• เข้าเรื่องนะคะ แฟนเราโดยพื้นฐานแล้วคุณเขาเป็นภูมิแพ้ ทุกเช้าตื่นมามีน้ำมูกตลอด แพ้สภาพอากาศแปรปรวน
แฟนเราทำงานเคอรี่ค่ะ งานอื่นหยุดแฟนเราไม่ได้หยุดค่ะ ทำงานตามปกติ -/////-'
โดยประมานวันที่ 14-17 เมษาที่ผ่านมา ฝนจะตกติดต่อกันทุกวันช่วงเย็น
ซึ่งแฟนเราต้องโดนฝนตอนกลับบ้าน 2-3 วันติดๆ ( แฟนเราขับมอไซค่ะจังหวัดที่เราอยู่ค่อนข้างเล็ก ง่ายต่อการเดินทาง )
 
กลับบ้านมาประมาณวันที่ 16 คุณเขาเริ่มมีไข้ค่ะ กินพาราปกติแล้วไข้ลดลง กลางวันไปทำงานได้ปกติค่ะ 
ประมานวันที่ 17 กลับบ้านมา แอบมีไข้สูงค่ะ เมื่อย ปวดหัว หนาวสั่น เราเลยให้กินยา
ชวนเขาไปรพ.เขาพูดแต่ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไปพรุ่งนี้ ปกติแฟนเราไม่เคยป่วยเข้า รพ เลยค่ะ อันนี้แม่เขาบอกเองด้วย
เราเลยคอยวัดไข้ให้ทุก4ชั่วโมง ไข้จะประมาน 38-38.4 ตลอดคืนยันตีสี่ แต่พอประมาน9โมงเช้าวันที่ 18 ไข้สูงถึง 39.4 >\\\\<
เรากลัวคุณเขาช๊อค เลยพากันไป รพ. ซึ่งยื่นใช้สิทธิ์ประกันสังคม
ไปถึง รพ. ก็กรอกข้อมูลตามปกติค่ะ ตรวจเบื้องต้น เนื่องจากไข้สูง +จังหวัดเรายอดผู้ป่วยปังไม่หยุดที่สุดในประเทศ - -"
แฟนเราเลยต้องตรวจคัดกรอง เช็คความดัน ถามนู่นนี่อันนี้เราไม่รู้ว่าเขาทำไรบ้าง เรายืนอยู่ไกลๆ ที่แน่ๆคือ เอ็กซเรย์ปอด อันดับท้ายๆ
 
สรุป คือ เจ้าหน้าที่บอกแฟนเราเข้าข่ายติดเชื้อcovid-19นะ ต้องตรวจเชื้อ
( เขาบอกว่าปอดแฟนเราแปลกๆ เหมือนคนสูบบุหรี่เยอะ แต่แฟนเราแทบไม่สูบเลยค่ะ สังสรรค์ทีนึงสูบครึ่งตัวแล้วก็ทิ้งซะส่วนมาก นานๆครั้งมากๆ อันนี้เราเห็นพฤติกรรมเขามาตลอด เลยเป็นงงหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร นึกแค่อยากรู้ว่าติดเชื้อcovidรึเปล่า )
แฟนเราต้องนอนกักตัวอยู่ รพ.ตั้งแต่วันนั้นเลย คือวันที่ 18
จนกว่าผลตรวจจะออกประมาณ 3-4วัน
งดเจอ งดเยี่ยม งดส่งอาหาร งดทุกกรณี แม้แต่วัดอุณหภูมิร่างกายก็ต้องเช็คเองหมดทุกย่าง ตามมาตรการป้องกันของแพทย์
ตกเย็นแล้วไข้ยังคงสูงอยู่ค่ะ ได้เข้าห้องพักคืนแรก มีไข้หนาวสั่น พัดลมยังปิด ตั้งแต่ขึ้นห้องมาหลับๆตื่นๆ ไม่สบายตัวไม่ไหวจนต้องโทรไปขอยาจากพี่พยาบาล อันนี้ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ลืมหรือว่ายังไงนะคะ อันนี้ไม่ทราบจริงๆแต่ที่รู้ๆคือแฟนเราต้องขอเอง
.....
ในทุกๆวันจะได้ยาลดไข้ทานแบบปกติ จนเข้าวันที่ 2 ผลออกว่าเป็นลบ ไม่มีเชื้อ covid-19
แต่ไข้ยังสูงอยู่ ทางรพ.ขอเจาะเลือดเพื่อเช็ค ไข้เลือดออก ผลจะออกภายใน 1-2 วัน

