สวัสดีค่ะ SAโมสต์ เองนะคะ วันนี้กลับมาอีกครั้งค่า
หลายๆคนอาจจะจำโมสต์ได้จากกระทู้เปิดกรุกระเป๋าพนักงาน
จากกระทู้นั้น มีหลายคนถามเข้ามา อยากให้เล่าถึงประสบการณ์เข้าทำงานเป็น SAในต่างประเทศให้ฟัง
โมสต์คิดว่าน่าจะได้ลงคลิปในวันพรุ่งนี้ค่ะ แล้วถ้ามีเวลาก็จะมาเขียนเล่าให้ฟังในนี้ด้วย
แต่ตอนนี้มีเรื่องนึงที่อยากจะพูดถึงมากกว่า นั่นก็คือ
สิ่งของที่ขอได้ฟรีๆ ในร้านแบรนด์เนม ค่า
จริงๆแล้วการบริการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เรามีบริการให้ลูกค้าอยู่แล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้โมสต์จะมาแชร์ให้ทุกคนอ่านกัน
ใครที่ไม่ค่อยได้เข้าร้านแบรนด์เนมก็อ่านกันเพลินๆ เสริมความรู้กันได้ค่ะ
มาเริ่มกันเลยที่อย่างแรกเลยนะคะ นั่นก็คือ ....
ถุงเท้า ...
อ่ะ งงไปเลยสิคะทุกคน! เข้าร้านแบรนด์เนม แต่ดันมีถุงเท้าแจกซะนี่
แต่จริงๆแล้วถุงเท้าที่โมสต์พูดถึงเป็นถุงเท้าแบบนี้ค่า
ซึ่งถุงเท้าสีเนื้อแบบนี้ ทางช็อปจะมีไว้ให้สำหรับลูกค้าเวลาที่ลองรองเท้านั่นเองค่ะ เพราะว่ามันเป็นถุงเท้าแบบแนบเนื้อ
จะทำให้เลือกไซส์ได้ตรงตามเท้าเรามากที่สุดค่ะ
*ขอแทรกทริคการเลือกรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมนิดนึงน้า*
ถ้าใครจะซื้อส้นสูงให้ลองใส่เดินดูในร้านจนกว่าจะพอใจก่อนนะคะ เพราะเจ้าถุงเท้าตัวนี้มันลื่น อาจทำให้ไซส์คลาดเคลื่นได้ประมาณครึ่งไซส์และ
แนะนำให้ลองไซส์ใกล้เคียงด้วยค่ะ เช่น คุณใส่ไซส์37 ให้ลอง 36 / 36.5 / 37 ค่ะ ยิ่งถ้าเป็นหนังให้เลือกดีๆเลย หนังบางแบบยืดได้ บางแบบยืดไม่ได้ เช่น หนังแก้ว ถ้าไม่ได้คือไม่ได้ค่ะ ไม่ต้องซื้อเผื่อขยายนะคะ ยากมาก
แต่ถ้าเป็นหนังลูกวัวนิ่มๆ จะขยายได้อีกเกือบๆครึ่งไซส์ค่ะ ถ้าไม่แน่ใจให้ถาม SA ได้เลย ไม่ต้องกังวลค่า
กลับที่ถุงเท้าฟรีกันค่ะ ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าลองแล้ว ถ้าลูกค้าอยากจะใส่ไปเลย
(บางคนก็ไม่สะดวกถอดเข้า ถอดออกค่ะ) ก็สามารถใส่กลับบ้านไปได้เลยค่า
มาต่อกันที่อย่างที่ 2 กันค่ะ นั่นก็คือ ..
เครื่องดื่ม..
เจ้าเครื่องดื่มเนี่ย ทุกช็อปจะมีบริการให้กับลูกค้าเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ แล้วแต่ว่าช็อปไหนจะมีออปชั่นเยอะกว่ากัน
ก็มีตั้งแต่เบสิกๆแบบพวก น้ำแร่ Sparkling water ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ไปจนถึงแชมเปญกันเลยทีเดียว
แต่ถ้าเซฟๆแบบที่มีทุกช็อปก็น่าจะเป็น น้ำแร่ กับ กาแฟค่ะ
อย่างที่ 3 นั่นก็คือ แท๊แด ..
