สวัสดีค่ะ...ตอนนี้ได้แต่ทำใจว่ากว่าจะได้ไปเที่ยวคงอีกนานแน่ๆ... ยังดีได้อาศัยอ่านกระทู้ของเพื่อนๆในห้องบลู แล้วก็ดูรูปทริปเก่าๆ วนไป พอให้ชื่นใจได้บ้าง... วันนี้พอมีเวลาว่าง เลยจะขออาสาพาเพื่อนๆไปเที่ยวบ้างนะคะ
อากาศร้อนๆแบบนี้ ทำให้คิดถึงอากาศหนาวๆ และบรรยากาศ Festive เผื่อจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง...งั้นวันนี้เราไปเที่ยวเมือง Annecy เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น "Venice of Alps" กันค่ะ ...
พร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ...
>>>> อานน์ซี (Annecy) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด Haute-Savoie ในแคว้นโรห์น-อัลป์ Rhone-Alpes ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนขอบด้านทิศเหนือของทะเลสาบอานซี และอยู่ห่างจากทะเลสาบเจนีวาไปทางทิศใต้ 35 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณี ของภูมิภาค Haute-Savoie มีสถานที่สำคัญคือ Château d’Annecy มีเขตย่านเมืองเก่าที่สวยงาม เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือน สมัย ศตวรรษที่16-17 <<<<
ข้อมูลจาก wikipedia และ www.lonelyplanet.com
เราเดินทางไป Annecy จากเมือง Chamonix ค่ะ ทริปนี้เราเริ่มลงเครื่องจากสนามบินเจนีวา ไปเที่ยว Chamonix 3 วัน แล้วไปต่อที่ Annecy โดยอยู่ที่ Annecy วันที่ 29-31 ธันวาคม 62 ค่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขออนุญาต tie-in กระทู้รีวิวเก่าของเราที่ Chamonix ไว้ด้วยเลยละกันนะคะ
https://ppantip.com/topic/39750347
วิธีการเดินทางไป Annecy เราใช้บริการของ BlaBla Bus ค่ะ เป็นบริษัทแตกไลน์ออกมาจาก Ouibus ที่ดำเนินธุรกิจรถบัส รถโค้ช ในยุโรปนั่นเอง
ลืมถ่ายรูปรถมาค่ะ อันนี้จาก busbud.com
เราออกจาก Chamonix เวลา 10.50 น ไปถึง Annecy 12.25 น ค่ะ ค่าเดินทางคนละ 49.98 euro ( บวก Tax 4.54 Euro ) ถือว่าราคาถูกกว่ารถไฟค่ะ (ลืมบอกไปค่ะว่ามี รถไฟจาก Chamonix ไป Annecy เหมือนกันค่ะ แต่ว่าต้องเปลี่ยนรถสองครั้ง แล้วก็แพงกว่า เราเลยเลือกนั่งรถบัสแทน)
เราจองล่วงหน้าจาก website นี้นะคะ
https://www.ouibus.com/
วิธีการจองง่ายมาก ปรินท์ตั๋วมาจากบ้านได้เลยค่ะ แล้วประมาณชั่วโมงนึงก่อนเดินทาง เค้าจะ email มาแจ้ง seat number
โดยเค้าแนะนำว่าต้องมารอรถก่อนเวลา 15 นาทีค่ะ
รถบัสนี้มี wifi ด้วยนะคะ แต่เหมือนว่าไม่มีห้องน้ำ น่าจะเป็นเพราะระยะทางไม่ไกลมาก
ที่นั่งสบายๆ แต่ถ้าเทียบกับรถไฟแล้ว แคบกว่า และคนหนาแน่นกว่า ถ้าต้องนั่งนานๆ เราว่าเราชอบนั่งรถไฟมากกว่า
สองข้างทางสวยงามค่ะ สังเกตว่าหิมะจะลดลงเรื่อยๆ เพราะเราลงเขามา
แป็บๆ ก็ถึงสถานีรถไฟ Gare de Annecy ค่ะ
ภาพจาก annecy.fr ค่ะ
