เกมการเงินครั้งใหม่ของ เจ้าสัว กฤตย์ รัตนรักษ์ “เจ้าพ่อช่อง 7”
โดยอาจนำ “บีบีทีวี โปรดัคชันส์” เข้าไปโลดแล่นในตลาดหุ้น
ที่มา :
https://marketeeronline.co/archives/161208
ช่อง 7 กำลังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
เมื่อเจ้าสัว ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ (ช่อง 7) ที่กำลังมีข่าวว่าเตรียมตัวเข้าตลาดหุ้น (ทางอ้อม) จากการทำเสนอซื้อหุ้น MATCH บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)
เพื่อนำ “บีบีทีวี โปรดัคชันส์” เข้าไปโลดแล่นในตลาดหุ้นแทน
บีบีทีวี โปรดัคชันส์ คือบริษัทในเครือของช่อง 7 ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2544 เพื่อทำธุรกิจโฆษณาทางโทรทัศน์ และรับจ้างผลิตละครโทรทัศน์ และเข้าไปทยอยถือหุ้นของ MATCH มานานหลายปี
ปัจจุบันถืออยู่ที่ 74.50% มีรายได้เมื่อปี 62 ประมาณ 271 ล้านบาท กำไรประมาณ 14 ล้านบาท
MATCH ก่อตั้งโดย “ตี๋ แม็ทชิ่ง” สมชาย ชีวสุทธานนท์ เมื่อปี 2535 แต่ได้ออกจากตำแหน่งผู้บริหารเมื่อปี 2555 พร้อมกับการทยอยเข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ของช่อง 7
เป็นธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ ให้เช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำ บริการและให้เช่าสถานที่ถ่ายทำ ธุรกิจ Post Production และผลิตภาพยนตร์ มีผลประกอบการขาดทุนมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา
รายได้ปี 62 ของ MATCH อยู่ที่ประมาณ 476 ล้านบาท ขาดทุน 38 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 62 บีบีทีวี โปรดัคชันส์ ได้แจ้งความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นของ MATCH ที่เหลืออยู่ทั้งหมดจำนวนประมาณ 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.50% ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท รวมเป็นเงินเบ็ดเสร็จประมาณ 320 ล้านบาท
โดยจะรับซื้อหุ้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 25 วัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ของทุกวันทำการ ระหว่างวันที่ 15 เม.ย.-22 พ.ค. 63
ถ้ามองชั้นเดียวง่ายๆ นี่คือวิธีกรุยทางเพื่อให้ช่อง 7 เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ สร้างความยิ่งใหญ่ ต่อยอดเรื่องคอนเทนต์ละคร และรายการทีวีในรูปแบบต่างๆ ในวันที่ช่อง 7 ยังครองเรตติ้งอันดับ 1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรตติ้งเฉลี่ยทั้งช่องอยู่ที่ 2.257 เป็นทีวีช่องเดียวที่เรตติ้งแตะเลข 2
ในขณะที่อันดับ 2 ช่อง 3 อยู่ที่ 1.283 โมโน อันดับ 3 อยู่ที่ 1.130 นอกจากนั้นที่เหลืออีก 15 ช่อง ไม่มีใครแตะเลข 1 และเป็นช่องเดียวที่ถึงแม้ว่ารายได้และกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เคยขาดทุน
ถ้ามองอีกมุม สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่ เป็นเรื่องยากที่จะเดาใจเจ้าสัวกฤตย์ ผู้เป็นเซียนหุ้นระดับปรมาจารย์ ว่าจะพลิกแพลงเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางการเงินในวิธีการใดกันแน่
แต่ที่แน่ๆ วันนี้ เจ้าสัวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตการเงินมาหลายรอบ ยังคงครองตำแหน่งตระกูลมหาเศรษฐีลำดับที่ 13 ของเมืองไทย (จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 7.35 หมื่นล้านบาท
ยังเป็นตระกูลที่ถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท เช่น บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง บมจ. อีสเทอร์นสตาร์ เรียล เอสเตท บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ น่าจะเป็นอีกฉากหนึ่งที่น่าสนใจของเจ้าพ่อ ช่อง 7 แต่จะออกมาในรูปแบบไหน คงต้องพลิกตำราตามให้ทัน