เทสเตอร์ต่างๆ.. นั่นเอง
ซึ่งเทสเตอร์เนี่ยสามารถขอได้ แต่ก็ไม่ได้มีทุกช็อปอีกเช่นเดียวกันนะ ยิ่งถ้าเป็นช็อปที่เน้นเครื่องหนังด้วยแล้ว ยิ่งมีความเป็นไปได้น้อยมาก
ที่จะมีเทสเตอร์น้ำหอม ยังไงก็สามารถสอบถามSA เวลาชำระเงินได้เลยน้า
แต่ แต่ แต่..ส่วนใหญ่แล้ว ทางร้านจะมีขวดน้ำหอมตั้งไว้ที่หน้าเคาร์เตอร์
ส่วนตัวโมสต์จะชอบมากเวลาที่ลูกค้าสนใจ และหยิบขึ้นมาฉีดตัว เราจะได้มีเรื่องคุย
เนื่องจากตัวเองเป็นคนชอบน้ำหอมอยู่แล้ว เวลาได้ป้ายยาลูกค้า เราจะรู้สึกแฮปปี้มาก 555+ แม้ในร้านเราจะไม่ได้มีน้ำหอมขายก็ตาม ...
มาถึงกันที่ของอย่างที่ 4 กันค่ะ ถ้าบอกไปทุกคนต้องฉงนกันแน่ๆ เพราะสิ่งนั้นก็คือ ..
ถุงกระดาาาาาษ..
แต่มันดันไม่ใช่ถุงกระดาษแบบที่เราได้ตอนซื้อน่ะสิคะ
ปกติแล้วเนี่ยถุงที่เราได้เวลาซื้อของจะเป็นถุงกระดาษแบบที่มีโลโก้ใหญ่ๆใช่มั้ยคะ
แต่เจ้าถุงที่โมสต์พูดถึงนี้ กลายเป็นถุงกระดาษสีขาวเปล่าๆเรียบๆแบบที่ไม่มีโลโก้น่ะสิ ทีนี้เนี่ย หลายคนอาจจะงงว่า
แล้วลูกค้าจะอยากได้ถุงแบบนี้ไปทำไม มาดูกันค่ะ
น้องถุงแบบนี้เนี่ย เลื่องชื่อลือนามในฐานะ
ถุงกันขโมยค่ะ
โดยเฉพาะใครที่ชอบไปช็อปปิ้งที่เมืองนอกเนี่ย สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องขอจากที่ร้านเลยนะคะ
เพราะที่ยุโรปนี่โจรชุมยิ่งกว่ายุง ยิ่งถ้าเห็นเอเชียหัวดำแบบเราๆถือถุงแบรนด์เนมด้วยละก็ โจรเหมือนเห็นขุมทรัพย์อ่ะค่ะ
อีกอย่างถ้าคุณต้องขึ้นเมทโทร แล้วเดินเข้าโรงแรมด้วยเนี่ย ยิ่งอันตรายใหญ่ โดนกรีด โดนดักปล้นเอาง่ายเลย
ทางช็อปจึงมีบริการถุงแบบที่ไม่มีโลโก้ให้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของลูกค้านั่นเองค่ะ
สิ่งต่อมาคือ ไอเท็มยอดฮิต หลังจากที่แม่อั้มและเหล่าเซเล็ปนำมาใช้ นั่นก็คือ ..
โบว์หรือริบบิ้น.. นั่นเองค่า
เจ้าริบบิ้นเนี่ยจริงๆแล้วมันผูกมากับกล่องเวลาเราไปซื้อของอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะรีเควสให้มันเป็นไซส์ไหนก็บอกพนักงานได้ค่ะ
เผื่อว่าใครอยากจะได้เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่...เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ละ!
