🕊 มาลาริน/ปชช.เหมือนนกโผบินจากรัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดค่ะ...ประเมิน2สัปดาห์หลังปลดล็อก ศบค.หวั่นผ่อนปรนทำยอดป่วยพุ่ง



ยอดติดเชื้อไทยลดลงต่อเนื่อง เพิ่ม 6 ราย ต่ำสุดในรอบเดือน ยอดป่วยสะสม 2,960 ราย ไม่มีเสียชีวิต ตายคงที่ 54 รักษาในรพ.ต่ำกว่า 200 วันแรก ศบค.ยอมรับกังวลเห็นคนแห่กลับ ตจว.วันหยุดยาวแรงงาน จนรถติดหนัก ขณะที่สถิติคนเริ่มออกเดินทางกว่า 9.6 แสนคน ชี้เชื้อยังไม่เป็นศูนย์ ทุกคนเสี่ยง ย้ำใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้าน 6 กิจการที่ ศบค.อนุมัติเปิด 3 พฤษภาคมให้รอฟังมาตรฐานกลาง ที่ต้องยึดหลัก 3 ข้อ ส่วน สธ.ยังไม่วางใจแม้ตัวเลขป่วยลดจับตาหลัง6กิจการเปิดดำเนินการ-คนไทยกลับจากตปท.และแรงงานต่างด้าว กรมอนามัย ลุยตรวจร้านตัดผมก่อนเปิดย้ำให้เคร่งครัดมาตรการสกัดระบาด

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวัน รวมถึงความคืบหน้าการออกมาตรการผ่อนปรนให้ 6 กิจการ ที่ศบค.อนุมัติให้เปิดดำเนินการได้ 3 พฤษภาคม
 
ป่วยใหม่แค่6ต่ำสุดรอบเดือน-ไร้ตาย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่มีผู้ป่วยรายใหม่ต่ำสุดอยู่ที่ 6 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 2,960 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 54 ราย รวมหายป่วยสะสม 2,719 ยังอยู่ระหว่างรักษาตัว 187 ราย ซึ่งเป็นวันแรกที่ต่ำกว่า 200 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 54 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย มี 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 68 ปี มีประวัติเดินทางไปตลาดแห่งหนึ่งใน กทม.ก่อนมีอาการป่วย ส่วนอีก 5 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในจ.ยะลา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยที่กลับจากมาไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านและเกษตรกร อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะต่ำลง แต่ยังวางใจไม่ได้ต้องทำงานเต็มที่ ระยะผ่อนปรนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนต่อไป ส่วนสถานการณ์ผู้ป่วยทั่วโลกมี 3,308,233 ราย เสียชีวิต 234,105 ราย
กักตัวคนไทยกลับตปท.เฉียดหมื่นแล้ว

ส่วนการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศนั้น วันที่ 1 พฤษภาคม จะมีคนไทยกลับจากสิงคโปร์ 165 คน เนปาล 38 คน ส่วนวันที่ 2 พฤษภาคมมาจากคาซัคสถาน 55 คน เนเธอร์แลนด์ 35 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 130 คน โดยตั้งแต่วันที่ 4–30เมษายน มีคนไทยกลับมาแล้ว 3,381 คนจาก 23ประเทศซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.ชื่นชมคณะทำงานที่เกี่ยวกับการรับคนไทยจากต่างประเทศ เพราะค้นหาผู้ป่วยจากกลุ่มนี้ได้ถึง 81 คนก่อนไปแพร่ระบาด ส่วนตัวเลขสะสมของผู้อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งเดินทางมาทางเครื่องบิน 4,218 คน อยู่ระหว่างกักตัว 2,775คน ส่วนตัวเลขสะสมที่อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ซึ่งเดินทางผ่านจุดผ่านแดนทางบก 7,628 คนอยู่ระหว่างกักตัว 5,922 คน
แหกเคอร์ฟิวเพิ่ม-แห่เดินทาง9.6แสน

