ทุกคนครับผมมีปัญหาชีวิตครับ ไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไง
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับครอบครัวทะเลาะกัน และทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็จะเะอาเรื่องเรียนมาอ้างว่าจะไม่ส่งเรียน ทั้งที่ตัวพ่อและแม่เองก็ไม่เคยส่งผมเรียนสักเท่าไหร่ครับ สาเหตุที่ทะเลาะก็เรื่องๆต่างๆนานๆครับ บางเรื่องเป็นแค่เรื่องน้อยนิดก็เอามาเป็นประเด็นได้ครับ (สรุปสาเหตุอยู่ช่วงท้ายนะครับ)
.
.
ขอเล่าตั้งแต่สมัยผมเป็นเด็กก่อนนะครับ
ครอบครัวผมมีลูก 2 คน คือผมเป็นพี่คนโต และน้องสาวอีกคนนึง ผมเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ถูกเลี้ยงด้วยยาย(บ้านของแม่) ยายคนนี้แกเป็นโรคประสาทครับ แม่เลยเอาผมมาฝากยายที่จังหวัดสุรินทร์(บ้านของพ่อ) พ่อแม่ก็ไปทำงานที่กทม.ครับ โดยทิ้งผมให้ย่า ป้าและลุงเลี้ยง คือว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ครับ สมาชิกในครอบครัวมีเยอะ แต่ตอนนี้ก็แยกย้ายออกไปแล้วครับ เข้าเนื้อเรื่องนะครับ ทางครอบครัวย่าก็ส่งเสียให้ผมเล่าเรียนจนถึงป.4 แม่ก็พาผมไปเรียนที่ร้อยเอ็ด (ตั้งแต่จำความได้ผมเจอหน้าพ่อแม่นับครั้งได้ครับ เพราะพวกเขาจะกลับมาเฉพาะช่วงเทศกาล) ผมไปเรียนที่ร้อยเอ็ดได้ ถึง ป.6เทอม 1 แม่ก็พาผมไปเรียนที่สมุทรปราการ ด้วยสาเหตุที่อาการประสาทของยายกำเริบ ผมนี่แหละครับสาเหตุเนื่องจากผมรับไม่ได้กับอาการบุคลิกส่วนตัวของย่าที่ชอบตะโกนด่าคนอื่นในตอนเย็น ด่าสารพัดเลยครับ ตอนนั้นก็ยังเด็กผมตั้งคำถามกับตัวเองทุกวันจะตะโกนด่าคนอื่นทำไม ด่าแล้วได้อะไรครับ ผมอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มมีอาการต่อต้าน ทุกอย่างเลยครับจนแม่ต้องพาไปเรียนที่สมุทรปราการ
.
.
ในช่วงที่เดินทางไปสมุทรปราการ แม่จะบอกกับผมเสมอว่าอย่าพูดอะไรที่ขัดใจพ่อ เพราะพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุณแรง ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ ก็ฟังผ่านๆหูแค่นั้น จนเมื่อไปโรงเรียนผมตื่นเต้นครับเด็กบ้านนอกเข้ามาเรียนในเมือง ผมมักจะโดนแม่ตีบ่อยครั้งครับเนื่องจากผมไม่ยอมนอนกลางวัน ชอบอ้างว่าผมงี่เง่า เป็นแบบนี้มาโดยตลอดจนไปต่อม.1 ที่โรงเรียนมัธยม ผมเรียนได้ถึง ม.2ครับ และผมก็ไม่ไปโรงเรียน ใช่ครับผมไม่ไปโรงเรียน เนื่องจากทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่นั่นดูโหดร้ายต่อผมมากครับ เดินไปทางไหนก็มีแต่รุ่นพี่ที่เป็นตุ๊ดคอยขู่อยู่ตลอด เพื่อนในห้องก็ชอบล้อที่ผมเป็นเกย์ ผมไม่เข้าใจว่าผมไปทำอะไรใครไว้ การคบเพื่อนตอนนั้นก็คบเพื่อนที่เรียนครับ เป็นเพื่อนแก๊งเพื่อนผู้หญิง จนมาที่เหตุการณ์วันไปเข้าค่ายลูกเสือ ผมโดนรุ่นพี่ตุ๊ดคนและเพื่อนที่ชอบล้อผมว่าเป็นเกย์ลวนลาม ล้วงอวัยวะเพศผมตอนนอน ผมอายมากครับ ผมไม่ไหวแล้วครับความรู้สึกตอนนั้น เลยตัดสินใจออกจากโรงเรียน และมาขอย่าอยู่ด้วยที่จังหวัดสุรินทร์
.