เข้าวันที่3 ทุกๆวันมานี้ แฟนเราไข้สูง หนาวสั่นตลอด ไม่มีอาการไอหรืออะไรทั้งสิ้นค่ะ โทรถามอยู่ตลอด
แต่จะได้รับยาลดไข้ กับยาแก้ไอ +ฟ้าทลายโจร (เท่าที่สอบถามเขาทุกวันนะคะ)
สรุปผลเลือดออกมาว่า ไม่มีเชื้อไข้เลือดออก หมอเลยสันนิษฐานว่า ปอดน่าจะอักเสบ เลยให้เจาะสายน้ำเกลือและฉีดยาฆ่าเชื้อให้ >0<'
( บอกก่อนนะคะ ในแต่ละวันคือหมอมาไม่ซ้ำกันค่ะ เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้แพทย์น่าจะไม่พอ มีบุคลากรทางการแพทย์หลายคนต้องกักตัว และมีแพทย์จากรพ.อื่นมาช่วยสมทบค่ะ พยาบาลบอกคุณเขามาแบบนี้ ) 

วันที่ 4 แฟนเราถูกย้ายไปรักษาตัวที่ตึกประกันสังคม ยังคงงดเยี่ยมเหมือนดั่งวันแรก ไข้ยังคงสูงเช่นเดิมค่ะ
ยาได้แบบเดิม เพิ่มเติมคือ ฉีดยาฆ่าเชื้อไป 2 เข็มแล้ว แฟนเราเลยถามหมอที่มาตรวจไข้ว่าสรุป เขามีแนวโน้มจะเป็นอะไร ? 
หมอตอบแค่ว่า " ยังหาสาเหตุไม่ได้ สันนิษฐานว่าปอดอักเสบหรือปอดติดเชื้ออะไรประมาณนี้
เดี่ยวพรุ่งนี้จะมาเอ็กซเรย์ปอดและตรวจเลือดอีกครั้ง " =[]='
 
พอถึงวันเอ็กซเรย์ วันนี้คือ วันที่5 สรุปคือ พบว่ามีน้ำในปอด ต้องเจาะปอดเพื่อนำน้ำข้างในออกมา
แฟนเราเลยถามเจ้าหน้าที่ว่า วันแรกที่เอ็กซเรย์เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าปอดแปลกๆเหมือนคนสูบบุหรี่จัด
" สรุปที่มีน้ำในปอด น้ำเพิ่งมีหรือว่าอย่างไรครับ? "
คำตอบที่ได้คือ ไม่ทราบเพราะวันแรกไม่เห็นน้ำข้างใน ( ._.)?
( เราอัพเดทอาการกับคุณเขาทุกวันค่ะ โทรถามสารทุกข์สุขดิบเขาทุกวัน กินอะไร ไข้สูงมั้ย หมอว่าไง ตามประสาอะค่ะ )

เข้าวันที่ 6 ของการนอน รพ. ไข้ยังคงสูงค่ะ เริ่มมึอาการไอ เพราะกินยาแก้ไอทุกวัน(อาจจะเพื่อเป็นการกระตุ้นอาการ) ได้ยาฆ่าเชื้อทั้งหมด3เข็ม
วันนี้คุณเขาต้อง เจาะปอดเพื่อถ่ายน้ำออกไปเช็คเชื้อ เจาะรอบแรกโดยหมอผู้ชาย เข็มสั้นเกิน เลยมียกที่ 2 เป็นหมอผู้หญิง เสร็จสรรพลุล่วงไปได้ด้วยดี
+กับขอเจาะเลือด เช็ค hiv ( จนวันที่6แฟนเรายังมีไข้สูง หนาวสั่น เหมือนเดิมค่ะ มีอาการไอด้วยเล็กน้อย ทานยาแบบเดิมค่ะ )

วันที่ 7 หลังจากเจาะปอดแล้ว ยังมีไข้อยู่แต่แฟนเราบอกว่ารู้สึกดีขึ้น แบบรู้สึกตัวเองได้ว่าดีขึ้น =3='
หมอมาตรวจไข้ตอนเช้า แฟนเราก็ถามว่า " สรุปผมเป็นอะไรครับ? " หมอบอกว่า " น่าจะเป็นวัณโรค เดี๋ยวรอผล hiv ออก "
ตอนนี้ให้ยาตามอาการ คือ เปลี่ยนยาชุดใหม่ เป็นยาสิบกว่าเม็ด ( สำหรับผู้ป่วยวัณโรค ) 

วันที่ 8 สรุปคือ เชื้อ hiv ไม่มีค่ะ หมอมาเช็คไข้ บอกอีก2-3วันก็ออกจาก รพ.ได้แล้ว อีกประมาณ 2 วันค่อยเอ็กซเรย์+เจาะเลือดอีกรอบ
แฟนเราเลยถามหมออีกครั้ง " สรุปผมเป็นอะไรครับ?" หมอที่ตรวจไข้บอกว่า " น่าจะเป็นวัณโรค" แฟนเราเลยถามต่อว่า " สรุปผลแล้วใช่ไหมครับ?.___."
หมอก็บอกว่า " น่าจะนะ เพราะเหลือแค่ วัณโรคกับมะเร็งที่เป็นไปได้ มะเร็งคงไม่ใช่ ก็น่าจะวัณโรคนี่ละ รอไข้ลด ก็กลับบ้านได้ละ
ทานยา 6 เดือนหาย รักษาตามอาการ .. "
 