ทีนี้เนี่ยถ้าจะขอเพิ่มฟรีอีกสักเส้นสั้นๆไปไว้ผูกผม ประสบการณ์ส่วนตัวเวลาโมสต์เป็นลูกค้า ไม่เคยมีปัญอะไรนะคะ
และอีกหนึ่งอย่างที่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะไม่รู้ ว่ากระเป๋าDiorที่คุณเป็นเจ้าของเนี่ย สามารถเอาไป ..
ทำความสะอาดฟรี ตลอดอายุการใช้งาน..
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของกระเป๋าไม่ว่าจะรุ่น Vintage แค่ไหนก็สามารถส่งไปทำความสะอาดได้ฟรีเลยนะคะ
เพราะการทำความสะอาดกระเป๋าแต่ละชนิด แต่ละวัสดุ จะใช้ความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน จึงไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้
หรือถ้าเป็นกระเป๋าหนังแล้วอยากขัด เคลือบให้เงาเหมือนใหม่เนี่ย เวลาไปช็อปครั้งหน้าก็พกน้องไปด้วย แล้วแจ้งSAว่าช่วยเคลือบเงาให้หน่อย
ใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 20นาทีค่ะ โมสต์เองเวลาลูกค้ามาช็อป ก็มีติดมือมาให้ดูแลอยู่เหมือนกันค่ะ ในส่วนนี้ก็ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายจ้า
มาถึงของที่ขอได้ฟรีอย่างสุดท้าย ที่โมสต์จะมาแชร์วันนี้ก็คือออ ..
ซองอั่งเปา เวา เวา เวา..
แต่ซองอั่งเปาเนี่ยคุณจะต้องวางแพลนการช็อปดีๆนะคะ เพราะจะมีแจกแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้น
แถมยังมีจำนวนจำกัดอีกด้วย บางแบรนด์เล่นใหญ่ให้เป็นป้ายตัวอักษรมงคลเลยก็มีค่ะ
แต่อย่างที่บอกล่ะค่ะว่ามันมีจำนวนจำกัด เพราะฉะนั้นใครเล็งอะไรไว้ในช่วงนั้น ก็ให้รีบตำค่ะ
คนที่มาแรกๆในช่วงเทศกาล จะมีสิทธิ์ได้แบบไม่ต้องลุ้นมากกว่า แถมซองของแต่ละแบรนด์ยังสวยงาม น่าสะสมทั้งนั้นเลยค่า ว่ามั้ย?
เอาล่ะค่ะทุกคน กระทู้นี้โมสต์ก็มาแชร์กันแบบพอหอมปากหอมคอเนอะ ส่วนใครที่ยังไม่จุใจ อยากดูแบบจัดเต็ม ลงลึกละเอียดยิบ
เชิญได้ที่นี่ค่า
https://youtu.be/-HZH6zlBJ9w
จะว่ากันจริงๆสิ่งของเหล่านี้เนี่ย มันไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะคะ มันก็มีบริการเป็นปกติของร้านอยู่แล้ว
เพียงแต่โมสต์เชื่อว่า ยังมีคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับบริการพวกนี้อยู่ เลยอยากจะมาแชร์ให้อ่านค่ะ ขนาดตัวโมสต์เองก่อนมาเป็นSAยังไม่รู้เลยค่ะ
ว่ามีถุงกระดาษไร้โลโก้ในช็อปด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่ามันน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ฝากแชร์ต่อด้วยนะคะ เผื่อจะช่วยให้เป็นประโยชน์กับนักช็อปท่านอื่นด้วย
ส่วนใครเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับบริการในร้านแบรนด์เนมที่ว้าวสุดๆ เปิดโลกแห่งการบริการ เอามาร่วมพูดคุยกันในคอมเม้นต์ได้นะคะ
ขอบคุณสมาชิกทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน และร่วมแชร์ความคิดเห็นไว้ล่วงหน้าเลยค่า
SAขอบอก สิ่งที่ขอได้ฟรี..ฟรี..จากร้านแบรนด์เนม ที่หลายคนไม่เคยรู้ ?!?
หลายๆคนอาจจะจำโมสต์ได้จากกระทู้เปิดกรุกระเป๋าพนักงาน
จากกระทู้นั้น มีหลายคนถามเข้ามา อยากให้เล่าถึงประสบการณ์เข้าทำงานเป็น SAในต่างประเทศให้ฟัง
โมสต์คิดว่าน่าจะได้ลงคลิปในวันพรุ่งนี้ค่ะ แล้วถ้ามีเวลาก็จะมาเขียนเล่าให้ฟังในนี้ด้วย
แต่ตอนนี้มีเรื่องนึงที่อยากจะพูดถึงมากกว่า นั่นก็คือ สิ่งของที่ขอได้ฟรีๆ ในร้านแบรนด์เนม ค่า
จริงๆแล้วการบริการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เรามีบริการให้ลูกค้าอยู่แล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้โมสต์จะมาแชร์ให้ทุกคนอ่านกัน
ใครที่ไม่ค่อยได้เข้าร้านแบรนด์เนมก็อ่านกันเพลินๆ เสริมความรู้กันได้ค่ะ
มาเริ่มกันเลยที่อย่างแรกเลยนะคะ นั่นก็คือ .... ถุงเท้า ...
อ่ะ งงไปเลยสิคะทุกคน! เข้าร้านแบรนด์เนม แต่ดันมีถุงเท้าแจกซะนี่
แต่จริงๆแล้วถุงเท้าที่โมสต์พูดถึงเป็นถุงเท้าแบบนี้ค่า
ซึ่งถุงเท้าสีเนื้อแบบนี้ ทางช็อปจะมีไว้ให้สำหรับลูกค้าเวลาที่ลองรองเท้านั่นเองค่ะ เพราะว่ามันเป็นถุงเท้าแบบแนบเนื้อ
จะทำให้เลือกไซส์ได้ตรงตามเท้าเรามากที่สุดค่ะ
*ขอแทรกทริคการเลือกรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมนิดนึงน้า*
ถ้าใครจะซื้อส้นสูงให้ลองใส่เดินดูในร้านจนกว่าจะพอใจก่อนนะคะ เพราะเจ้าถุงเท้าตัวนี้มันลื่น อาจทำให้ไซส์คลาดเคลื่นได้ประมาณครึ่งไซส์และ
แนะนำให้ลองไซส์ใกล้เคียงด้วยค่ะ เช่น คุณใส่ไซส์37 ให้ลอง 36 / 36.5 / 37 ค่ะ ยิ่งถ้าเป็นหนังให้เลือกดีๆเลย หนังบางแบบยืดได้ บางแบบยืดไม่ได้ เช่น หนังแก้ว ถ้าไม่ได้คือไม่ได้ค่ะ ไม่ต้องซื้อเผื่อขยายนะคะ ยากมาก
แต่ถ้าเป็นหนังลูกวัวนิ่มๆ จะขยายได้อีกเกือบๆครึ่งไซส์ค่ะ ถ้าไม่แน่ใจให้ถาม SA ได้เลย ไม่ต้องกังวลค่า
กลับที่ถุงเท้าฟรีกันค่ะ ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าลองแล้ว ถ้าลูกค้าอยากจะใส่ไปเลย
(บางคนก็ไม่สะดวกถอดเข้า ถอดออกค่ะ) ก็สามารถใส่กลับบ้านไปได้เลยค่า
มาต่อกันที่อย่างที่ 2 กันค่ะ นั่นก็คือ ..เครื่องดื่ม..