.
จนผมมาเข้าเรียนม.1ใหม่ที่สุรินทร์ เหตุการณ์ตอนม.1-ม.5 ก็ไม่มีอะไรครับ ผมเป็นเด็กเงียบๆไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนนอกจากครอบครัวจะพาไป เรื่องใช้เงินก็ไม่ฟุ่มเฟือยครับนอกจากจะขอไปทำงานและสมัครสอบ ย่าและป้าก็ส่งผมเรียน ตามปกติถึงจะลำบากบ้างแต่ก็เข้าใจครับ จนมาม.6 ย่าไม่สบายพ่อเลยกลับมาดูแลย่าและทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว พ่อกลับมาก็มาเป็นภาระให้กับอีกป้าครับ การงานไม่หาทำ ชอบไปใส่เบ็ด ใส่แบบเหมือนเป็นกิจกรรมยามว่าง ทั้งที่กิจวัติในบ้านก็มีเยอะแยะ แต่ไม่ทำ วันๆมีแต่ความคิดว่าต้องได้ไปใส่เบ็ด ได้ปลาไม่ได้ปลาก็ต้องได้ไปใส่เบ็ด ผมเอือมระอามากครับ ที่ผมมาเป็นภาระให้กับป้าเพราะป้าก็มีทั้งสามีและลูกของเขา เขาคงเห็นแก่ย่านี่แหละครับเลยรับเลี้ยงผมไว้
.
ขอเล่าเพิ่มเติมก่อนนะครับ แม่ผมทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้างแกง พ่อออกงานมาช่วยแม่ทำกับข้างไปขาย(แบบเป็นภาระ) ผมคิดว่างั้นครับ เพราะแม่จะทำทุกอย่างพ่อแม่หน้าที่แค่พาแม่ออกไปซื้อของและแบกของช่วย ก็มีหั่นผักนิดหน่อย และไปสูบบุหรี่ รอแม่ทำกับข้าวเสร็จและออกไปขาย
.
ครับหลังจากที่พ่อกลับมาอยู่บ้าน ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันแย่สำหรับผมครับ เราชอบมีปัญหาทะเลาะกัน ทุกอย่างทุกสารทิศเลยครับเอามาเป็นประเด็นได้หมด ตอนนี้ก็ม.6แล้วครับ ผมค่อนข้างมีความคิดเป็นของตัวเอง เพราะผมถูกป้าเลี้ยงมาแบบให้คิดเองทุกอย่างอันไหนที่คิดว่าดีก็ทำ ถ้าไม่ผิดจริงๆป้าจะไม่เข้ามายุ่งครับ จนมามีปัญหาในช่วงล่าสุดก่อนปิดเทอมผมจะเอารถม.ไซต์ไปซื้อของมาทำงานชิ้นสุดท้ายส่งครู ร้านค้าก็เป็นร้านในหมู่บ้านครับไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ผมเดินไปถามหากุญแจรถกับพ่อ พ่อบอกไม่ให้ แล้วบอกต่อว่าให้ไปหาผ้าปิดปากใส่(ช่วงโควิดระยะแรก) ผมก็บอกไปว่าไม่มีครับ ก็คือมันไม่มีจริงๆ เขาบอกว่าถ้าออกไปก็ไม่ต้องกลับเข้ามาในบ้านเพราะกลัวจะติดยาย ผมถามต่อว่าสรุปแล้วจะให้หรือไม่ให้ เพราะต้องรีบออกไปซื้อของมาทำงานส่งครู ถ้าไม่ให้ไปซื้อ พ่อก็ช่วยไปซื้อมาให้หน่อย แล้วทีนี้พ่อก็โกรธครับหาว่าผมใช้เขา ผมก็อธิบายไปครับว่าไปแปปเดียว ไม่ได้ไปแช่อยู่ร้านนั้น แล้วจากที่ฟังข่าวถ้าคนมันจะติดก็ติดได้ทั้งจากทางตาและอื่นๆ ผมอธิบายไปแบบนี้จริงๆครับ แต่คำที่เขาตอบกลับมาคือ ผมเอาความรู้ไปดูถูกเขา หาว่าผมเอาการศึกษาไปด่าเขา นี่แหละครับ ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ผมเลยด่าออกไปเลยครับ ว่าตั้งแต่เด็กจนโตเคยส่งผมเรียนหรอ นี่หรอความคิดคนเป็นผู้ใหญ่ การควบคุมอารมณ์ใดๆก็ไม่มี สมองมีก็ใช้บ้าง อยู่ให้คนอื่นปวดหัวเฉยๆ อยู่กับแม่ก็เป็นภาระ ยิ่งใหญ่มากจากไหน ทำไมต้องมาทำตามทุกอย่างที่สั่ง บอกว่าไม่มีก็ไม่มี พอบอกให้ไปซื้อให้ก้ไม่ซื้อ สมอง!! และพ่อผมก็ด่าคำหยาบออกจากปากเยอะมากเลยครับ ทั้งกูทั้ง แต่ผมไม่มีคำหยาบใดๆกับเขาเลย ผมทั้งด่าและอธิบาย หลังจากนั้นผมด่าแรงและด่าออกไปเยอะมากครับ ทุกครั้งที่ทะเลาะชอบอ้างว่าผมเอาการศึกษามาดูถูกตลอดครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำถึงคิดเช่นนั้น และทุกครั้งพ่อจะโทรไปฟ้องแม่ครับว่าผมมีปัญหา และทุกครั้งเช่นกันแม่จะเข้าข้างพ่อ ผมอธิบายกับแม่หลายครั้งครับว่าให้รู้จักทำตัวเป็นกลางมองสถานะการณ์กว้างๆบ้าง แต่ไม่มีประโยชน์เลยครับ แม่มักจะพูดว่าผมเป็นเด็กมีปัญหา ก็ใช่ครับมีปัญหาจริงๆ ปัญหาที่เกิดจากผู้ใหญ่ ผมไม่สนใจแล้วครับ หลังจากนั้นมาผมก้ไม่คุยกับพ่อ เลี่ยงเจอหน้าทุกครั้งในบ้าน แม่โทรมาก็ไม่รับสาย ถึงรับสายก้พูดเสียงเรียบๆไม่หวือหวา เพราะสุดจะทนจริงๆแล้วครับ
.
.
จนมาถึงปัจจุบัน ผมสอบติดมหาลัยแห่งหนึ่งครับ ก็เป็นคณะที่ผมหวังไว้ แต่ผมทั้งลังเลใจครับว่าจะไปเรียนดีมั้ย เพราะผมไม่อยากใช้เงินจากพ่อ ลืมบอกไปครับว่าป้ามีกำลังส่งผมได้ถึงแค่ม.6ครับ เพราะป้าต้องส่งลูกตัวเองเรียนต่อ ถ้าส่งผมไปด้วยจะหนักเกินกำลังของป้า ผมก็เข้าใจดีครับ ตอนนี้ผมทั้งมีความคิดว่าถ้าผมให้พ่อกับแม่ส่งปัญหาเดิมก็คงกลับมาแน่ สำหรับผมเรื่องนี้เป็นปัญหาตั้งแต่ผมเรียนม.6 เลยครับ ผมคิดหนักมาตลอดนี่ขนาดแค่ม.6 พ่อกับแม่ยังชอบทำตัวและพฤติกรรมแบบนี้ แล้วไหนจะน้องสาวผมอีก น้องสาวผมอยู่เป็นครับ ความคิดก็เหมือนผมแหละ เพราะถูกป้าเลี้ยงมาแต่เล็กเหมือนกัน แต่น้องไม่รู้จักเถียงซึ่งต่างจากผมครับ ผมคิดว่าถ้าให้พวกเขาส่งเรียนจริงๆน่าจะไม่รอดแน่ๆครับชีวิตผม ผมมีความคิดที่จะหนีออกจากบ้าน หนีแบบตัดขาดทั้งหมดเลยครับ ทั้งเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ไม่ให้ใครจำได้ อยากออกไปสร้างชีวิตใหม่โดยการเก็บเงินและส่งตัวเองเรียนให้จบ แต่ผมก็ไม่รู้ครับว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน
.
.
