อันนี้เป็นกระทู้แรกของผม ขอมาระบาย
ก่อนอื่นเลยครับมันเริ่มจากเมื่อตอนเช้า คือวันนี้ต้องผมไปงานศพของปู่ที่ต่างจังหวัด ตอนกำลังเดินทางด้วยความที่ผมเป็นหลานชายเพียงคนเดียวนั้น พ่อก็เลยต้องการให้ผมบวชหน้าไฟครับ แต่ผมปฏิเสธครับ ผมไม่นับถือศาสนา แถมยังเคยบวชหน้าไฟหลายต่อครั้งแล้วครับ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ กลับกันรู้สึกไม่สบายจิต ไม่สบายตัวมากๆ
เวลานุ่งผ้าเหลืองก็ชอบหลุด มีศีลแปดข้อให้ปฏิบัติตามตอนเด็กไปหาคนช่วยใส่ให้ก็โดนแกล้ง คนที่อยู่แถว ๆ นั้ยก็หัวเราะเยาะ คงจะตลกน่าดูเลยสินะครับ
ต่อมาพ่อจ้างผมครับ แต่ผมก็ปฏิเสธไปอย่างจริงจัง ถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายเลยครับ ถ้าต้องไปบวชหน้าไฟล่ะก็... แล้วนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันครับ มันออกนอกประเด็นบวชไม่บวชแล้วครับ กลายมาเป็นเรื่องที่ผมเป็นคนไม่มีศาสนาแทน พ่อโทษนั่นโทษนี่ บอกผมว่าผมอ่านและได้ความเข้าใจในศาสนาแบบผิด ๆ ให้ไปอ่านแบบที่ถูกต้อง
ผมนี่ถอนหายใจเลยครับ ไม่พูดอะไร แต่เดินออกมาเงียบ ๆ คือว่าไม่อยากมีศาสนาครับ ไม่อยากรู้ด้วยครับ ช่วยอย่ามาละเมิดสิทธิของผมได้ไหมครับ แค่ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเดียวไม่ได้เหรอครับ
อีกอย่างเป็นอะไรกับคนไม่มีศาสนากันมากเหรอครับ ไปไหนมาไหนก็ถูกมองว่าเป็นพวกนอกคอกตลอด ถูกสถาณการณ์บังคับให้ทำโน้นทำนี่ตาม ไม่งั้นจะถูกมองด้วยสายตาและถามหาถึงเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด บอกตรง ๆ ไม่อยากทำครับ
แค่บอกว่าไร้ศาสนา ก็เท่ากับคนไม่ดีแล้วเหรอครับ กลายเป็นคนเถื่อนที่ไม่มีศาสนาแล้วเหรอครับ
ไม่มีศาสนาแล้วจะเป็นคนดีได้ยังไง นี่คือคำที่ได้ยินบ่อยมาก กฏหมายครับกฏหมาย..
อ้อ คือว่าผมกับพ่อจบกันแล้วนะ พอดีว่าที่บ้านทั้งครอบครัวเป็นพวกทะเลาะกันง่าย หายเร็ว ถึงจะมีประชดประชันกันหน่อยก็เถอะครับ ส่วนไอ้ที่พิมมานี่น่ะ คือการระบายความอัดอั้นในใจของผมตั้งแต่เช้าครับ
คนไม่มีศาสนา ไม่อยากบวช
ก่อนอื่นเลยครับมันเริ่มจากเมื่อตอนเช้า คือวันนี้ต้องผมไปงานศพของปู่ที่ต่างจังหวัด ตอนกำลังเดินทางด้วยความที่ผมเป็นหลานชายเพียงคนเดียวนั้น พ่อก็เลยต้องการให้ผมบวชหน้าไฟครับ แต่ผมปฏิเสธครับ ผมไม่นับถือศาสนา แถมยังเคยบวชหน้าไฟหลายต่อครั้งแล้วครับ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ กลับกันรู้สึกไม่สบายจิต ไม่สบายตัวมากๆ
เวลานุ่งผ้าเหลืองก็ชอบหลุด มีศีลแปดข้อให้ปฏิบัติตามตอนเด็กไปหาคนช่วยใส่ให้ก็โดนแกล้ง คนที่อยู่แถว ๆ นั้ยก็หัวเราะเยาะ คงจะตลกน่าดูเลยสินะครับ
ต่อมาพ่อจ้างผมครับ แต่ผมก็ปฏิเสธไปอย่างจริงจัง ถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายเลยครับ ถ้าต้องไปบวชหน้าไฟล่ะก็... แล้วนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันครับ มันออกนอกประเด็นบวชไม่บวชแล้วครับ กลายมาเป็นเรื่องที่ผมเป็นคนไม่มีศาสนาแทน พ่อโทษนั่นโทษนี่ บอกผมว่าผมอ่านและได้ความเข้าใจในศาสนาแบบผิด ๆ ให้ไปอ่านแบบที่ถูกต้อง
ผมนี่ถอนหายใจเลยครับ ไม่พูดอะไร แต่เดินออกมาเงียบ ๆ คือว่าไม่อยากมีศาสนาครับ ไม่อยากรู้ด้วยครับ ช่วยอย่ามาละเมิดสิทธิของผมได้ไหมครับ แค่ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเดียวไม่ได้เหรอครับ
อีกอย่างเป็นอะไรกับคนไม่มีศาสนากันมากเหรอครับ ไปไหนมาไหนก็ถูกมองว่าเป็นพวกนอกคอกตลอด ถูกสถาณการณ์บังคับให้ทำโน้นทำนี่ตาม ไม่งั้นจะถูกมองด้วยสายตาและถามหาถึงเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด บอกตรง ๆ ไม่อยากทำครับ
แค่บอกว่าไร้ศาสนา ก็เท่ากับคนไม่ดีแล้วเหรอครับ กลายเป็นคนเถื่อนที่ไม่มีศาสนาแล้วเหรอครับ
ไม่มีศาสนาแล้วจะเป็นคนดีได้ยังไง นี่คือคำที่ได้ยินบ่อยมาก กฏหมายครับกฏหมาย..
อ้อ คือว่าผมกับพ่อจบกันแล้วนะ พอดีว่าที่บ้านทั้งครอบครัวเป็นพวกทะเลาะกันง่าย หายเร็ว ถึงจะมีประชดประชันกันหน่อยก็เถอะครับ ส่วนไอ้ที่พิมมานี่น่ะ คือการระบายความอัดอั้นในใจของผมตั้งแต่เช้าครับ