 27 เมษา : แฟนเรายังอยู่ รพ.ค่ะ เราเพิ่งมีโอกาสได้โทรคุยกับเขานานๆ เขาเองค่อนข้างดาวน์ เขาบอกว่า เข้าใจนะสถานการณ์แบบนี้ต้องตรวจให้ละเอียดยิบ แต่ที่ไม่เข้าใจมาตลอดคือ ตั้งแต่วันแรกๆที่รู้ผลโควิดคือ เจาะเลือดไป 3 ครั้ง ถ้านับรวมที่จะเจาะเพิ่มคือ4 ไม่มีหมอประจำไข้ หมอสับเปลี่ยนกันอยู่ตลอด ถามหมอกี่ครั้งๆหมอตอบแค่ว่า ยังหาสาเหตุไม่ได้ ใน 7-8วันที่อยู่รพ.มาคือ มีหลายอย่างมากที่หมอบอกมา แต่ไข้สูงหนาวตลอดเจาะปอดแล้วรู้สึกดีขึ้น มีไข้ต่ำๆ 37ไม่เกิน38 แล้วสุดท้ายมาจบที่ว่า น่าจะเป็นวัณโรค แล้วก็ให้ยาชุดมา แล้วทุกๆวันที่ให้ยามาคือบอกแค่ให้ตามอาการ เจาะเลือดแต่ละครั้งคือ ต้องทิ่ม2ครั้งตลอด เดี๋ยวเลือดไม่พอบ้าง เดี๋ยวไม่โดนบ้าง .. พูดเยอะบ่นเยอะเลยค่ะ เราถามรายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันแบบละเอียด ที่ไม่ใช่เราถามทุกๆวันนี่เราให้เขาไล่เหตุการณ์เล่าเราเอง .. 
 
ส่วนแม่แฟน ตั้งแต่ย้ายมาตึกประกันสังคม แม่แฟนไป รพ.ทุกวันค่ะ เยี่ยมไม่ได้ก็ไปฝากข้าวฝากขนมถามอาการทุกวัน
พี่พยาบาลตอบแค่ " ไม่ทราบค่ะหาสาเหตุไม่ได้ รอหมอมาแจ้งเอง ก็ให้ยาตามอาการอะค่ะคุณแม่อะไรประมาณนี้ "
หัวอกคนเป็นแม่อะเนอะ จะขอย้ายรพ. เราไม่มั่นใจว่าแม่แฟนถามหมอหรือเจ้าหน้าที่คนไหน
เขาพูดประมาณว่า " คุณแม่มีปัญหากับการรักษาหรอครับ แม่บอกไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด แค่อยากรู้ว่าลูกชายเขาเป็นอะไรกันแน่ ..
หมอตอบว่า ถ้าประสงค์จะย้าย ย้ายได้ครับ แต่ถ้าเป็นอะไรกลับมา ไม่รับรักษาแล้วนะครับ " ( น่าจะประมานนี้เราไม่ได้ใส่สีเพราะแม่แฟนชวนเราไปสะเดาะเคราะห์ แม่ดูทุกข์ใจอ่ะตอนเล่า แล้วอีกอย่างแม่ก็บอกว่า แม่ไม่อยากพูดมากเรื่องมาก เพราะลูกแม่ยังอยู่ รพ. อยากให้รู้อาการ ดีขึ้นไวๆเท่านั้น ) T___T
 
 
ทั้งหมดที่เล่ามานึ้ คือเหตุการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าควรสรุปแบบไหนพิมเล่ายังไง..
นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เราไม่สบายใจจริงๆค่ะ อันนี้ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยเพราะ น้อยมากค่ะที่จะไม่สบายไปโรงพยาบาล
 
ไม่รู้กล้าพูดว่าไม่รู้ค่ะ และจะไม่อวดฉลาด น้อมรับทุกความคิดเห็น.. ยินดีรับทุกคำติชม
แค่สถานการณ์ตอนนี้สภาพจิตใจเราเองก็ไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ ย้ำว่าน้อมรับทุกคำแนะนำและความคิดเห็นแต่โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างทนุถนอมหัวใจดวงน้อยๆของเราด้วย
 
ปล. เรื่องราวทั้งหมดที่ร่ายยาวไปทั้งหมดนี้ไม่มีเจตนาว่าร้ายหรือสร้างความเสื่อมเสียให้ใครหรือที่ไหนทั้งสิ้นเด้ออค่า -/\-


กราบบบบบบบบบ ขอบพระคุณที่ทนอ่านจนจบนะคะ 
น้องเล่าตกหล่นตรงไหนสงสัยถามได้นะคะ โปรดรับน้องสู่อ้อมอกพี่ๆแฟนพันทิปด้วยค่ะ