โฆษก ศบค.ยังกล่าวถึงผลปฏิบัติงานด้านความมั่นคงช่วงเคอร์ฟิวคืนวันที่ 30 เมษายนต่อเนื่องเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม มีผู้ฝ่าฝืนชุมนุมมั่วสุม 154 ราย เพิ่มขึ้นจากคืนวันที่ 30 เมษายน 87 ราย อันดับ 1 มาจากการเล่นการพนัน ออกนอกเคหสถาน 607 ราย เพิ่มขึ้นจากคืนวันที่ 30 เมษายน 88 ราย สำหรับสถิติการเดินทางของประชาชนทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล ขนส่งสาธารณะ และขนส่งสาธารณทางราง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งหมด จากวันที่ 16 เมษายน มีตัวเลขประชาชนเดินทาง 800,867 คน วันที่ 23 เมษายน 848,028 คน และวันที่ 30 เมษายน 962,398 คน

“เข้าใจว่าทุกคนคงสบายใจ จึงผ่อนคลายตัวเอง ออกนอกบ้านมากขึ้น แต่ขอให้จดจำไว้ว่าการออกนอกบ้านมีความเสี่ยง เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่เป็นศูนย์ เราเชื่อว่ายังมีคนที่เป็นพาหะของโรคอยู่ในสังคม จึงขอให้ใส่หน้ากากอนามัยให้เหมือนเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
น่าห่วงหยุดยาวคนกลับตจว.

และว่าส่วนที่มีภาพในโลกออนไลน์และทางสื่อมวลชนว่ามีการจราจรหนาแน่น มีการเดินทางไปต่างจังหวัดจำนวนมากช่วงวันหยุดยาวนั้น ถือว่าน่ากังวลใจ เพราะข้อสำคัญของการป้องกันคือ การจำกัดการเคลื่อนย้ายคน เพราะคนเป็นแหล่งรังโรคและติดโรค ทุกประเทศทั่วโลกก็ใช้มาตรการจำกัดเคลื่อนย้ายประชากร แม้ตอนนี้เราอยู่ในช่วงผ่อนปรน แต่การเดินทางต้องไม่มากกว่าเดิม ไม่จำเป็นไม่ควรเดินทาง หรือเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายแล้วขอให้อยู่แต่บ้าน ไม่ต้องไปพบปะสังสรรค์กับใคร ปรับตัวให้เข้ากับมาตรการของจังหวัดนั้นๆ อย่าไปทำให้เกิดความเสี่ยง ถ้า 14 วันนี้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังต่ำ เราจะมีพื้นที่เปิดขยายไปได้มากกว่านี้ รวมถึงห้างสรรพสินค้า จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วย

ย้ำใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากโดยสารเครื่องบินในประเทศจะต้องกักตัว 14 วัน และต้องมีใบรับรองแพทย์หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยหลักการต้องดูประกาศของจังหวัดที่เดินทางไปเป็นพื้นฐาน ถ้าแต่ละจังหวัดมีข้อกำหนดอย่างไรก็ให้ดำเนินการตามนั้น ดูเป็นจังหวัดไป ส่วนใบรับรองแพทย์เป็นหลักการเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ในประเทศยังไม่เห็นข้อกำหนดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่หลักการก็ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันไว้ตลอด เพราะอยากให้ทุกคนช่วยป้องกันให้มากที่สุด ใกล้เคียงกับมาตรฐานสูงสุดที่เราอยากให้เป็นคือ อย่างน้อย 90%