เจ้าเครื่องดื่มเนี่ย ทุกช็อปจะมีบริการให้กับลูกค้าเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ แล้วแต่ว่าช็อปไหนจะมีออปชั่นเยอะกว่ากัน
ก็มีตั้งแต่เบสิกๆแบบพวก น้ำแร่ Sparkling water ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ไปจนถึงแชมเปญกันเลยทีเดียว
แต่ถ้าเซฟๆแบบที่มีทุกช็อปก็น่าจะเป็น น้ำแร่ กับ กาแฟค่ะ
อย่างที่ 3 นั่นก็คือ แท๊แด ..เทสเตอร์ต่างๆ.. นั่นเอง
ซึ่งเทสเตอร์เนี่ยสามารถขอได้ แต่ก็ไม่ได้มีทุกช็อปอีกเช่นเดียวกันนะ ยิ่งถ้าเป็นช็อปที่เน้นเครื่องหนังด้วยแล้ว ยิ่งมีความเป็นไปได้น้อยมาก
ที่จะมีเทสเตอร์น้ำหอม ยังไงก็สามารถสอบถามSA เวลาชำระเงินได้เลยน้า
แต่ แต่ แต่..ส่วนใหญ่แล้ว ทางร้านจะมีขวดน้ำหอมตั้งไว้ที่หน้าเคาร์เตอร์
ส่วนตัวโมสต์จะชอบมากเวลาที่ลูกค้าสนใจ และหยิบขึ้นมาฉีดตัว เราจะได้มีเรื่องคุย
เนื่องจากตัวเองเป็นคนชอบน้ำหอมอยู่แล้ว เวลาได้ป้ายยาลูกค้า เราจะรู้สึกแฮปปี้มาก 555+ แม้ในร้านเราจะไม่ได้มีน้ำหอมขายก็ตาม ...
มาถึงกันที่ของอย่างที่ 4 กันค่ะ ถ้าบอกไปทุกคนต้องฉงนกันแน่ๆ เพราะสิ่งนั้นก็คือ ..ถุงกระดาาาาาษ..
แต่มันดันไม่ใช่ถุงกระดาษแบบที่เราได้ตอนซื้อน่ะสิคะ
ปกติแล้วเนี่ยถุงที่เราได้เวลาซื้อของจะเป็นถุงกระดาษแบบที่มีโลโก้ใหญ่ๆใช่มั้ยคะ
แต่เจ้าถุงที่โมสต์พูดถึงนี้ กลายเป็นถุงกระดาษสีขาวเปล่าๆเรียบๆแบบที่ไม่มีโลโก้น่ะสิ ทีนี้เนี่ย หลายคนอาจจะงงว่า
แล้วลูกค้าจะอยากได้ถุงแบบนี้ไปทำไม มาดูกันค่ะ
น้องถุงแบบนี้เนี่ย เลื่องชื่อลือนามในฐานะ ถุงกันขโมยค่ะ
โดยเฉพาะใครที่ชอบไปช็อปปิ้งที่เมืองนอกเนี่ย สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องขอจากที่ร้านเลยนะคะ
เพราะที่ยุโรปนี่โจรชุมยิ่งกว่ายุง ยิ่งถ้าเห็นเอเชียหัวดำแบบเราๆถือถุงแบรนด์เนมด้วยละก็ โจรเหมือนเห็นขุมทรัพย์อ่ะค่ะ
อีกอย่างถ้าคุณต้องขึ้นเมทโทร แล้วเดินเข้าโรงแรมด้วยเนี่ย ยิ่งอันตรายใหญ่ โดนกรีด โดนดักปล้นเอาง่ายเลย
ทางช็อปจึงมีบริการถุงแบบที่ไม่มีโลโก้ให้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของลูกค้านั่นเองค่ะ
สิ่งต่อมาคือ ไอเท็มยอดฮิต หลังจากที่แม่อั้มและเหล่าเซเล็ปนำมาใช้ นั่นก็คือ ..โบว์หรือริบบิ้น.. นั่นเองค่า
เจ้าริบบิ้นเนี่ยจริงๆแล้วมันผูกมากับกล่องเวลาเราไปซื้อของอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะรีเควสให้มันเป็นไซส์ไหนก็บอกพนักงานได้ค่ะ
เผื่อว่าใครอยากจะได้เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่...เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ละ!