ช่อง 7 กำลังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
โดยอาจนำ “บีบีทีวี โปรดัคชันส์” เข้าไปโลดแล่นในตลาดหุ้น
ที่มา : https://marketeeronline.co/archives/161208
ช่อง 7 กำลังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
เมื่อเจ้าสัว ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ (ช่อง 7) ที่กำลังมีข่าวว่าเตรียมตัวเข้าตลาดหุ้น (ทางอ้อม) จากการทำเสนอซื้อหุ้น MATCH บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อนำ “บีบีทีวี โปรดัคชันส์” เข้าไปโลดแล่นในตลาดหุ้นแทน
บีบีทีวี โปรดัคชันส์ คือบริษัทในเครือของช่อง 7 ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2544 เพื่อทำธุรกิจโฆษณาทางโทรทัศน์ และรับจ้างผลิตละครโทรทัศน์ และเข้าไปทยอยถือหุ้นของ MATCH มานานหลายปี
ปัจจุบันถืออยู่ที่ 74.50% มีรายได้เมื่อปี 62 ประมาณ 271 ล้านบาท กำไรประมาณ 14 ล้านบาท
MATCH ก่อตั้งโดย “ตี๋ แม็ทชิ่ง” สมชาย ชีวสุทธานนท์ เมื่อปี 2535 แต่ได้ออกจากตำแหน่งผู้บริหารเมื่อปี 2555 พร้อมกับการทยอยเข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ของช่อง 7
เป็นธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ ให้เช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำ บริการและให้เช่าสถานที่ถ่ายทำ ธุรกิจ Post Production และผลิตภาพยนตร์ มีผลประกอบการขาดทุนมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา
รายได้ปี 62 ของ MATCH อยู่ที่ประมาณ 476 ล้านบาท ขาดทุน 38 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 62 บีบีทีวี โปรดัคชันส์ ได้แจ้งความประสงค์ที่จะซื้อหุ้นของ MATCH ที่เหลืออยู่ทั้งหมดจำนวนประมาณ 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.50% ในราคาหุ้นละ 1.60 บาท รวมเป็นเงินเบ็ดเสร็จประมาณ 320 ล้านบาท
โดยจะรับซื้อหุ้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 25 วัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ของทุกวันทำการ ระหว่างวันที่ 15 เม.ย.-22 พ.ค. 63
ถ้ามองชั้นเดียวง่ายๆ นี่คือวิธีกรุยทางเพื่อให้ช่อง 7 เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ สร้างความยิ่งใหญ่ ต่อยอดเรื่องคอนเทนต์ละคร และรายการทีวีในรูปแบบต่างๆ ในวันที่ช่อง 7 ยังครองเรตติ้งอันดับ 1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรตติ้งเฉลี่ยทั้งช่องอยู่ที่ 2.257 เป็นทีวีช่องเดียวที่เรตติ้งแตะเลข 2
ในขณะที่อันดับ 2 ช่อง 3 อยู่ที่ 1.283 โมโน อันดับ 3 อยู่ที่ 1.130 นอกจากนั้นที่เหลืออีก 15 ช่อง ไม่มีใครแตะเลข 1 และเป็นช่องเดียวที่ถึงแม้ว่ารายได้และกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เคยขาดทุน
ถ้ามองอีกมุม สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่ เป็นเรื่องยากที่จะเดาใจเจ้าสัวกฤตย์ ผู้เป็นเซียนหุ้นระดับปรมาจารย์ ว่าจะพลิกแพลงเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางการเงินในวิธีการใดกันแน่
แต่ที่แน่ๆ วันนี้ เจ้าสัวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตการเงินมาหลายรอบ ยังคงครองตำแหน่งตระกูลมหาเศรษฐีลำดับที่ 13 ของเมืองไทย (จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 7.35 หมื่นล้านบาท
ยังเป็นตระกูลที่ถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท เช่น บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง บมจ. อีสเทอร์นสตาร์ เรียล เอสเตท บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ น่าจะเป็นอีกฉากหนึ่งที่น่าสนใจของเจ้าพ่อ ช่อง 7 แต่จะออกมาในรูปแบบไหน คงต้องพลิกตำราตามให้ทัน