ทั้งหมดที่พิมพ์มาอาจจะดูงงๆ และมีส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้างขอประทานอภัยและขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าครับ
ผมอยากหนีออกจากบ้านจังเลยคับ แต่ไม่รู้ว่าถ้าหนีออกไปแล้วจะต้องทำยังไงต่อ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับครอบครัวทะเลาะกัน และทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็จะเะอาเรื่องเรียนมาอ้างว่าจะไม่ส่งเรียน ทั้งที่ตัวพ่อและแม่เองก็ไม่เคยส่งผมเรียนสักเท่าไหร่ครับ สาเหตุที่ทะเลาะก็เรื่องๆต่างๆนานๆครับ บางเรื่องเป็นแค่เรื่องน้อยนิดก็เอามาเป็นประเด็นได้ครับ (สรุปสาเหตุอยู่ช่วงท้ายนะครับ)
.
.
ขอเล่าตั้งแต่สมัยผมเป็นเด็กก่อนนะครับ
ครอบครัวผมมีลูก 2 คน คือผมเป็นพี่คนโต และน้องสาวอีกคนนึง ผมเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ถูกเลี้ยงด้วยยาย(บ้านของแม่) ยายคนนี้แกเป็นโรคประสาทครับ แม่เลยเอาผมมาฝากยายที่จังหวัดสุรินทร์(บ้านของพ่อ) พ่อแม่ก็ไปทำงานที่กทม.ครับ โดยทิ้งผมให้ย่า ป้าและลุงเลี้ยง คือว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ครับ สมาชิกในครอบครัวมีเยอะ แต่ตอนนี้ก็แยกย้ายออกไปแล้วครับ เข้าเนื้อเรื่องนะครับ ทางครอบครัวย่าก็ส่งเสียให้ผมเล่าเรียนจนถึงป.4 แม่ก็พาผมไปเรียนที่ร้อยเอ็ด (ตั้งแต่จำความได้ผมเจอหน้าพ่อแม่นับครั้งได้ครับ เพราะพวกเขาจะกลับมาเฉพาะช่วงเทศกาล) ผมไปเรียนที่ร้อยเอ็ดได้ ถึง ป.6เทอม 1 แม่ก็พาผมไปเรียนที่สมุทรปราการ ด้วยสาเหตุที่อาการประสาทของยายกำเริบ ผมนี่แหละครับสาเหตุเนื่องจากผมรับไม่ได้กับอาการบุคลิกส่วนตัวของย่าที่ชอบตะโกนด่าคนอื่นในตอนเย็น ด่าสารพัดเลยครับ ตอนนั้นก็ยังเด็กผมตั้งคำถามกับตัวเองทุกวันจะตะโกนด่าคนอื่นทำไม ด่าแล้วได้อะไรครับ ผมอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มมีอาการต่อต้าน ทุกอย่างเลยครับจนแม่ต้องพาไปเรียนที่สมุทรปราการ
.
.
ในช่วงที่เดินทางไปสมุทรปราการ แม่จะบอกกับผมเสมอว่าอย่าพูดอะไรที่ขัดใจพ่อ เพราะพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุณแรง ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ ก็ฟังผ่านๆหูแค่นั้น จนเมื่อไปโรงเรียนผมตื่นเต้นครับเด็กบ้านนอกเข้ามาเรียนในเมือง ผมมักจะโดนแม่ตีบ่อยครั้งครับเนื่องจากผมไม่ยอมนอนกลางวัน ชอบอ้างว่าผมงี่เง่า เป็นแบบนี้มาโดยตลอดจนไปต่อม.1 ที่โรงเรียนมัธยม ผมเรียนได้ถึง ม.2ครับ และผมก็ไม่ไปโรงเรียน ใช่ครับผมไม่ไปโรงเรียน เนื่องจากทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่นั่นดูโหดร้ายต่อผมมากครับ เดินไปทางไหนก็มีแต่รุ่นพี่ที่เป็นตุ๊ดคอยขู่อยู่ตลอด เพื่อนในห้องก็ชอบล้อที่ผมเป็นเกย์ ผมไม่เข้าใจว่าผมไปทำอะไรใครไว้ การคบเพื่อนตอนนั้นก็คบเพื่อนที่เรียนครับ เป็นเพื่อนแก๊งเพื่อนผู้หญิง จนมาที่เหตุการณ์วันไปเข้าค่ายลูกเสือ ผมโดนรุ่นพี่ตุ๊ดคนและเพื่อนที่ชอบล้อผมว่าเป็นเกย์ลวนลาม ล้วงอวัยวะเพศผมตอนนอน ผมอายมากครับ ผมไม่ไหวแล้วครับความรู้สึกตอนนั้น เลยตัดสินใจออกจากโรงเรียน และมาขอย่าอยู่ด้วยที่จังหวัดสุรินทร์
.