ทีนี้เนี่ยถ้าจะขอเพิ่มฟรีอีกสักเส้นสั้นๆไปไว้ผูกผม ประสบการณ์ส่วนตัวเวลาโมสต์เป็นลูกค้า ไม่เคยมีปัญอะไรนะคะ
และอีกหนึ่งอย่างที่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะไม่รู้ ว่ากระเป๋าDiorที่คุณเป็นเจ้าของเนี่ย สามารถเอาไป ..ทำความสะอาดฟรี ตลอดอายุการใช้งาน..
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของกระเป๋าไม่ว่าจะรุ่น Vintage แค่ไหนก็สามารถส่งไปทำความสะอาดได้ฟรีเลยนะคะ
เพราะการทำความสะอาดกระเป๋าแต่ละชนิด แต่ละวัสดุ จะใช้ความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน จึงไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้
หรือถ้าเป็นกระเป๋าหนังแล้วอยากขัด เคลือบให้เงาเหมือนใหม่เนี่ย เวลาไปช็อปครั้งหน้าก็พกน้องไปด้วย แล้วแจ้งSAว่าช่วยเคลือบเงาให้หน่อย
ใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 20นาทีค่ะ โมสต์เองเวลาลูกค้ามาช็อป ก็มีติดมือมาให้ดูแลอยู่เหมือนกันค่ะ ในส่วนนี้ก็ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายจ้า
มาถึงของที่ขอได้ฟรีอย่างสุดท้าย ที่โมสต์จะมาแชร์วันนี้ก็คือออ ..ซองอั่งเปา เวา เวา เวา..
แต่ซองอั่งเปาเนี่ยคุณจะต้องวางแพลนการช็อปดีๆนะคะ เพราะจะมีแจกแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้น
แถมยังมีจำนวนจำกัดอีกด้วย บางแบรนด์เล่นใหญ่ให้เป็นป้ายตัวอักษรมงคลเลยก็มีค่ะ
แต่อย่างที่บอกล่ะค่ะว่ามันมีจำนวนจำกัด เพราะฉะนั้นใครเล็งอะไรไว้ในช่วงนั้น ก็ให้รีบตำค่ะ
คนที่มาแรกๆในช่วงเทศกาล จะมีสิทธิ์ได้แบบไม่ต้องลุ้นมากกว่า แถมซองของแต่ละแบรนด์ยังสวยงาม น่าสะสมทั้งนั้นเลยค่า ว่ามั้ย?
เอาล่ะค่ะทุกคน กระทู้นี้โมสต์ก็มาแชร์กันแบบพอหอมปากหอมคอเนอะ ส่วนใครที่ยังไม่จุใจ อยากดูแบบจัดเต็ม ลงลึกละเอียดยิบ
เชิญได้ที่นี่ค่า
https://youtu.be/-HZH6zlBJ9w
จะว่ากันจริงๆสิ่งของเหล่านี้เนี่ย มันไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะคะ มันก็มีบริการเป็นปกติของร้านอยู่แล้ว
เพียงแต่โมสต์เชื่อว่า ยังมีคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับบริการพวกนี้อยู่ เลยอยากจะมาแชร์ให้อ่านค่ะ ขนาดตัวโมสต์เองก่อนมาเป็นSAยังไม่รู้เลยค่ะ
ว่ามีถุงกระดาษไร้โลโก้ในช็อปด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่ามันน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ฝากแชร์ต่อด้วยนะคะ เผื่อจะช่วยให้เป็นประโยชน์กับนักช็อปท่านอื่นด้วย
ส่วนใครเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับบริการในร้านแบรนด์เนมที่ว้าวสุดๆ เปิดโลกแห่งการบริการ เอามาร่วมพูดคุยกันในคอมเม้นต์ได้นะคะ
ขอบคุณสมาชิกทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน และร่วมแชร์ความคิดเห็นไว้ล่วงหน้าเลยค่า