สถานีนี้ไม่ใหญ่มาก แต่เป็นสถานีหลักของภูมิภาคนี้ มี TGV ไปปารีสด้วยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งเราก็ได้จองตั๋ว TGV สำหรับไปปารีสไว้แล้ว แต่คงต้องลุ้นค่ะว่าจะมีรถไฟวิ่งรึเปล่า เพราะตอนเราไปฤกษ์งามยามดีมากกกกก..... ในปารีสเค้ามีประท้วงกัน รถไฟระหว่างเมืองเค้าก็หยุดงานประท้วงด้วย ต้องลุ้นเอาวันต่อวันว่าวันไหนขบวนไหนยกเลิกบ้าง
มาถึงแล้วไปเช็คอินฝากกระเป๋าที่โรงแรมกันก่อน โรงแรมที่เราพักชื่อ Campanile Annecy Center Gare ค่ะ ใกล้สถานีมากๆ ราคาประมาณ 130 Euro เราจะอยู่ที่นี่สองคืน
ลืมถ่ายรูปโรงแรมมาค่ะ ขอยืมรูปจาก Booking.com นะคะ
โรงแรมเป็นตึกห้องเดียวค่ะ ประตูสีเทาค่ะ
ภาพอาหารเช้าจาก Booking.com นะคะ โปรดสังเกตครัวซองต์ค่ะ
อาหารเช้าโรงแรมนี้อร่อยมาก ดีงามมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวซองต์ชอคโกแลต...ในความเห็นเรา เราว่าโรงแรมแทบทุกโรงแรมในฝรั่งเศส ครัวซองต์อร่อยมากกกก นี่มันสวรรค์ของคนรักครัวซองต์ชัดๆ เรากินครัวซองต์วันละอย่างต่ำ 4-5 ชิ้น ขากลับนี่กางเกงคับกันเลยทีเดียว
หลังจากเช็คอิน นั่งๆนอนๆแล้ว ประมาณ 4 โมงเย็นเราไปเดินเล่นกันรอบๆ โรงแรมแล้วไป Old town กันค่ะ วันนี้เราถือเป็นวันพักผ่อน ไม่ได้มีโปรแกรมอะไรมาก เดี๋ยวเราค่อยเที่ยวในเมืองนี้แบบจริงจังกันพรุ่งนี้
เดินมานิดนึงจะเจอ Notre Dame de Annecy ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมืองค่ะ สถาปัตยกรรมของโบสถ์นี้เรียบง่าย ไม่ได้วิจิตรพิสดารมากนัก
ช่วงเทศกาลแบบนี้ มีม้าหมุนมาตั้งอยู่ข้างหน้าโบสถ์ มีคนมาเล่นดนตรีเปิดหมวกด้วยค่ะ
ในเขตย่านเมืองเก่า ( Vieille ville) ของ Annecy จะมีแม่น้ำเล็กๆใสแจ๋วสีเขียวสามสายไหลผ่าน เป็นเหมือนคลองลัดเลาะอยู่ในเขตเมือง เมืองนี้เลยได้ชื่อว่าเป็น Venice of Alps ค่ะ
เราเดินข้ามสะพานโน้นสะพานนี้มาเรื่อยๆเพลินๆ ก็มาเจอ Landmark ของเมืองนี้ โดยไม่รู้ตัว
สถานที่นี้คือ ปาเลส์เดอไลล์ ( Palais d’Isle) หรือคุกเก่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ เป็นปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในศควรรษที่ 12 ลักษณะเป็น “ House in the shape of ship” คือมีลักษณะเป็น อาคารรูปทรงคล้ายเรือสำเภาโบราณทอดสมออยู่กลางน้ำ ในอดีตเคยเป็นที่คุมขัง เป็นศาล และเป็นศาลาว่าการของเมือง จริงๆข้างในอาคารให้เข้าไปชมได้นะคะ แต่เราไม่ได้เข้าไปค่ะ
เราเดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะถึง คลองสายหลักซึ่งจะไหลออกสู่ทะเลสาบค่ะ คลองนี้สองฝั่งคลองจะมีต้นไม้เรียงรายอยู่ดูโรแมนติกมากๆ เรามาช่วงหน้าหนาวต้นไม้จะออกโกร๋นๆ ไปหน่อย นี่ถ้าหน้าร้อนน่าจะเขียวสวยเลยทีเดียว แต่แบบนี้เราก็ชอบนะคะ มันเข้ากับบรรยากาศหนาวๆเย็นๆดูสวยๆแบบเหงาๆดี