รอฟังศบค.ประกาศมาตรฐานกลาง
สำหรับมาตรฐานกลางที่จะออกมารองรับ 6 กิจกรรม กิจการ ที่ผ่อนปรนมีผลวันที่ 3 พฤษภาคมนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนจัดทำและจะประกาศออกมาเร็วๆ นี้ คงได้เห็นมาตรฐานกลางแต่ละเรื่อง แต่โดยหลักการกว้างๆ ของศบค.หากใครอยู่1ใน 6 กิจกรรม กิจการที่ได้รับการผ่อนปรน ต้องคำนึงถึง 3 ข้อ คือ 1.กิจกรรมนั้นต้องยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง หรือพื้นที่มีอากาศถ่ายเทได้ 2.ความหนาแน่นของผู้ใช้บริการต่อหน่วยพื้นที่ ต้องกำหนดให้มีระยะห่างขั้นต่ำ 1เมตร และ3ลักษณะกิจกรรมต้องไม่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก เช่น ร้านตัดผม ต้องใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ ต้องคำนึงอีก 3 ส่วนควบคู่กันไปด้วยคือผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโรค 2.ผู้มาใช้บริการต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ไปรับเชื้อจากผู้ให้บริการและ3.เจ้าหน้าที่รัฐมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและกำกับดูแลว่าจะอนุโลมหรือเข้มข้นอย่างไร ส่วนช่วงวันที่ 1-2 พ.ค.ให้ยึดข้อกำหนดประกาศหรือคำสั่งเดิมที่ออกมาก่อนหน้านี้ต่อไปจนกว่ามีประกาศหรือคำสั่งใหม่
สธ.ไม่วางใจยอดป่วยลดต่อเนื่อง

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยกองโรคติดต่อไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีไทยมียอดผู้ป่วยโควิด-19รายใหม่เพียง 6 คนว่า เป็นจำนวนน้อยที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีผู้ป่วย 92% กลับบ้านไปแล้ว และอยู่โรงพยาบาลเพียง 187 คน แต่ก็ไม่สามารถไว้วางใจสถานการณ์ได้ว่าประเทศไทยจะปลอดภัย เนื่องจากประเทศรอบบ้านยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากอยู่ในลำดับ 2-8 อยู่ในแถบยุโรป ขณะที่มีแผนนำคนไทยกลับบ้าน ดังนั้น ต้องรอบคอบและเข้มงวดเรื่องตรวจวัดไข้ รวมถึงต้องกักตัว เฝ้าระวังอาการเข้มงวด 14 วัน ที่ผ่านมาจากมาตรการกักตัวผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศในสถานที่กักตัวของรัฐบาล พบผู้ติดเชื้อแล้ว 81 คน จึงเกิดความกังวลว่าจากลำดับของไทยที่ 59 ของโลก อาจทำให้สถานการณ์ของไทยลำดับจำนวนผู้ติดเชื้ออาจขยับลำดับขึ้นมาได้ ดังนั้น การดูแลแรงงานที่มาจากเมียนมา กัมพูชา และลาว ต้องมีตรวจวัดไข้ และกักตัวแรงงานกลุ่มนี้ 14 เช่นเดียวกัน
จับตา6กิจการ-คนไทยจากตปท.-ด่างด้าว

นพ.โสภณกล่าวด้วยว่า การที่ไทยคลายล็อกมีบทเรียนจากต่างประเทศเช่น เยอรมันนีคลายล็อกก่อนหน้านี้ไปแล้ว 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าหลังคลายล็อกไปแล้ว ผู้ป่วยติดเชื้อ 1 คนแพร่เชื้อไปยังคนอื่นได้ 1 คน ดังนั้นประเทศไทยต้องติดตามว่า ผู้ประกอบกิจการ 6 กลุ่มกิจการ รวมถึงประชาชนปฏิบัติตนตามแนวทางเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น หลังรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนแล้วหรือไม่ จากนี้ 2 สัปดาห์จะประเมินว่า มีผู้ป่วยรายใหม่หรือไม่ เพื่อปรับมาตรการตามความเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีวันหยุดยาวที่พบประชาชนกลับต่างจังหวัดจำนวนมากนั้น ผู้ที่ยังไม่ได้เดินทางขอให้อยู่บ้านเพื่อความมั่นใจว่าจะทำให้การติดเชื้อลดลงในพื้นที่ แต่สำหรับผู้ที่เดินทางกลับไปแล้ว แนะนำให้ใช้หน้ากากผ้า และถ้าป่วยให้ใช้หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม และการกินอาหารให้แยกสำรับกัน สำหรับผู้ที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยนั้น แนะนำให้แยกห้องนอน และเว้นระยะห่าง

