มนุษย์ คือสายพันธุ์ "นักวิ่งอัลตร้า" (จาก หนังสือ BORN TO RUN)

4 หลักการที่อธิบายว่า มนุษย์ คือสายพันธุ์นักวิ่ง #อัลตร้า



มีใครอ่านหนังสือ BORN TO RUN
ที่เขียนโดย Christopher McDougall บ้างไหมคะ?
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้
มีตอนที่อ้างอิงงานวิจัยของ
Dr. Dennis Bramble และ Dr. Dan Lieber Man
โดยให้ข้อสรุปไว้ว่า
"ร่างกายของมนุษย์ มีวิวัฒนาการเพื่อการ #วิ่งล่าสัตว์
และมนุษย์ เป็นนักวิ่งสาย Endurance
ที่มีศักยภาพเหนือกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ"
ด้วยองค์ประกอบร่างกายของเรา ได้แก่
1. พวกเรามี NUCHAL Ligament
ซึ่งเป็นเอ็นที่ช่วยยึดให้ศีรษะของเรานิ่งอยู่ได้ในขณะที่วิ่ง
(Nuchal Ligament นี้ ไม่พบในลิง)
2. พวกเรามี ร่างกายที่ระบายความร้อนได้มีประสิทธิภาพ
เราสามารถเหงื่อออกได้ทั้งตัว
ต่างกับสัตว์ชนิดอื่นๆ
ที่อาจจะต้องระบายความร้อนทางลิ้น
แม้สัตว์ชนิดอื่นจะวิ่งได้เร็วมากกว่า
แต่ผ่านไปสัก 20-30 นาที
สัตว์เหล่านั้นจะต้องหยุดพัก
นอกจากนั้น
สรีระของพวกเรา แม้จะต้านลมมากกว่าสัตว์อื่นๆ
แต่ก็ทำให้เราโดนแดดเผาน้อยกว่าสัตว์อื่น
การระบายความร้อนของเรา จึงทำได้ดีกว่า
3. เรามี กล้ามเนื้อสะโพก (Gluteus Maximus )
ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญสำหรับการวิ่ง
(เจ้าลิง ไม่มีกล้ามเนื้อส่วนนี้)
หากเพื่อนๆ ลองสังเกตุ เพื่อนนักวิ่งอาชีพ
ก็จะเห็นได้ว่า พวกเค้ามีก้นที่ใหญ่
Gluteus Maximus ช่วยให้การวิ่งมีเสถียรภาพ สมดุล
ชดเชยการที่เราไม่มีหางแบบสัตว์อื่นๆ
4. เรามีเอ็นร้อยหวาย (Achilles tendon)
และ เอ็นใต้เท้าหรืออุ้งเท้า (Arch) เรามีหัวเข่า และข้อเท้า
ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกัน เป็นกลไก ที่ยืดหยุ่น มีสปริง
ช่วย Support การวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดขึ้น ขณะที่เราวิ่ง
นอกจากนั้นแล้ว...
จากการศึกษา ยังช่วยตอบโจทย์ที่ว่า
"ทำไมมนุษย์จึงเกิดมาวิ่ง?"
ย้อนไปเมื่อ 2 ล้านปีก่อน
มนุษย์ได้เริ่มมีการกินเนื้อสัตว์ ซึ่งช่วยบำรุงสมองให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และพวกเราก็ฉลาดขึ้น
แต่.. การประดิษฐ์อาวุธนั้น เพิ่งเกิดขึ้นเพียง 300,000 ปีเท่านั้น
ธนู เพิ่งถูกสร้างขึ้น 100,000 ปีที่แล้ว
คำถามที่เกิดขึ้นคือ..
แล้วมนุษย์เรา กินเนื้อสัตว์ หรือล่าสัตว์ได้อย่างไร?
ทั้งที่ เราทั้งเชื่องช้า และอ่อนแอ กว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ
คำตอบก็คือ..
พวกเรามีการไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อน หรือ Persistant Hunting
พวกเรารวมตัวกัน 4-5 คน
ช่วยกันวิ่งไล่สัตว์ใหญ่ เช่น เก้ง
วิ่งไล่กันในช่วงเที่ยงวัน ที่อุณหภูมิสูงถึง 40 องศา
วิ่งไล่กันไป 2-6 ชั่วโมง เป็นระยะทาง 30-36 กิโลเมตร
วิ่งไลกันไป จนสัตว์ใหญ่เหล่านั้น หมดแรง หรือขาดใจตายลง
Liberman จึงให้ข้อสรุปว่า
มนุษย์เรานั้น เกิดมาเพื่อที่จะวิ่ง โดยวิ่งได้เกือบทั้งวัน
แต่ในปัจจุบัน เรานั่งๆ นอนๆ กันเสียมากกว่า
นั่นอาจเป็นหนึ่งในที่มาของ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และอีกหลายโรคสารพัด
เพราะเราใช้ร่างกายผิดไปจากที่ถูกสร้างมานั่นเอง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
#BORNTORUN #เกิดมาวิ่ง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
หากเพื่อนๆ รักการอ่าน รักการวิ่ง  ก็ขอเชิญชวนมาร่วมอ่าน และแชร์หนังสือเล่มโปรดกันค่ะ
เรียนเชิญเข้ากลุ่ม หนังสือวิ่ง - Running Bible by HEKA Moment

 
📖🏃‍♀️
กลุ่มสำหรับ นัก(รัก)วิ่ง, นัก(ชอบ)วิ่ง, นักวิ่ง มาแลกเปลี่ยน เล่าเรื่องหนังสือเล่มโปรดให้กันฟัง..
เพื่อแบ่งปันความรู้ ความสนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กัน จากหนังสือ บทความ งานวิจัยต่างๆ ที่เราได้อ่านกันมา
เพราะหลายครั้งที่ ตัวหนังสือ หรือข้อความเพียงสั้นๆ ได้ช่วยให้เรา เข้าใกล้กับคำว่า "ฟินิชเชอร์" มากขึ้นๆ ทั้งในมุมของการวิ่ง และการใช้ชีวิต
📖🏃‍♀️
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
#หนังสือวิ่ง #RunningBible #HEKA #HEKAmoment
#นักวิ่ง #นักรักวิ่ง #นักชอบวิ่ง #นักอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่