คือ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้ำในคลองนี่มันเขียวใสมากกกก ไม่รู้มันมีแร่ธาตุอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า มันเขียวใส สวยจริงๆ อิจฉาน้องเป็ดฝรั่งเศสแทนเป็ดเมืองไทย ว่ายน้ำกันสนุกสนานเชียว
เลียบริมคลองมาเรื่อยๆเดินก็จะเจออีกหนึ่ง Landmark ของเมือง นั่นคือ Pont des Amours หรือ Lovers’ Bridge( สะพานคู่รัก) ค่ะ สะพานนี้อยู่บริเวณที่คลองบรรจบสู่ทะเลสาบพอดี สะพานคู่รักนี้มีคนนำกุญแจมาคล้องเป็นสัญญลักษณ์ตามธรรมเนียมด้วยค่ะ แต่ที่เห็นมีอยู่ไม่มากคาดว่าน่าจะถูกตัดออกไปบ้างแล้ว
จากสะพานนี้เดินข้ามคลองไปจะมีสวนสาธารณะริมทะเลสาบ Anncey ค่ะ เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาปิกนิก เดินเล่น ออกกำลังกายกัน
รูปข้างบน สะพานที่เห็นคือ Pont des Amours ค่ะ
สวนสาธาณะนี้บรรยากาศชิล น่านั่งเล่น เดินเล่นมากค่ะ แต่เย็นนี้เราไม่ได้แวะไปค่ะ ขอเดินเล่นรอบๆ เมืองกันก่อน
และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราเริ่มหิวแล้วค่ะ หาอะไรทานดีกว่า
เดินมาอีกนิดนึง ก็จะเจอ
ตลาดคริสต์มาสต์ ( Marché de Noël) ค่ะ
ด้วยความที่ทริปนี้เราเริ่มเดินทางช่วงหลังวันคริสต์มาสพอดี ตลาดคริสต์มาสส่วนใหญ่ในเมืองที่เราไปนั้นปิดไปเกือบหมดแล้ว โชคดีที่ยังเหลือที่เมืองนี้ซึ่งจะเปิดไปจนถึงต้นๆ เดือนมกราคมเลยค่ะ เราเลยได้เดินตลาดคริสต์มาสเต็มอิ่มฟินไปถึงสองวัน
ว่าแล้วเราก็เดินเข้าไปหาของกินในตลาดกัน แต่วันนี้คนค่อนข้างเยอะค่ะ ไม่มีที่นั่งเลย เราเดินวนไปมา จนถึงบริเวณข้างคุกเก่า เจอร้านปิ้งย่างร้านนึง เราเลยตัดสินใจทานอาหารเย็นกันที่ร้านนี้ค่ะ
ร้านนี้ชื่อ La Bastille ค่ะ อยู่ข้างๆ Palais d’Isle เราเลือกนั่งข้างนอกร้านค่ะเพื่อซึมซับบรรยากาศ พอดีข้างนอกมีฮีตเตอร์ ร่วมกับกินปิ้งย่างด้วยเลยไม่หนาวมาก
หน้าตาปิ้งย่างที่นี่เป็นแบบนี้ค่ะ มีหมู เนื้อ ไก่ ผัก เสิร์ฟพร้อมสลัดผักและเฟรนช์ฟายด์ ย่างแผ่นหินร้อนๆ ปรุงรสด้วย ... เกลือ มัสตาร์ด แล้วก็ซอสมะเขือเทศค่ะ กินไปก็คิดถึงน้ำจิ้มปิ้งย่างแบบบ้านเราค่ะ ยังดีพอมีน้ำสลัดให้จิ้มพอกล้อมแกล้มได้บ้าง
ถึงปิ้งย่างมื้อนี้จะรสชาติไม่คุ้นเคย แต่เราว่าการได้กินอะไรร้อนๆ ในบรรยากาศเทศกาลหนาวๆ ข้างแลนด์มารค์ของเมืองแบบนี้ เคล้าคลอด้วยเพลงภาษาฝรั่งเศส ( ที่ฟังไม่รู้เรื่อง) แค่นี้สำหรับเราก็ฟินมากๆๆแล้ว อิ่มสบายท้องงง กลับไปนอนเอาแรงไว้เที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ดีกว่า
[CR] Charming Annecy ...พาเที่ยวตลาดคริสต์มาส เดินชมทะเลสาบที่เมืองเวนิสแห่งเทือกเขาแอลป์
อากาศร้อนๆแบบนี้ ทำให้คิดถึงอากาศหนาวๆ และบรรยากาศ Festive เผื่อจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง...งั้นวันนี้เราไปเที่ยวเมือง Annecy เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น "Venice of Alps" กันค่ะ ...