“นายกฯย้ำว่าการควบคุมต้องมี 3 ระดับคือ ระดับที่ 1 จากส่วนกลางคือจาก ศบค. กำหนดด้วยมาตรฐานกลาง ระดับที่ 2 จากส่วนประเมินคือ สุ่มตรวจ และระดับที่ 3 คือ ระดับพื้นที่ ต้องประสานกันจะได้ไม่ผิดพลาด พร้อมย้ำว่าขณะนี้ถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการระดับหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนปรับตัว แต่ต้องค่อยๆผ่อนน เพราะหากปลดล๊อคทันทีอาจทำให้เกิดการระบาดกลับมาอีก เชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้นจนถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม จะเป็นสัญญาณบวก ส่งผลให้เกิดการผ่อนปรนมากขึ้น”นางนฤมลกล่าว

อีกด้านหนึ่งมีบรรยากาศ ประชาชนขับรถเดินทางออกจากกทม.มุ่งหน้าไปจังหวัดต่างๆจำนวนมาก ช่วงวันหยุดยาว วันแรงงานแห่งชาติ วันฉัตรมงคล และวันวิสาขบูชา ทำให้การจราจรบนถนนสายหลักติดขัด มีรถหนาแน่น ตามปั๊มน้ำมันมีรถจอดรอใช้บริการจำนวนมากโดยเฉพาะเส้นทางมุ่งหน้าสู่ ตะวันออกเฉียงเหนือ บนถนนมิตรภาพ และทางหลวง 304 304 ปราจีนบุรี-วังน้ำเขียว ขาเข้าโคราช บริเวณเขาโทนสภาพการจราจรติดขัดยาวเป็นกิโลเมตร เนื่องจากมีแนวก่อสร้างเป็นคอขวดที่ กม.216-221

สนามบินดอนเมืองแน่นเริ่มบินวันแรก
เช่นเดียวกับ ท่าอากาศยานดอนเมือง เริ่มมีประชาชนหนาแน่น เนื่องจากวันที่1 พฤษภาคม เป็นวันแรก ที่สายการบินต่างๆเริ่มกลับมาทำการบินเส้นทางในประเทศ หลังหยุดบินชั่วคราว ทั้งนี้ ทางท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร อาทิ ตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิทุกทางเข้าออกอาคารผู้โดยสาร การเว้นระยะห่างทั้งระบบ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
รถติดยาวคนนับพันในภูเก็ตแห่กลับบ้าน

อัยการสรุปฝ่าฝืนพรก.รอบเดือน2.1หมื่นราย
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า จากข้อมูลการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินรอบ 1 เดือน ของสำนักงานอัยการต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ฟ้องคดีต่อศาลระหว่างวันที่ 3 - 30 เมษายน ได้รายงานเข้ามายัง ศบค.ของสำนักงานอัยการสูงสุดปรากฏว่า มีการฟ้องคดีผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ช่วงดังกล่าว 15,895 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดี 21,426 คน ทั้งนี้ ถ้าดูย้อนหลังกลับไป 4 วันคือ ช่วงวันที่ 27 - 30 เมษายน.ที่พบผู้ติดเชื้อเชื้อโควิด -19 รายใหม่ทั่วประเทศแต่ละวันไม่ถึง 10 คน หากพิจารณาจำนวนผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วงเดียวกัน จะเห็นว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เช่น วันที่ 30 เมษายน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 7 คน ขณะเดียวกันผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฯ ทั่วประเทศ มีเพียง 656 คน จากความสัมพันธ์ของข้อมูลดังกล่าว เห็นได้ว่าถ้าปฏิบัติตามพ.ร.ก.เคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย ไม่มั่วสุมทั้งในบ่อนการพนัน หรืองานสังสรรค์รื่นเริง จะยิ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงรวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางป้องกันและสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโควิด19 อย่างไรก็ตาม นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.)ยังให้พนักงานอัยการทั่วประเทศบังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่างๆ ตามหนังสือสั่งการโดยเคร่งครัดต่อไป

https://www.naewna.com/local/490290

เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายให้ประชาชนออกมาทำมาหากินได้
ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ทั้งได้รับเงินเยียวยา ทั้งได้ทำมาหากิน 

