ขออนุญาตเกริ่นก่อนว่ายินดีรับฟังทุกความคิดโดยไร้อคติเพราะกระทู้ก่อนหน้าก็ตั้งเรื่องปัญหาเกี่ยวกับคุณแม่มาเยอะพอสมควรค่ะ
ปัญหาที่อัดอั้นตันใจมากตอนนี้คือ
เราหาเงินได้ 6 หลักต่อเดือน แต่เป็นงานไม่มั่นคง ซึ่งไม่รู้วันดีคืนดีจะจนเมื่อไหร่
เราจึงเก็บเงินตั้งใจจะซื้อบ้านและเปิดร้านทำธุรกิจ มองทำเลรวมไปถึงทุกอย่างไว้หมดแล้วค่ะ
แต่ปัจจุบันเราอาศัยอยู่บ้านแม่ ซึ่งเราเป็นคนจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์
ตอนหลังมานี้เพิ่มเงินเดือนให้แม่ยืมตามใจชอบในวงเงินห้าพันขึ้นไปแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทสำหรับนำไปหมุนธุรกิจของแม่
งานของแม่ในทุกๆวันคือทำความสะอาดบ้าน ขายของและดูแลคุณยาย
ส่วนเราทำงานออนไลน์ตามที่บอกไปในข้างต้นค่ะ
ตอนแรกไม่มีปัญหาอะไรจนกระทั่งพักหลังมานี้ เรามีแฟนค่ะ
ปีนี้เราอายุยี่สิบสี่ บรรลุนิติภาวะเรียบร้อย
เราขอแม่ไปเที่ยวกับแฟนคือไปร้านอาหาร แต่มันเปิดช่วงห้าโมงถึงหกโมงเย็น แม่ไม่อนุญาตทั้งๆที่แฟนขับรถมารับและมาส่ง
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าปกติเวลาจะไปไหนมาไหนต้องขอตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กค่ะ
ห้ามเที่ยวผับ ห้ามดื่มสุรา และห้ามค้างที่ไหนเด็ดขาดหากไม่จำเป็น ในชีวิตเคยค้างบ้านเพื่อนแค่สองครั้งค่ะ
ช่วงนี้ตึงๆกับคุณแม่หลายเรื่องมาก เพราะเรารู้สึกไปเองค่ะว่าเราให้เงินแม่จำนวนมากและมีหลักมีฐาน
ทำงานจริงจัง วางแผนไปถึงอนาคต ดูแลแม่ได้ มีเงินให้แม่ใช้ไม่ต้องลำบาก
แต่เราขอแค่ อิสระ
แม่ไม่เคยให้เราเลยค่ะ
ไม่ให้แม้แต่นิดเดียว
ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจแม่ก็จะตวาด ตะคอก บอกว่า ขออนุญาตรึยัง ฉันไม่ให้ไป
อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราอึดอัด เราอยากออกไปอยู่ข้างนอกแต่ก็ไม่กล้า
เราจ่ายให้บ้านเราอย่างต่ำเดือนละห้าพันถึงหนึ่งหมื่น
แต่หอข้างนอกแค่สามพันห้าเองค่ะ ถูกกว่าค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์อีก
เราทราบนะคะว่า แม่คือแม่ ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ต้องทดแทน
แต่เกิดคำถามขึ้นในใจเราว่า เมื่อไหร่เราจะได้ใช้ชีวิตของเราเหรอคะ
ต้องรอไปถึงตอนไหน หรือเพราะยอมแม่มาตลอด เราก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหาเงินแล้ว
ทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมปล่อยเราคะ
มันทำให้เรานึกประโยคนี้ขึ้นมาได้
'ให้ชีวิต แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ชีวิต'
ตอนนี้เรารู้สึกแย่และอึดอัดมากๆเลยค่ะ
หากท่านใดมีมุมมองหรือความคิดเห็นรบกวนแสดงให้เราได้อ่านด้วยนะคะ
ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ
ถึงเวลาที่เราต้องแข็งข้อกับแม่ได้แล้วหรือยัง ?
ปัญหาที่อัดอั้นตันใจมากตอนนี้คือ
เราหาเงินได้ 6 หลักต่อเดือน แต่เป็นงานไม่มั่นคง ซึ่งไม่รู้วันดีคืนดีจะจนเมื่อไหร่
เราจึงเก็บเงินตั้งใจจะซื้อบ้านและเปิดร้านทำธุรกิจ มองทำเลรวมไปถึงทุกอย่างไว้หมดแล้วค่ะ
แต่ปัจจุบันเราอาศัยอยู่บ้านแม่ ซึ่งเราเป็นคนจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์
ตอนหลังมานี้เพิ่มเงินเดือนให้แม่ยืมตามใจชอบในวงเงินห้าพันขึ้นไปแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทสำหรับนำไปหมุนธุรกิจของแม่
งานของแม่ในทุกๆวันคือทำความสะอาดบ้าน ขายของและดูแลคุณยาย
ส่วนเราทำงานออนไลน์ตามที่บอกไปในข้างต้นค่ะ
ตอนแรกไม่มีปัญหาอะไรจนกระทั่งพักหลังมานี้ เรามีแฟนค่ะ
ปีนี้เราอายุยี่สิบสี่ บรรลุนิติภาวะเรียบร้อย
เราขอแม่ไปเที่ยวกับแฟนคือไปร้านอาหาร แต่มันเปิดช่วงห้าโมงถึงหกโมงเย็น แม่ไม่อนุญาตทั้งๆที่แฟนขับรถมารับและมาส่ง
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าปกติเวลาจะไปไหนมาไหนต้องขอตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้า เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กค่ะ
ห้ามเที่ยวผับ ห้ามดื่มสุรา และห้ามค้างที่ไหนเด็ดขาดหากไม่จำเป็น ในชีวิตเคยค้างบ้านเพื่อนแค่สองครั้งค่ะ
ช่วงนี้ตึงๆกับคุณแม่หลายเรื่องมาก เพราะเรารู้สึกไปเองค่ะว่าเราให้เงินแม่จำนวนมากและมีหลักมีฐาน
ทำงานจริงจัง วางแผนไปถึงอนาคต ดูแลแม่ได้ มีเงินให้แม่ใช้ไม่ต้องลำบาก
แต่เราขอแค่ อิสระ
แม่ไม่เคยให้เราเลยค่ะ
ไม่ให้แม้แต่นิดเดียว
ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจแม่ก็จะตวาด ตะคอก บอกว่า ขออนุญาตรึยัง ฉันไม่ให้ไป
อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราอึดอัด เราอยากออกไปอยู่ข้างนอกแต่ก็ไม่กล้า
เราจ่ายให้บ้านเราอย่างต่ำเดือนละห้าพันถึงหนึ่งหมื่น
แต่หอข้างนอกแค่สามพันห้าเองค่ะ ถูกกว่าค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์อีก
เราทราบนะคะว่า แม่คือแม่ ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ต้องทดแทน
แต่เกิดคำถามขึ้นในใจเราว่า เมื่อไหร่เราจะได้ใช้ชีวิตของเราเหรอคะ
ต้องรอไปถึงตอนไหน หรือเพราะยอมแม่มาตลอด เราก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหาเงินแล้ว
ทำไมแม่ถึงยังไม่ยอมปล่อยเราคะ
มันทำให้เรานึกประโยคนี้ขึ้นมาได้
'ให้ชีวิต แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ชีวิต'
ตอนนี้เรารู้สึกแย่และอึดอัดมากๆเลยค่ะ
หากท่านใดมีมุมมองหรือความคิดเห็นรบกวนแสดงให้เราได้อ่านด้วยนะคะ
ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