พร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ...
>>>> อานน์ซี (Annecy) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด Haute-Savoie ในแคว้นโรห์น-อัลป์ Rhone-Alpes ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนขอบด้านทิศเหนือของทะเลสาบอานซี และอยู่ห่างจากทะเลสาบเจนีวาไปทางทิศใต้ 35 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณี ของภูมิภาค Haute-Savoie มีสถานที่สำคัญคือ Château d’Annecy มีเขตย่านเมืองเก่าที่สวยงาม เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือน สมัย ศตวรรษที่16-17 <<<<
ข้อมูลจาก wikipedia และ www.lonelyplanet.com
เราเดินทางไป Annecy จากเมือง Chamonix ค่ะ ทริปนี้เราเริ่มลงเครื่องจากสนามบินเจนีวา ไปเที่ยว Chamonix 3 วัน แล้วไปต่อที่ Annecy โดยอยู่ที่ Annecy วันที่ 29-31 ธันวาคม 62 ค่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขออนุญาต tie-in กระทู้รีวิวเก่าของเราที่ Chamonix ไว้ด้วยเลยละกันนะคะ
https://ppantip.com/topic/39750347
วิธีการเดินทางไป Annecy เราใช้บริการของ BlaBla Bus ค่ะ เป็นบริษัทแตกไลน์ออกมาจาก Ouibus ที่ดำเนินธุรกิจรถบัส รถโค้ช ในยุโรปนั่นเอง
ลืมถ่ายรูปรถมาค่ะ อันนี้จาก busbud.com
เราออกจาก Chamonix เวลา 10.50 น ไปถึง Annecy 12.25 น ค่ะ ค่าเดินทางคนละ 49.98 euro ( บวก Tax 4.54 Euro ) ถือว่าราคาถูกกว่ารถไฟค่ะ (ลืมบอกไปค่ะว่ามี รถไฟจาก Chamonix ไป Annecy เหมือนกันค่ะ แต่ว่าต้องเปลี่ยนรถสองครั้ง แล้วก็แพงกว่า เราเลยเลือกนั่งรถบัสแทน)
เราจองล่วงหน้าจาก website นี้นะคะ
https://www.ouibus.com/
วิธีการจองง่ายมาก ปรินท์ตั๋วมาจากบ้านได้เลยค่ะ แล้วประมาณชั่วโมงนึงก่อนเดินทาง เค้าจะ email มาแจ้ง seat number
โดยเค้าแนะนำว่าต้องมารอรถก่อนเวลา 15 นาทีค่ะ
รถบัสนี้มี wifi ด้วยนะคะ แต่เหมือนว่าไม่มีห้องน้ำ น่าจะเป็นเพราะระยะทางไม่ไกลมาก
ที่นั่งสบายๆ แต่ถ้าเทียบกับรถไฟแล้ว แคบกว่า และคนหนาแน่นกว่า ถ้าต้องนั่งนานๆ เราว่าเราชอบนั่งรถไฟมากกว่า
สองข้างทางสวยงามค่ะ สังเกตว่าหิมะจะลดลงเรื่อยๆ เพราะเราลงเขามา
แป็บๆ ก็ถึงสถานีรถไฟ Gare de Annecy ค่ะ
ภาพจาก annecy.fr ค่ะ
สถานีนี้ไม่ใหญ่มาก แต่เป็นสถานีหลักของภูมิภาคนี้ มี TGV ไปปารีสด้วยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งเราก็ได้จองตั๋ว TGV สำหรับไปปารีสไว้แล้ว แต่คงต้องลุ้นค่ะว่าจะมีรถไฟวิ่งรึเปล่า เพราะตอนเราไปฤกษ์งามยามดีมากกกกก..... ในปารีสเค้ามีประท้วงกัน รถไฟระหว่างเมืองเค้าก็หยุดงานประท้วงด้วย ต้องลุ้นเอาวันต่อวันว่าวันไหนขบวนไหนยกเลิกบ้าง