ในกทม.นั้นเคร่งครัดมาก  แต่ตามต่างจังหวัดบางแห่งก็ไม่เคยว่ามีผลกระทบอะไรเลยค่ะ ใช้ชีวิตเหมือนปกติ

ประชาชนเริ่มเดินทาง ไปต่างจังหวัดเหมือนนกโผบินจากรัง
เชื่อว่าเขาต้องรับรู้การปฏิบัติตัวเองเพื่อป้องกันการระบาด การติดเชื้ออย่างดี 

แต่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดค่ะ....😳😷

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 36
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) วันที่ 2 พ.ค. 2563
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
การแถลงข่าวของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 2 พฤษภาคม 2563









รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2563 ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,966 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้นในวันนี้ 6 ราย)
เสียชีวิตรวม 54 ราย (ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)

รักษาหายป่วยแล้ว 2,732 ราย (92.11%) เพิ่มขึ้น 13 ราย

ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 6 ราย ใน 2 จังหวัด เข้ารับการรักษาในกรุงเทพมหานคร (3 ราย อยู่ใน State quarantine 2 ราย) และ ภูเก็ต (3)

กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,524 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (220), นนทบุรี (157), ยะลา (118), สมุทรปราการ (114), ชลบุรี (87), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (40) , ปทุมธานี (39) , นราธิวาส (28) และนครปฐม (22) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระหว่าง state quarantine ในจังหวัดต่างๆ 83 ราย

ทั้งนี้มี 9 จังหวัดที่ไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง (และสตูล ซึ่งรับผู้ติดเชื้อใน State quarantine)
และมีอีก 29 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในช่วง 28 วันที่ผ่านมา

ส่วนรายงานข้อมูลของอาเซียนและการวิเคราะห์จะอยู่ในรอบการรายงานช่วงเย็น

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2750802531711968?__tn__=-R

แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม​ 2563
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ​ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม​ 2563


9-7-9-7-6-6 หกวันแล้วนะ!

ปรบมือรัวๆค่ะ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ต่ำสิบมาเป็นวันที่ 6 ต่อเนื่องกันแล้วนะคะ! ด้วยยอดวันนี้ (2 พค. 63) ที่ 6 ราย

นอกจากนั้นยังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม เป็นวันที่ 4 ต่อเนื่องกันแล้วนะคะ และผู้รักษาหายก็มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้อยู่ใน รพ.เหลือเพียง 180 ราย เรียกว่า เตียงเหลือค่ะ

พอยอดเริ่มนิ่ง ความสนใจเราคงมุ่งไปที่เรื่องการผ่อนปรน ที่จะเริ่มพรุ่งนี้ ที่จะช่วยให้ชีวิตเราเริ่มกลับมาปกติได้บ้าง แม้จะทีละนิดก็ยังดี แต่ก็เป็นความปกติแบบใหม่ ที่เราต้องไปกินข้าว ตัดผม ทำฟัน แบบห่างกันหนึ่งเมตร

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ คงจะเป็นอีกหนึ่งหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ไม่แพ้ช่วงวันสงกรานต์ ที่เรารอดมาได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน แต่ครั้งที่แล้วเราไม่ได้ออกนอกบ้าน ไม่ได้เดินทางกัน

แต่คราวนี้ของจริงแล้วนะคะ ผ่อนคลายรอบแรก 25% เราต้องรอดไปจนถึง 100% นะคะ

การประเมินสถานการณ์จะทำทุก 14 วัน ถ้าพรุ่งนี้เราต่ำสิบอีก จะเป็นวันที่ 7 บวก 14 วันก็เป็น 21 วันหรือสามอาทิตย์ ถ้าทำได้อย่างนี้ เราได้ไปต่อแน่ค่ะ!
https://www.facebook.com/ThaiCovidCenter/photos/a.101090364890215/123466045985980/?type=3&__tn__=-R
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่