายออกจากพื้นที่เพราะอยู่ในเขตรถไฟและมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามสนามบินที่กำลังเริ่มดำเนินโครงการ
 
ผมเดินนำข้าวกล่องไปแจกตามทางรถไฟและคุยกับคนในชุมชน คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการหยุดงาน หลายคนทำงานในโรงแรม ห้างสรรพสินค้าบริเวณประตูน้ำ พญาไท บางคนค้าขายในตลาดแถวๆนั้น ซึ่งต้องหยุดตัวลง ส่วนใหญ่ลำบากเพราะไม่มีเงินเก็บ ตรงกับงานวิจัยของศูนย์ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ระบุว่า 59% ของครัวเรือนในประเทศไทยหรือ ประมาณ 12.7 ล้านครัวเรือนมีทรัพย์สินทางการเงินน้อยกว่าค่าใช้จ่าย 3 เดือน หมายความว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ถ้าไม่มีรายได้ ซึ่งเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญมากที่ต้องดูแลควบคู่ไปกับการดูแลการระบาดของโรคโควิด
 
ผมแวะคุยกับป้าอรวรรณกับป้าระเบียบ ที่อาชีพหลักคือการรับจ้างซักเสื้อผ้าของคนที่อยู่ละแวกนั้น ป้าบอกว่างานลดน้อยลงมาก คนอยู่บ้าน ซักผ้าเองมากขึ้น ผมกลับมาแล้วคิดถึงอนาคตของงานของป้าและคนอื่นๆในชุมชนที่จะเปลี่ยนไปหลังจากวิกฤตโควิด เรื่องเศรษฐกิจของความไว้ใจหรือ Trust Economy ที่ผมเคยพูดไว้อาจจะมีผลต่องานของคนจำนวนมาก ถ้าไม่ได้มีการเตรียมตัวให้ดี ลูกค้าอาจจะไม่เอาเสื้อผ้ามาให้ป้าทั้งสองคนซักแล้ว อาจเลือกที่จะไปใช้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเอง เพราะเครื่องซักผ้าไม่ติดโควิด ในอนาคตเราอาจจะไว้ใจเครื่องจักรมากกว่าไว้ใจคน งานของเราหลายๆคนในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไป
 
คิดต่อไปถึงงานที่ผมได้ไปเสวนาของคณะบัญชี จุฬาฯ ผมพูดเรื่องเศรษฐกิจของความไว้ใจ มีคนฟังถามว่า บริษัทใหญ่น่าจะได้เปรียบมากกว่าบริษัทเล็กๆในการสร้างความไว้ใจหรือไม่ ตอนนั้นผมตอบไปว่า ขนาดไม่น่าจะเกี่ยว บริษัทเล็กๆถ้าใส่ใจ ก็สามารถสร้างความไว้ใจได้ไม่แพ้บริษัทใหญ่ๆ แต่พอมานั่งคิดถึงคนธรรมดาๆในชุมชนเหมือนคุณป้าอรวรรณ คุณป้าระเบียบแล้ว ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ หลังโควิด คนอาจจะไว้ใจข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อมากกว่าข้าวแกงตามรถเข็น เราอาจจะไม่กล้าซื้อพวงมาลัยตามสี่แยกเพราะไม่ไว้ใจเรื่องสุขอนามัย คนอาจจะไว้ใจซุปเปอร์มาร์เก็ตมากกว่าตลาดสด บริษัทใหญ่ๆอาจมีกำลังในการสร้างความไว้ใจมากกว่าคนตัวเล็กๆ
 
เราคงต้องมาช่วยกันคิดต่อและเตรียมตัวหาทางช่วยคนตัวเล็กๆในอยู่รอดในโลกหลังโควิดครับ
 
https://www.facebook.com/chadchartofficial/posts/3079228195471345
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่