มาถึงแล้วไปเช็คอินฝากกระเป๋าที่โรงแรมกันก่อน โรงแรมที่เราพักชื่อ Campanile Annecy Center Gare ค่ะ ใกล้สถานีมากๆ ราคาประมาณ 130 Euro เราจะอยู่ที่นี่สองคืน
ลืมถ่ายรูปโรงแรมมาค่ะ ขอยืมรูปจาก Booking.com นะคะ
โรงแรมเป็นตึกห้องเดียวค่ะ ประตูสีเทาค่ะ
ภาพอาหารเช้าจาก Booking.com นะคะ โปรดสังเกตครัวซองต์ค่ะ
อาหารเช้าโรงแรมนี้อร่อยมาก ดีงามมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวซองต์ชอคโกแลต...ในความเห็นเรา เราว่าโรงแรมแทบทุกโรงแรมในฝรั่งเศส ครัวซองต์อร่อยมากกกก นี่มันสวรรค์ของคนรักครัวซองต์ชัดๆ เรากินครัวซองต์วันละอย่างต่ำ 4-5 ชิ้น ขากลับนี่กางเกงคับกันเลยทีเดียว
หลังจากเช็คอิน นั่งๆนอนๆแล้ว ประมาณ 4 โมงเย็นเราไปเดินเล่นกันรอบๆ โรงแรมแล้วไป Old town กันค่ะ วันนี้เราถือเป็นวันพักผ่อน ไม่ได้มีโปรแกรมอะไรมาก เดี๋ยวเราค่อยเที่ยวในเมืองนี้แบบจริงจังกันพรุ่งนี้
เดินมานิดนึงจะเจอ Notre Dame de Annecy ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมืองค่ะ สถาปัตยกรรมของโบสถ์นี้เรียบง่าย ไม่ได้วิจิตรพิสดารมากนัก
ช่วงเทศกาลแบบนี้ มีม้าหมุนมาตั้งอยู่ข้างหน้าโบสถ์ มีคนมาเล่นดนตรีเปิดหมวกด้วยค่ะ
ในเขตย่านเมืองเก่า ( Vieille ville) ของ Annecy จะมีแม่น้ำเล็กๆใสแจ๋วสีเขียวสามสายไหลผ่าน เป็นเหมือนคลองลัดเลาะอยู่ในเขตเมือง เมืองนี้เลยได้ชื่อว่าเป็น Venice of Alps ค่ะ
เราเดินข้ามสะพานโน้นสะพานนี้มาเรื่อยๆเพลินๆ ก็มาเจอ Landmark ของเมืองนี้ โดยไม่รู้ตัว
สถานที่นี้คือ ปาเลส์เดอไลล์ ( Palais d’Isle) หรือคุกเก่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ เป็นปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในศควรรษที่ 12 ลักษณะเป็น “ House in the shape of ship” คือมีลักษณะเป็น อาคารรูปทรงคล้ายเรือสำเภาโบราณทอดสมออยู่กลางน้ำ ในอดีตเคยเป็นที่คุมขัง เป็นศาล และเป็นศาลาว่าการของเมือง จริงๆข้างในอาคารให้เข้าไปชมได้นะคะ แต่เราไม่ได้เข้าไปค่ะ
เราเดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะถึง คลองสายหลักซึ่งจะไหลออกสู่ทะเลสาบค่ะ คลองนี้สองฝั่งคลองจะมีต้นไม้เรียงรายอยู่ดูโรแมนติกมากๆ เรามาช่วงหน้าหนาวต้นไม้จะออกโกร๋นๆ ไปหน่อย นี่ถ้าหน้าร้อนน่าจะเขียวสวยเลยทีเดียว แต่แบบนี้เราก็ชอบนะคะ มันเข้ากับบรรยากาศหนาวๆเย็นๆดูสวยๆแบบเหงาๆดี