.
จนผมมาเข้าเรียนม.1ใหม่ที่สุรินทร์ เหตุการณ์ตอนม.1-ม.5 ก็ไม่มีอะไรครับ ผมเป็นเด็กเงียบๆไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนนอกจากครอบครัวจะพาไป เรื่องใช้เงินก็ไม่ฟุ่มเฟือยครับนอกจากจะขอไปทำงานและสมัครสอบ ย่าและป้าก็ส่งผมเรียน ตามปกติถึงจะลำบากบ้างแต่ก็เข้าใจครับ จนมาม.6 ย่าไม่สบายพ่อเลยกลับมาดูแลย่าและทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว พ่อกลับมาก็มาเป็นภาระให้กับอีกป้าครับ การงานไม่หาทำ ชอบไปใส่เบ็ด ใส่แบบเหมือนเป็นกิจกรรมยามว่าง ทั้งที่กิจวัติในบ้านก็มีเยอะแยะ แต่ไม่ทำ วันๆมีแต่ความคิดว่าต้องได้ไปใส่เบ็ด ได้ปลาไม่ได้ปลาก็ต้องได้ไปใส่เบ็ด ผมเอือมระอามากครับ ที่ผมมาเป็นภาระให้กับป้าเพราะป้าก็มีทั้งสามีและลูกของเขา เขาคงเห็นแก่ย่านี่แหละครับเลยรับเลี้ยงผมไว้
.
ขอเล่าเพิ่มเติมก่อนนะครับ แม่ผมทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้างแกง พ่อออกงานมาช่วยแม่ทำกับข้างไปขาย(แบบเป็นภาระ) ผมคิดว่างั้นครับ เพราะแม่จะทำทุกอย่างพ่อแม่หน้าที่แค่พาแม่ออกไปซื้อของและแบกของช่วย ก็มีหั่นผักนิดหน่อย และไปสูบบุหรี่ รอแม่ทำกับข้าวเสร็จและออกไปขาย
.
ครับหลังจากที่พ่อกลับมาอยู่บ้าน ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันแย่สำหรับผมครับ เราชอบมีปัญหาทะเลาะกัน ทุกอย่างทุกสารทิศเลยครับเอามาเป็นประเด็นได้หมด ตอนนี้ก็ม.6แล้วครับ ผมค่อนข้างมีความคิดเป็นของตัวเอง เพราะผมถูกป้าเลี้ยงมาแบบให้คิดเองทุกอย่างอันไหนที่คิดว่าดีก็ทำ ถ้าไม่ผิดจริงๆป้าจะไม่เข้ามายุ่งครับ จนมามีปัญหาในช่วงล่าสุดก่อนปิดเทอมผมจะเอารถม.ไซต์ไปซื้อของมาทำงานชิ้นสุดท้ายส่งครู ร้านค้าก็เป็นร้านในหมู่บ้านครับไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ผมเดินไปถามหากุญแจรถกับพ่อ พ่อบอกไม่ให้ แล้วบอกต่อว่าให้ไปหาผ้าปิดปากใส่(ช่วงโควิดระยะแรก) ผมก็บอกไปว่าไม่มีครับ ก็คือมันไม่มีจริงๆ เขาบอกว่าถ้าออกไปก็ไม่ต้องกลับเข้ามาในบ้านเพราะกลัวจะติดยาย ผมถามต่อว่าสรุปแล้วจะให้หรือไม่ให้ เพราะต้องรีบออกไปซื้อของมาทำงานส่งครู ถ้าไม่ให้ไปซื้อ พ่อก็ช่วยไปซื้อมาให้หน่อย แล้วทีนี้พ่อก็โกรธครับหาว่าผมใช้เขา ผมก็อธิบายไปครับว่าไปแปปเดียว ไม่ได้ไปแช่อยู่ร้านนั้น แล้วจากที่ฟังข่าวถ้าคนมันจะติดก็ติดได้ทั้งจากทางตาและอื่นๆ ผมอธิบายไปแบบนี้จริงๆครับ แต่คำที่เขาตอบกลับมาคือ ผมเอาความรู้ไปดูถูกเขา หาว่าผมเอาการศึกษาไปด่าเขา นี่แหละครับ ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ผมเลยด่าออกไปเลยครับ ว่าตั้งแต่เด็กจนโตเคยส่งผมเรียนหรอ นี่หรอความคิดคนเป็นผู้ใหญ่ การควบคุมอารมณ์ใดๆก็ไม่มี สมองมีก็ใช้บ้าง อยู่ให้คนอื่นปวดหัวเฉยๆ อยู่กับแม่ก็เป็นภาระ ยิ่งใหญ่มากจากไหน ทำไมต้องมาทำตามทุกอย่างที่สั่ง บอกว่าไม่มีก็ไม่มี พอบอกให้ไปซื้อให้ก้ไม่ซื้อ สมอง!! และพ่อผมก็ด่าคำหยาบออกจากปากเยอะมากเลยครับ ทั้งกูทั้ง แต่ผมไม่มีคำหยาบใดๆกับเขาเลย ผมทั้งด่าและอธิบาย หลังจากนั้นผมด่าแรงและด่าออกไปเยอะมากครับ ทุกครั้งที่ทะเลาะชอบอ้างว่าผมเอาการศึกษามาดูถูกตลอดครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำถึงคิดเช่นนั้น และทุกครั้งพ่อจะโทรไปฟ้องแม่ครับว่าผมมีปัญหา และทุกครั้งเช่นกันแม่จะเข้าข้างพ่อ ผมอธิบายกับแม่หลายครั้งครับว่าให้รู้จักทำตัวเป็นกลางมองสถานะการณ์กว้างๆบ้าง แต่ไม่มีประโยชน์เลยครับ แม่มักจะพูดว่าผมเป็นเด็กมีปัญหา ก็ใช่ครับมีปัญหาจริงๆ ปัญหาที่เกิดจากผู้ใหญ่ ผมไม่สนใจแล้วครับ หลังจากนั้นมาผมก้ไม่คุยกับพ่อ เลี่ยงเจอหน้าทุกครั้งในบ้าน แม่โทรมาก็ไม่รับสาย ถึงรับสายก้พูดเสียงเรียบๆไม่หวือหวา เพราะสุดจะทนจริงๆแล้วครับ
.
.
จนมาถึงปัจจุบัน ผมสอบติดมหาลัยแห่งหนึ่งครับ ก็เป็นคณะที่ผมหวังไว้ แต่ผมทั้งลังเลใจครับว่าจะไปเรียนดีมั้ย เพราะผมไม่อยากใช้เงินจากพ่อ ลืมบอกไปครับว่าป้ามีกำลังส่งผมได้ถึงแค่ม.6ครับ เพราะป้าต้องส่งลูกตัวเองเรียนต่อ ถ้าส่งผมไปด้วยจะหนักเกินกำลังของป้า ผมก็เข้าใจดีครับ ตอนนี้ผมทั้งมีความคิดว่าถ้าผมให้พ่อกับแม่ส่งปัญหาเดิมก็คงกลับมาแน่ สำหรับผมเรื่องนี้เป็นปัญหาตั้งแต่ผมเรียนม.6 เลยครับ ผมคิดหนักมาตลอดนี่ขนาดแค่ม.6 พ่อกับแม่ยังชอบทำตัวและพฤติกรรมแบบนี้ แล้วไหนจะน้องสาวผมอีก น้องสาวผมอยู่เป็นครับ ความคิดก็เหมือนผมแหละ เพราะถูกป้าเลี้ยงมาแต่เล็กเหมือนกัน แต่น้องไม่รู้จักเถียงซึ่งต่างจากผมครับ ผมคิดว่าถ้าให้พวกเขาส่งเรียนจริงๆน่าจะไม่รอดแน่ๆครับชีวิตผม ผมมีความคิดที่จะหนีออกจากบ้าน หนีแบบตัดขาดทั้งหมดเลยครับ ทั้งเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ไม่ให้ใครจำได้ อยากออกไปสร้างชีวิตใหม่โดยการเก็บเงินและส่งตัวเองเรียนให้จบ แต่ผมก็ไม่รู้ครับว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน
.
.
ทั้งหมดที่พิมพ์มาอาจจะดูงงๆ และมีส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้างขอประทานอภัยและขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าครับ