คือ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้ำในคลองนี่มันเขียวใสมากกกก ไม่รู้มันมีแร่ธาตุอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า มันเขียวใส สวยจริงๆ อิจฉาน้องเป็ดฝรั่งเศสแทนเป็ดเมืองไทย ว่ายน้ำกันสนุกสนานเชียว
เลียบริมคลองมาเรื่อยๆเดินก็จะเจออีกหนึ่ง Landmark ของเมือง นั่นคือ Pont des Amours หรือ Lovers’ Bridge( สะพานคู่รัก) ค่ะ สะพานนี้อยู่บริเวณที่คลองบรรจบสู่ทะเลสาบพอดี สะพานคู่รักนี้มีคนนำกุญแจมาคล้องเป็นสัญญลักษณ์ตามธรรมเนียมด้วยค่ะ แต่ที่เห็นมีอยู่ไม่มากคาดว่าน่าจะถูกตัดออกไปบ้างแล้ว
จากสะพานนี้เดินข้ามคลองไปจะมีสวนสาธารณะริมทะเลสาบ Anncey ค่ะ เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาปิกนิก เดินเล่น ออกกำลังกายกัน
รูปข้างบน สะพานที่เห็นคือ Pont des Amours ค่ะ
สวนสาธาณะนี้บรรยากาศชิล น่านั่งเล่น เดินเล่นมากค่ะ แต่เย็นนี้เราไม่ได้แวะไปค่ะ ขอเดินเล่นรอบๆ เมืองกันก่อน
และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราเริ่มหิวแล้วค่ะ หาอะไรทานดีกว่า
เดินมาอีกนิดนึง ก็จะเจอ
ตลาดคริสต์มาสต์ ( Marché de Noël) ค่ะ
ด้วยความที่ทริปนี้เราเริ่มเดินทางช่วงหลังวันคริสต์มาสพอดี ตลาดคริสต์มาสส่วนใหญ่ในเมืองที่เราไปนั้นปิดไปเกือบหมดแล้ว โชคดีที่ยังเหลือที่เมืองนี้ซึ่งจะเปิดไปจนถึงต้นๆ เดือนมกราคมเลยค่ะ เราเลยได้เดินตลาดคริสต์มาสเต็มอิ่มฟินไปถึงสองวัน
ว่าแล้วเราก็เดินเข้าไปหาของกินในตลาดกัน แต่วันนี้คนค่อนข้างเยอะค่ะ ไม่มีที่นั่งเลย เราเดินวนไปมา จนถึงบริเวณข้างคุกเก่า เจอร้านปิ้งย่างร้านนึง เราเลยตัดสินใจทานอาหารเย็นกันที่ร้านนี้ค่ะ
ร้านนี้ชื่อ La Bastille ค่ะ อยู่ข้างๆ Palais d’Isle เราเลือกนั่งข้างนอกร้านค่ะเพื่อซึมซับบรรยากาศ พอดีข้างนอกมีฮีตเตอร์ ร่วมกับกินปิ้งย่างด้วยเลยไม่หนาวมาก
หน้าตาปิ้งย่างที่นี่เป็นแบบนี้ค่ะ มีหมู เนื้อ ไก่ ผัก เสิร์ฟพร้อมสลัดผักและเฟรนช์ฟายด์ ย่างแผ่นหินร้อนๆ ปรุงรสด้วย ... เกลือ มัสตาร์ด แล้วก็ซอสมะเขือเทศค่ะ กินไปก็คิดถึงน้ำจิ้มปิ้งย่างแบบบ้านเราค่ะ ยังดีพอมีน้ำสลัดให้จิ้มพอกล้อมแกล้มได้บ้าง
ถึงปิ้งย่างมื้อนี้จะรสชาติไม่คุ้นเคย แต่เราว่าการได้กินอะไรร้อนๆ ในบรรยากาศเทศกาลหนาวๆ ข้างแลนด์มารค์ของเมืองแบบนี้ เคล้าคลอด้วยเพลงภาษาฝรั่งเศส ( ที่ฟังไม่รู้เรื่อง) แค่นี้สำหรับเราก็ฟินมากๆๆแล้ว อิ่มสบายท้องงง กลับไปนอนเอาแรงไว้เที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ดีกว่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้